มีไขมันส่วนเกิน ไขมันสะสมใต้ผิวหนัง เป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้หลายคนไม่มั่นใจในตนเอง บางคนน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติดี แต่กลับมีสัดส่วนที่ใหญ่ จะลดน้ำหนักหรือออกกำลังกายก็ไม่ได้ช่วยลดไขมันลงเท่าไหร่นัก

ปัญหานี้ Coolsculpting เป็นอีกทางออกที่ช่วยให้ไขมันสะสมใต้ผิวหนังลดลงจนสังเกตได้จริง อีกทั้งยังไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัดดูดไขมัน เพียงแค่ใช้ความเย็นสลายเซลล์ไขมันและให้ร่างกายของเรากำจัดออกไปเองเท่านั้น ทำให้เครื่องสลายไขมัน Coolsculpting เป็นที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมในขณะนี้

Coolsculpting หนึ่งในทางออกของปัญหาไขมันส่วนเกิน

Coolsculpting คือ เครื่องมือทางการแพทย์ที่สามารถสลายไขมันสะสมใต้ผิวหนังให้ลดลงด้วยความเย็น โดยมีหลักการทำงานอย่างการทำให้เซลล์ไขมันอยู่ในสภาวะที่แช่แข็ง ซึ่งตัวเครื่อง Coolsculpting จะส่งคลื่นพลังงานเพื่อดึงความร้อนใต้ผิวจนมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง (ประมาณ -11 องศาเซลเซียส) และด้วยสาเหตุที่เซลล์ไขมันจะไม่ทนต่อความเย็นเท่ากับเซลล์ชนิดอื่น จึงทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและตายลง (Apoptosis) แบบจำเพาะเจาะจง ไม่ไปทำให้เซลล์อื่น ๆ รอบข้างเสียหาย

จากนั้นร่างกายจะเข้าสู่การกำจัดเซลล์ที่ตายไป ซึ่งก็คือเซลล์ไขมันที่โดนความเย็นจากเครื่อง Coolsculpting นั่นเอง เมื่อเซลล์ไขมันที่ตายไปถูกสลายด้วยกระบวนการกำจัดของเสียของร่างกาย จึงทำให้บริเวณที่เคยมีไขมันสะสมอยู่มีสัดส่วนเล็กลงโดยที่ไม่ต้องทำการเจาะดูดไขมันแต่อย่างใด

Coolsculpting เหมาะกับใคร

coolsculpting คือ

Coolsculpting เป็นหัตถการที่สามารถกำจัดไขมันได้โดยไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด หรือเจาะดูดไขมัน แถมยังให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจด้วยการสลายไขมันออกไปได้มากกว่า 20% ภายในครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม การทำ Coolsculpting ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่จะเหมาะกับใครบ้าง ไปดูกัน

  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวไม่มาก แต่มีปัญหาไขมันสะสมใต้ผิวหนัง
  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดสัดส่วน โดยที่ไม่ต้องการผ่าตัด
  • Coolsculpting เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันที่ให้ผลเร็วและชัดเจน
  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น แต่ต้องการกำจัดไขมันเร่งด่วน
  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด ออกกำลังกายเผาผลาญออกได้ยาก
  • Coolsculpting เหมาะกับคุณแม่หลังคลอดที่มักจะมีปัญหาไขมันสะสม

รวบรวมข้อดีของเครื่อง Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น

Coolsculpting มีข้อดีอย่างไรที่ทำให้ผู้ที่ต้องการสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังรู้สึกสนใจทำหัตถการ? เราได้รวบรวมข้อดี จุดเด่นของ Coolsculpting มาให้แล้ว ดังนี้

  • Coolsculpting ไม่ต้องผ่าตัดเพื่อเจาะดูดไขมันสะสมส่วนเกิน เพียงแค่ส่งคลื่นพลังงานความเย็นลงใต้สู่ผิว เพื่อกำจัดเซลล์ไขมันแบบจำเพาะเจาะจงเท่านั้น
  • Coolsculpting ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำหัตถการเสร็จ สามารถทำงานหรือทำกิจกรรมใด ๆ ได้ทันที
  • Coolsculpting สามารถลดไขมันสะสมใต้ผิวหนังมากถึง 20% เพียงแค่การทำครั้งเดียวเท่านั้น
  • Coolsculpting เป็นเครื่องมือหัตถการที่ได้รับรองจาก US FDA และมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 70 ฉบับ ทำให้สามารถใช้เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
  • Coolsculpting มีทิปหลายหัวให้เลือกใช้ เพื่อให้ประสิทธิภาพในการส่งคลื่นพลังงานดีที่สุด

Coolsculpting นิยมทำตรงไหนบ้าง?

เครื่อง Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็นแบบเฉพาะจุดช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมได้หลายส่วน ถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณที่ลดไขมันยาก แต่ Coolsculpting ก็สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ ซึ่งบริเวณที่นิยมทำ Coolsculpting จะมีดังนี้

  • บริเวณหน้าท้อง รอบเอว
  • บริเวณใบหน้า ใต้คาง
  • บริเวณต้นขา ต้นแขน
  • บริเวณนมน้อย
  • บริเวณบั้นท้าย

Coolsculpting กับการดูดไขมันมีความต่างกันอย่างไร

หากพูดถึงวิธีการกำจัดไขมันสะสมด้วยหัตถการทางการแพทย์ หลายคนอาจนึกถึงการผ่าตัดดูดไขมันและการสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting แต่ทั้งสองหัตถการนี้มีข้อแตกต่างทั้งด้านเทคนิค รวมถึงผลลัพธ์ที่ให้หลังทำ แต่จะแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันได้เลย

  • Coolsculpting

เป็นหัตถการกำจัดไขมันที่ใช้การส่งพลังงานเย็นลงในชั้นผิวหนัง ซึ่งเซลล์ไขมันจะมีจุดเยือกแข็งที่ต่ำกว่าเซลล์อื่น ๆ ทำให้เซลล์ไขมันตาย และร่างกายก็จะเข้าสู่กระบวนการกำจัดเซลล์ต่อไป เป็นวิธีกำจัดไขมันที่ไม่ต้องผ่าหรือเจาะดูดไขมันจนทำให้เกิดบาดแผลเปิดแต่อย่างใด และสามารถกำจัดไขมันได้ประมาณ 20% ภายในครั้งเดียว เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด

  • ผ่าตัดดูดไขมัน

เป็นหัตถการกำจัดไขมันที่ใช้เครื่องมือสอดเข้าไปใต้ผิว บริเวณชั้นไขมัน จากนั้นจะทำการดูดไขมันออกมาด้วยระบบสุญญากาศ บางเครื่องอาจมีฟังก์ชันในการส่งคลื่นสลายเซลล์ไขมันก่อนแล้วค่อยดูดไขมันที่ตายแล้วออกมา สามารถกำจัดไขมันได้มากกว่าการสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ไว แต่ต้องแลกกับการพักฟื้นที่นานกว่าและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

Coolsculpting ให้ผลลัพธ์อย่างไร ทำกี่ครั้งเห็นผล

เครื่องสลายไขมัน

หลังสลายไขมันด้วยความเย็นจากเครื่อง Coolsculpting จะสามารถเห็นผลลัพธ์ลดไขมัน กระชับสัดส่วนได้เพียงการทำเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังทำหัตถการ Coolsculpting ไปแล้วระยะหนึ่ง ไม่ได้เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เนื่องจาก Coolsculpting จะเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันแข็งและตายลง แต่หน้าที่ในการสลายไขมันที่ตายไปแล้วออกจากร่างกายจะเป็นหน้าที่ของระบบร่างกายเราเอง ด้วยเหตุนี้ การที่จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนอย่างเซลล์ไขมันหายไป จึงจะต้องรอกระบวนการที่ร่างกายจะเข้าไปย่อยเซลล์ไขมันที่ตายไปแล้วก่อนนั่นเอง

Coolsculpting มีผลข้างเคียงหรือไม่?

Coolsculpting เป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย เป็นเครื่องมือการแพทย์ที่ได้รับการรับรองว่าสามารถใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การทำ Coolsculpting อาจเกิดผลข้างเคียงในบางราย อาทิ ผิวช้ำเลือดออกใต้ผิวหนัง มีอาการปวดช้ำหรือแสบผิว หรือสีผิวเปลี่ยนไปชั่วขณะ

แต่อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หากดูแลตนเองหลังทำหัตถการ Coolsculpting ดี อาการข้างเคียงเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ

สรุป Coolsculpting

Coolsculpting หัตถการสลายไขมันด้วยความเย็นถึงประมาณ -11 องศาเซลเซียส ที่ทำให้เซลล์ไขมันตายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ ส่งผลให้สัดส่วนที่ทำ Coolsculpting ดูเล็กลง กระชับขึ้น แบบไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัดหรือออกกำลังกายเพื่อเบิร์นไขมันสะสม

อย่างไรก็ตาม การทำ Coolsculpting เป็นเพียงหัตถการกำจัดไขมันสะสมใต้ผิวเท่านั้น ไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดีและมีหุ่นที่สวยสมส่วน ควรจะออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและแป้งเยอะจะดีที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน