เมื่อก้าวสู่ศักราชใหม่ ทุกคนต่างเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่ผ่านเรื่องราวในปีที่ผ่านมา เริ่มต้นสิ่งใหม่ ตั้งเป้าหมายในชีวิตเพิ่อเริ่มต้นปีที่ดี และสร้างความดี พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพฯ ได้เมตตามาให้ข้อคิดในการเริ่มต้นที่ดี ในหัวข้อ “พรดี ปีใหม่” บนเวทีเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ

พระพรหมดิลกได้กล่าวถึงการส่งท้ายปีเก่าไว้ว่า “อย่าคิดถึงปีเก่าที่ผ่านพ้นไป ให้คิดถึงสิ่งใหม่ที่กําลังจะเกิดขึ้นและทำให้ชีวิตของเรามีค่ามากขึ้น”พระพุทธเจ้าสอนว่า “อตฺตานํ นาติวตฺเตยฺย” คือ สอนว่าเราอย่าลืมตัวเรา เพราะฉะนั้นเมื่อปีใหม่ย่างเข้ามาในแต่ละปีๆ มันก็ทำให้ชีวิตเราเก่าลงไปแต่ละปีๆ เก่าตรงนี้ก็หมายถึงแก่ลงทุกปีๆ ดังนั้นคุณโยมก็อย่าคิดรักปีใหม่มันมากนัก ถ้าเรารักปีใหม่มันมากนัก ชีวิตเราก็จะเก่าไปไว ไปไวๆ อย่าไปคิดถึง 365 วันที่ผ่านมานี้ ให้นึกต่อจากนี้ไปว่าจาก 365 วันเก่า กับ 365 วันใหม่ เราจะทําอะไรให้กับชีวิตของเรา ของเก่าที่ผ่านไป ถามว่าเราจะเอาคืนมาได้ไหม เราก็เอาคืนมาไม่ได้สักอย่าง แต่ว่าของใหม่ที่กําลังเกิดขึ้นกับตัวเรา เราจะสร้างอะไร เราจะเติมอะไร ให้ชีวิตของเรามันใหม่ขึ้น และทําให้ชีวิตของเรานั้นมีค่ามากขึ้นนี่คือสิ่งที่สําคัญ

สิ่งที่ล่วงไปแล้วเอาคืนมาไม่ได้ และเราจะไปหวังสิ่งใหม่ที่ยังมาไม่ถึงก็ไม่ได้ ให้อยู่กับปัจจุบัน และคิดว่าจะทําอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิต พระพุทธเจ้าสอนว่า “อตีตํ นานฺวาคเมยฺย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ” สิ่งที่ล่วงไปแล้วเราเอาคืนมาไม่ได้ และเราจะไปหวังสิ่งใหม่ที่ยังมาไม่ถึงก็ไม่ได้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ท่านสอนให้อยู่กับปัจจุบัน กับความหมายของชีวิต กับปีใหม่ของชีวิตที่ผ่านมา และที่กําลังมาถึงเราในปัจจุบัน ซึ่งเราก็ยึดถือในคติของโลกที่เค้าบอกว่า วันที่ 1 มกราคม จะเป็นการขึ้นปีใหม่ ก็คือตั้งแต่หลัง 6 ทุ่ม ของวันที่ 31 ธันวาคม 6 ทุ่ม 1 นาที ก็ถือว่าเป็นปีใหม่ นี่เป็นของชาวโลกนิยมกัน แต่ว่าของไทยก็คือเดือนเมษายน 13 เมษายน ก็ถือว่าเป็นปีใหม่ของไทยเพราะฉะนั้นจากปีเก่ามาถึงปีใหม่ ให้เราคิดว่าจะทําอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิตของเรานี่คือสิ่งที่สําคัญ

เอาปัจจุบันไปแก้ไขกับสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้ว เพื่อที่เราจะได้สิ่งที่ดีๆ ในอนาคตสืบต่อไป การมองชีวิตพระพุทธองค์ยังสอนว่าให้เรามองดูตรงตัวปัจจุบัน เอาตัวปัจจุบันเป็นตัวที่แก้ไขกับสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้ว เพื่อที่เราจะได้อะไรต่อไปที่ดีๆ ในอนาคตสืบต่อไป แม้ว่าในส่วนของอนาคต เราก็อย่าไปคิดว่าจะได้สิ่งนั้นสมความปรารถนาของเรา เราอาจจะไม่สามารถได้ในสิ่งนั้น เพราะชีวิตของคนเราที่เกิดมานี้ เราก็เกิดมาอยู่ในฐานะที่ต่างกัน ก็เพราะเหตุว่าเราสร้างฐานะของบุญกุศลมามันไม่เท่ากัน

กาลเวลาย่อมกลืนกินชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายพร้อมกับตัวของมันเอง คุณโยมอย่าไปยินดีกับปีใหม่มากนัก เพราะว่ายิ่งปีใหม่มาถึงเราไวเท่าไหร่ชีวิตของเราก็หมดไปเท่านั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า “กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา” กาลเวลาย่อมกลืนกินชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายพร้อมกับตัวของมันเอง ปีหนึ่งผ่านไปอายุของเราก็เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ปี ปีที่ 2 ก็เพิ่มเป็น 2 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี 4 ปี มากระทั่งจนถึงปัจจุบันนี้ มันผ่านไปเท่าไหร่แล้วจะไปเอาวัยที่เก่าแล้ว เอาขึ้นมาใหม่ก็เอามาไม่ได้ เพราะมันผ่านแล้ว มันผ่านเลยไม่มีโอกาสที่จะกลับมา

ในอดีตนั้นเราขาดอะไร พยายามมาเติมในปีใหม่ให้เต็ม จงเริ่มต้นชีวิตใหม่ของปีใหม่ โดยการมองหาสภาพหลังกับชีวิตของเรา ก็คืออดีตนั่นเองว่าสิ่งที่เป็นอดีตนั้นเราขาดอะไร คุณโยมขาดอะไรบ้าง แล้วพยายามมาเติมเต็มในปีใหม่ให้เต็ม สมมติว่าเราให้ทานน้อยไป เราก็มาเพิ่มการให้ทานของเรา เรามีเวลารักษาศีลน้อยไป เราก็มาเพิ่มการรักษาศีลของเราให้มากขึ้น จากแต่ก่อนถือศีลได้ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 ได้มา 4 ข้อ ปีนี้ก็เอา 5 ข้อ ให้มันเพิ่มขึ้นมา จากการที่เราเจริญจิตภาวนา เรานั่งเกินนาที 4 นาที 5 นาที แล้วมันก็ได้แค่นั้น ขึ้นปีใหม่ตั้งต้นใหม่แล้ว 5 นาที ไม่พอ เพิ่มเป็น 10 นาที วันหนึ่ง 10 นาที เดือนหนึ่งก็เท่าไหร่แล้ว 30 วัน ก็เท่ากับ 300 นาที คิดเป็นชั่วโมง เดือนหนึ่งก็ได้เท่าไหร่แล้ว และที่สุดพอถึงสุดท้ายของชีวิตของเรา เราจะนั่งสมาธิได้เท่าไหร่ จะรักษาศีลของเราให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีกเท่าไหร่

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นสัจธรรม เมื่อเราไม่สามารถเอาอะไรคืนมาได้ ปีใหม่เราต้องเพิ่มคุณธรรมให้เกิดขึ้น คือสร้างความดีให้เกิดขึ้น เรื่องของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจังคือความเปลี่ยนแปลง ทุกขังคือมันทนไม่ได้อยู่ในลักษณะเดิมของมันที่แปลว่าเป็นทุกข์ คือร่างกายของคนเรามันไม่สามารถจะอยู่ในสภาพเดิมของมันได้ มันจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาของมัน จะไปแก้ไขยังไงก็แก้ไขไม่ได้ มันเป็นสัจธรรมความเป็นจริงของสังขารของพวกเรา แล้วรูปที่ว่าเป็นอนัตตา คือมันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของคนเรา เพราะว่ามันประกอบกันมันรวมกัน ในธาตุทั้ง 4 รวมกันอยู่ สมควรหรือที่เราจะไปยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ พระพุทธเจ้าจึงแสดงธรรม เรื่องอนัตตลักขณสูตรว่า “ตํ กึ มญฺญถ ภิกฺขเว” เธอสำคัญรูปนี้เป็นยังไง รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง รูปเป็นทุกข์หรือไม่ทุกข์ รูปเป็นอนัตตาหรือไม่เป็นอนัตตา พระพุทธเจ้าถาม ภิกษุก็ตอบ รูปไม่เที่ยง รูปเป็นทุกข์ รูปเป็นอนัตตา ก็ตอบตามที่พระพุทธองค์ถาม เพราะมันเป็นเรื่องของสัจจะความเป็นจริง บุคคลเราเมื่อถูกความแก่เข้าครอบงำ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “ชราชชฺชริตา โหนฺติ หตฺถปาทา อนสฺสวา” ร่างกายของพวกเราเมื่อถูกความแก่เข้ามาครอบงําแล้ว แม้แต่มือและเท้ามันก็สั่งงานไม่ได้ จะให้มันเดินตรงๆ บางทีมันก็ไม่ตรง จะให้หลังมันไม่งอมันก็ไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง มันเป็นสภาพความเป็นจริงของสังขาร สังขารของคนเรามัน

เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อเราเข้าใจในส่วนตรงนี้แล้ว ทำการปฏิบัติที่มันถูกต้อง เราไม่ควรที่จะยึดมั่นถือมั่นจากอุปาทานที่มันเกิดขึ้นกับตัวของเรา แล้วอย่าไปขอร้องว่า ตัวเราอย่าแก่ ตัวเราอย่าเจ็บ ตัวเราอย่าตาย อย่างนี้มันขอกันไม่ได้ เมื่อเราขอร้องในสิ่งทั้งหลายที่มันเป็นไปตามกฏของพระไตรลักษณ์ไม่ได้ เมื่อเราไม่สามารถเอาอะไรคืนมาได้ สิ่งที่เราจะเพิ่มขึ้นใหม่กับปีใหม่กับชีวิตของเรา คือเราต้องเพิ่มคุณธรรมที่เกิดขึ้น คือสร้างความดีให้เกิดขึ้น

เราต้องคิดอยู่เสมอว่าชีวิตของเราได้เกิดมาในชาตินี้แล้ว เราเกิดมาเพื่อสร้างคุณงามความดี เพื่อที่ว่าเราจะได้เกิดต่อไปๆ จนกว่าจะถึงชาติสุดท้าย ก็คือการบรรลุนิพพาน ปีใหม่ต้องสร้างความดีให้ชีวิตของเราใหม่ คือใหม่ทั้งส่วนกาย และใหม่ทั้งส่วนใจ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสาระดีๆ จากเวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” แบบนี้ สามารถรับฟังสด และย้อนหลังได้ทาง facebook fanpage CAPLL ทุกวันศุกร์ เวลา 12.00-13.30 น. นอกจากนี้ ยังมีคติธรรมดีๆ ฟังง่ายๆ ผ่าน TikTok ที่ ธรรมะTikTok

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน