เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เริ่มนำร่องทดลองใช้แอพพลิเคชั่น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมินรูปแบบใหม่ปี 2564 ด้วยแนวคิดในการนำแพลตฟอร์มเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการประเมินทั้งระบบ ช่วยให้การประเมินรวดเร็วสถานศึกษาทั่วประเทศได้รับการประเมินอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาในการลงพื้นที่ ไม่สร้างภาระแก่สถานศึกษา

ดร.นันทา หงวนตัด รักษาการผู้อำนวยการ สมศ. กล่าวว่า สมศ. ได้ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เพื่อเป็นการทดลองใช้แอพพลิเคชั่นสำหรับผู้ประเมินภายนอก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการประเมิน และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องการให้หน่วยงานในกำกับ หันมาใช้ระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลในกระบวนการทำงานมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมินรูปแบบใหม่ปี 2564

สมศ.จึงได้นำร่องทดลองใช้แอพพลิเคชั่น ที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนธ.ค.2563 โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าว จะช่วยให้การลงพื้นที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การบันทึกข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงลดระยะเวลาในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเหลือเพียงแค่ 1 วันสำหรับสถานศึกษาขนาดเล็ก และช่วยลดปัญหาการร้องเรียนในกรณีต่างๆ เช่น ผู้ประเมินมาสาย หรือกลับก่อนเวลา อีกทั้งในกรณีที่เกิดการร้องเรียนก็สามารถตรวจสอบประวัติการดำเนินการผ่านแอพพลิเคชั่นได้เลย ซึ่งระบบแอพพลิเคชั่นจะทำให้ สมศ. และหน่วยประเมินรู้สถานะของผู้ประเมินพร้อมกัน

ดร.นันทา กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดการทำงานของระบบแอพพลิเคชั่น สมศ.จะมีการเปิดให้ผู้ประเมิน ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น หลังจากนั้นผู้ประเมินสามารถล็อกอินเข้าระบบด้วยเลขที่บัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ และจะได้รับรหัส OTP ที่ได้รับผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
หลังจากล็อกอินเสร็จเรียบร้อย ในระบบจะมีข้อมูลเบื้องต้นของผู้ประเมิน และข้อมูลของสถานศึกษาที่ผู้ประเมินจะต้องลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ว่าจะต้องไปในวันเวลาใดบ้าง

ส่วนขั้นตอนในการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อการบันทึกข้อมูลนั้นสามารถทำได้ทั้งแบบพิมพ์ข้อความ และบันทึกผ่านเสียง จากนั้นระบบจะแปลงเสียงมาเป็นไฟล์ข้อความ และผู้ประเมินสามารถส่งรายละเอียดไปยังอีเมล์ เพื่อทำการแก้ไขรายงานสรุปได้เลยทันที ส่งผลให้งานประเมินสามารถทำได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และยังช่วยลดจำนวนวันในการลงพื้นที่ และลดภาระงานของสถานศึกษาอีกด้วย

โดยในขณะนี้ระบบแอพพลิเคชั่นมีความสมบูรณ์พร้อมใช้งานแล้ว 90% ซึ่งสมศ. จะเริ่มให้ผู้ประเมินใช้แอพพลิเคชั่นในกระบวนการประเมินอย่างเต็มรูปแบบในเดือนธ.ค.2563 เนื่องจากเป็นเดือนแรกที่จะเริ่มการประเมินในรูปแบบใหม่

นอกจากการนำแอพพลิเคชั่นมาใช้ระบบการประเมินแล้ว สมศ.ยังได้มีการพิจารณาปรับเกณฑ์ การประเมินรูปแบบใหม่เพื่อให้การประเมินเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสถานศึกษา สามารถนำผลประเมินไปใช้พัฒนาสถานศึกษาได้จริง

การลงพื้นที่เพื่อทดลองใช้ระบบแอพพลิเคชั่นครั้งนี้ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งภายหลังจากลงพื้นที่ทดลองเสร็จเรียบร้อย สมศ.จะนำข้อมูลที่ได้ไปปรับให้ระบบแอพพลิเคชั่นมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น รองรับการประเมินรูปแบบใหม่ที่จะมาถึง และเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างที่ผู้ประเมินใช้แอพพลิเคชั่นในช่วงที่มีการประเมินจริง

“สมศ.ยังคาดหวังว่าระบบเทคโนโลยีที่นำมาใช้จะช่วยให้กระบวนการประเมินสามารถทำให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น และไม่สร้างภาระให้แก่สถานศึกษาและผู้ประเมินภายนอก อีกทั้งแอพพลิเคชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ สมศ.อยู่ระหว่างการศึกษาและจัดทำ จะช่วยให้การประเมินสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว สถานศึกษาทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 60,000 แห่ง ได้รับการประเมินอย่างทั่วถึงตามเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 49 การนำระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาใช้จะทำให้ สมศ.สามารถประเมินสถานศึกษาได้ในปริมาณเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา” ดร.นันทา กล่าวสรุป

ด้านนางสาวพวงแก้ว สกุลทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์ปอลหนองคาย กล่าวว่า ทางโรงเรียนเห็นด้วยที่ทาง สมศ. มีการปรับรูปแบบ ปรับเกณฑ์ และระบบการประเมินโดยการลดความซ้ำซ้อน ลดจำนวนวันลงพื้นที่ ลดภาระงานของโรงเรียน เน้นการประเมินที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงและเกิดประโยชน์ต่อโรงเรียน

ดังนั้นสำหรับการประเมินรูปแบบใหม่ปี 2564 ทางโรงเรียนจึงมีการประชุม วางแผน ทุกสัปดาห์ และดำเนินงานตามแผน ตามขั้นตอนของระบบการประกันคุณภาพภายใน พร้อมทั้งปรับปรุงรูปแบบการเรียนการสอน เพิ่มทักษะความชำนาญทางเทคโนโลยีให้ให้แก่ครู เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งแนวทางดังกล่าวถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเข้ารับการประเมินรูปแบบใหม่ด้วย

สำหรับสถานศึกษาแห่งอื่น ที่จะเข้ารับการประเมินคุณภาพภายนอก สถานศึกษาต้องสำรวจบริบทของตัวเองก่อนว่าอะไรคือจุดเด่น หรือจุดที่ควรพัฒนาเพิ่มเติม หลังจากนั้นให้กำหนดเป้าหมายการประกันคุณภาพภายในให้สอดคล้องกับสิ่งที่จะต้องปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น เพราะหากสถานศึกษาทำประกันคุณภาพภายในได้ดี จะส่งผลให้การประเมินภายนอกดีตามไปด้วย โดยที่สถานศึกษาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม เพราะการประเมินของ สมศ.รูปแบบใหม่ ไม่ได้เพิ่มภาระให้แก่สถานศึกษาอีกต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 0-2216-3955 หรือเข้าไปที่ www.onesqa.or.th

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน