นิชิโนะ ลั่นขอพา ‘ช้างศึกหนุ่ม’ โค่นเวียดนาม ล้างตา พาทีมฉลุยเข้ารอบรองชนะเลิศการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 30 แม้สถิติบ่งชัดว่า ทีมชาติไทยในยุค นิชิโนะ ยังไม่เคยเอาชนะเวียดนาม

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ความเคลื่อนไหว “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ที่เตรียมลงทำศึกตัดสินกับ เวียดนาม ในเกมนัดสุดท้ายของฟุตบอลชาย รอบแรก กลุ่มบี กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่บินาน ฟุตบอล สเตเดียม ในวันที่ 5 ธันวาคม เวลา 15.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่องเอ็นบีที

ล่าสุดเมื่อช่วงสายวันที่ 4 ธันวาคม อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชาวญี่ปุ่น ได้แบ่งลูกทีมออกเป็น 2 ส่วน คือนักเตะที่ลงสนามเป็น 11 ตัวจริง และตัวสำรองในเกมกับลาว อยู่ลงสระผ่อนคลายที่โรงแรม ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งนำมาฝึกซ้อมที่ริซาล เมโมเรียล สเตเดียม นอกจากนี้ยังมี รัตนากร ใหม่คามิ กับ จตุรพัช สัทธรรม ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย มาแยกซ้อมด้วย

สำหรับทีมชาติไทย กับ เวียดนาม เจอกันในฟุตบอลซีเกมส์มาแล้ว 19 ครั้ง เฉพาะใน 90 นาที ไทย ชนะถึง 9 ครั้ง เวียดนามชนะ 3 ครั้ง และเสมอ 7 ครั้ง ครั้งสุดท้ายที่ เวียดนาม ชนะไทย ต้องย้อนไปเมื่อ 52 ปีที่แล้ว ในปี 1967 (เวียดนาม ชนะ 5-0) ครั้งล่าสุด เมื่อหนก่อน ซีเกมส์ 2017 นัดสุดท้ายรอบแรก ไทย ลงสนามด้วยเงื่อนไข ต้องชนะ และสามารถถล่ม 3-0 เขี่ยดาวทองร่วง

ขณะเดียวกัน การพบกันของทีม 23 ปี ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบคัดเลือก ที่ฮานอย เมื่อ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา เวียดนาม ของ ปาร์คฮังซอ ถล่ม ไทย ที่คุมโดย อเล็กซานเดร์ กามา 4-0 “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด โดนใบแดง

ส่วน อากิระ นิชิโนะ มาคุมทีมชาติไทย เจอเวียดนาม ในเกมชุดใหญ่ คัดบอลโลก 2022 รวม 2 ครั้ง ออกเสมอ 0-0 ทั้งเหย้าและเยือน

ภายหลังการฝึกซ้อม กุนซือชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า จากการที่ลงสนามต่อเนื่องมา 4 นัด นักเตะก็เริ่มจะมีอาการล้าสะสม และมีอาการบาดเจ็บบางคน แต่นัดสุดท้ายของรอบแรก ไม่มีทางเลือกคือต้องชนะเท่านั้น ดังนั้นใครที่พร้อมที่สุดก็จะต้องจัดลงไปให้หมด

นิชิโนะ กล่าวต่อว่า จากการที่ได้ดูการเล่นของเวียดนามในเกมกับสิงคโปร์ ก็มีการสับเปลี่ยนผู้เล่นเพื่อรักษาสภาพร่างกายเช่นกัน จุดเด่นของทีมชุดนี้อยู่ที่การเล่นเป็นทีม ไม่พึ่งพานักเตะคนใดคนหนึ่งเป็นหลัก ขณะที่นักเตะไทยอาจจะมีความกดดัน แต่จากชัยชนะกับทีมชาติลาวทำให้ตอนนี้นักเตะไทยมีความฮึกเหิม รวมถึงความพ่ายแพ้หนก่อนก็จะเป็นแรงจูงใจให้ทำผลงานในเกมนี้ให้ดีเช่นกัน

“ตลอดการเจอกันที่ผ่านมา ยังเป็นเวียดนามที่ทำได้ดีกว่า แม้ว่าไทยจะครองบอลเหนือกว่าก็จริง แต่เวียดนามเป็นฟุตบอลที่แพ็คเกมรับเหนียวแน่น ดังนั้นไทยจะต้องปรับปรุงเรื่องการเข้าทำ และทำประตูให้ได้ในการเจอกันครั้งนี้ ผมคงไม่สามารถการันตีว่าไทยจะยิงได้มากกว่า 2 ประตู แต่จะพยายามปลูกฝังนักเตะให้ทำประตูแรกให้เร็วที่สุด”

เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวปิดท้ายว่า จากการที่ได้ลงมาคุมทีมชุดยู-23 เป็นครั้งแรก ก็ได้เห็นว่านักเตะในทีมชุดนี้มีจุดแข็ง จุดอ่อน อย่างไร และมีอะไรที่ต้องปรับปรุงอีกมาก ก่อนจะเข้าการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศไทยต่อไป

ด้าน “เช็ค” สุภโชค สารชาติ จอมทัพที่ได้พักในเกมกับลาว กล่าวว่า สภาพร่างกายดีขึ้นหลังจากได้พักมาเต็มๆ 1 นัด เวียดนามเป็นทีมที่มีเกมรับดี มีวินัยในตัวเอง แต่ทีมชาติไทยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาชนะ 2 ประตูเท่านั้น ต้องสู้เพื่อจะผ่านเข้ารอบต่อไปให้ได้

“หวังว่าเกมนี้จะยิงประตูได้ แต่ก็ไม่ได้สนว่าใครจะเป็นคนยิง ขอให้ทีมชนะให้ได้ก่อนก็พอ ส่วนตัวนั้นมีความมุ่งมั่นเพราะที่ผ่านมาเจอกับเวียดนามยังไม่สามารถเอาชนะได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว”

ส่วน ศฤงคาร พรหมสุภะ กล่าวว่า เป้าหมายสำหรับเกมกับเวียดนามมีเพียงอย่างเดียวคือชนะเท่านั้นและทำได้มากกว่า 2 ประตูขึ้นไปด้วย ก็จะเล่นให้เต็มที่ ไปตามแท็คติกที่โค้ชได้วางเอาไว้ คิดว่าระหว่างทีมไทยกับเวียดนามไม่ต่างกันมา อยู่ที่เราจะทำได้ดีแค่ไหนเท่านั้น

“การเจอกับเวียดนามเขาก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ มันเหมือนเป็นการเจอกับคู่แข่งโดยตรง ทำให้เป็นเกมที่มีความกดดันสูง ดังนั้นจะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด” ศฤงคาร กล่าวปิดท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน