4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยามีน้ำเพิ่มขึ้น หลังมีฝนตกจากอิทธิพลของพายุ “เจิมปากา” กรมชลประทาน เดินหน้าบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เน้นเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด หลังมีฝนตกกระจายเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้ ตามนโยบายของรัฐบาล โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เจิมปากา” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย แต่ก็ทำให้มีฝนตกกระจายเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ระหว่างวันที่ 20-30 ก.ค. 64 รวมกันกว่า 3,500 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ รวมกันประมาณ 609.41 ล้าน ลบ.ม.

ปัจจุบัน 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้ำรวมกัน 8,080 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 32 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 1,384 ล้าน ลบ.ม. ยังรับน้ำได้รวมกันอีกประมาณ 16,791 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมสถานการณ์น้ำดีขึ้น

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า วันที่ 2 – 7 ส.ค. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

คาดว่าจะทำให้มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศติดตามเฝ้าระวังสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง พร้อมกับบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด

จึงขอให้ประชาชนติดตามสถาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือสามารถร้องขอไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน