“ผบ.ทร.” เป็นประธาน พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในโอกาสครบรอบวัน พระราชสมภพ

17 เม.ย. 2565 – พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในโอกาสครบรอบวันพระราชสมภพ ณ วัดอินทารามวรวิหาร แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

ซึ่งมูลนิธิพระเจ้าตากสินมหาราชได้จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในการช่วยกอบกู้อิสรภาพปลูกจิตสำนึกในการรู้รัก สามัคคี ของคนในชาติ

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรืออีกพระนามคือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 พระราชสมภพ ในวันอาทิตย์เดือน 5 ขึ้น 15 ค่ำปีขาล จุลศักราช 1096 ตรงกับวันที่ 17 เมษายนพุทธศักราช 2277 ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงมีพระนามเดิมว่า “สิน” พระบิดาเป็นพ่อค้าชาวจีนแต้จิ๋ว นามว่า “นายไหฮอง แซ่แต้” พระมารดา เป็นหญิงไทยนามว่า “นกเอี้ยง”

ภายหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ.2310 พระองค์ได้ รวบรวมเสบียง และกำลังคนได้ราว 5,000 นาย จึงได้ยกทัพเรือล่องมาจนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา และยึดเมืองธนบุรีจากพม่าได้สำเร็จ จากนั้น พระองค์ได้ยกทัพเรือต่อไปยังกรุงศรีอยุธยา ก่อนจะสามารถเข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น และขับไล่ทหารพม่าออกไปจากราชอาณาจักร สามารถกอบกู้เอกราชได้สำเร็จภายในเวลา 7 เดือน นับตั้งแต่ที่เสียกรุง

ทรงตั้งราชธานีใหม่ ขนานนามว่า “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” และทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ในพระชนมายุ 34 พรรษา ทรงเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 และพระราชกรณียกิจหลังจากนั้นของพระองค์ คือการปราบปรามก๊กต่าง ๆ ที่แตกแยกเป็นฝ่าย เพื่อรวบรวมให้เป็นอาณาจักรเดียวกัน และฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากทำสงครามกับพม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงครองราชย์ได้ 15 ปี ก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 สิริพระชนมายุได้ 48 พรรษา

ตลอดรัชสมัย ภายหลังการกอบกู้อิสรภาพของชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันทรงคุณอนันต์ ทรงแผ่พระบารมีปกเกล้าให้บังเกิดความสงบร่มเย็นแก่ชาติบ้านเมืองตลอดมา พระปรีชาสามารถของพระองค์ในด้านการรบเพื่อป้องกันบ้านเมืองและปราบปรามชุมนุมคนไทยในท้องถิ่นต่างๆก่อให้เกิดความปลอดภัยและสร้างความเป็นเอกภาพ ทรงฟื้นฟูทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีสภาพดีเหมือนกับสมัยกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังทรงติดต่อค้าขายกับนานาชาติและขยายอาณาเขต

โดยมีกรุงธนบุรีเป็นศูนย์กลางกลางบริหารราชการแผ่นดิน พระองค์ได้ทรงรวบรวมช่างฝีมือที่ยังหลงเหลือจากกรุงเก่าทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามพระราชวังและงานฝีมือต่างๆ ทั้งยังรวบรวมขุนนางผู้รู้ธรรมเนียมในสมัยกรุงศรีอยุธยาเข้ารับราชการ ทรงนิมนต์พระสงฆ์ ผู้มีความรู้ปฏิรูปพระพุทธศาสนาและทำการคัดลอกพระไตรปิฎก

นอกจากนี้ยังทรงฟื้นฟูศิลปะการละครและศิลปกรรม จึงอาจกล่าวได้ว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีคุณูปการแก่ประเทศชาติเป็นอเนกอนันต์ ประชาชนชาวไทยต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ โดยถวายพระราชสมัญญานามว่ามหาราชและถือเอาวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปีเป็น “วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”

วัดอินทาราม เป็นวัดสำคัญของสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี เป็นวัดอนุสรณ์สันติสถานที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงประกอบพระราชกุศล มีโบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์หลายอย่างด้วยกันที่นับว่าสำคัญน่าชมและศึกษา คือพระแท่นบรรทมไสยาสน์ เป็นพระราชอาสน์ที่พระองค์ทรงประทับแรมทรงศีล และทรงเจริญกรรมฐาน ประวัติที่น่าศึกษาของวัดนี้คือ เป็นที่ประดิษฐาน (ฝัง) พระบรมศพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อพุทธศักราช 2327 และบรมศพพระอัครมเหสีของพระองค์ ก็ได้ถวายพระเพลิงและบรรจุพระบรมอัฐิไว้ ณ วัดนี้ทั้งสองพระองค์ วัดอินทาราม นับได้ว่า เป็นอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน