โค้ชแฝด เผยที่มา ความสำเร็จที่ทำให้ ทัพ กรีฑา ทำผลงานกวาดเหรียญทองมากที่สุด ในซีเกมส์ ที่ ฟิลิปปินส์
ในการแข่งขันมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ทีมชาติไทยคว้าไปทั้งหมด 92 เหรียญทอง 103 เหรียญเงิน 122 เหรียญทองแดง จบอันดับ 3 จากทั้งหมด 11 ชาติ หลุดจาก 2 อันดับแรกในอันดับตารางเหรียญรวมซีเกมส์เป็นครั้งเเรกในรอบ 28 ปี โดยครั้งสุดท้ายที่ไทยจบอันดับ 3 ก็คือซีเกมส์ครั้งที่ 16 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปี ค.ศ. 1991

สำหรับ 92 เหรียญทอง แยกตามสมาคมกีฬา ปรากฏว่ามี 33 สมาคมกีฬา กับอีก 1 ชนิดกีฬาที่ส่งแข่งขันโดย กกท. ที่สามารถคว้าเหรียญทองได้ ซึ่งในซีเกมส์ครั้ง สมาคมกีฬากรีฑา ทำผลงานกวาดเหรียญทองมาครองได้มากที่สุด ถึง 12 เหรียญทอง ถือว่าบรรลุเป้าที่ ทัพกรีฑาไทยตั้งความหวังไว้

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ก่อนหน้านี้ “แฝดเล็ก” พล.ต.ต.ศุภวณัฐ อาริยะมงคล หัวหน้าผู้ฝึกสอน ‘กรีฑา’ ทีมชาติไทย กล่าวว่า ซีเกมส์เมื่อปีก่อนเราพยายามของบในการเก็บตัวกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย แผนงานที่เตรียมไว้ก็ไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้ผลงานในซีเกมส์ ที่มาเลเซีย จึงไม่ได้ตามเป้า เราจึงได้วางแผนกันใหม่ โดยเน้นไปที่ประเภทลาน เนื่องจากนักกีฬามีโครงสร้างที่เหมาะสมกว่า จึงเลือกที่จะลงทุนด้วยการส่งไปเก็บตัวและแข่งขันในยุโรป ซึ่งได้ เวียกเชสลาฟ คาลินิชเชนโก โค้ชชาวโปแลนด์ เชื้อสายยูเครน ลูกศิษย์ของเซอร์เก บุบกา มาติวเข้ม ซึ่งการลงทุนกับโค้ชระดับโปร ทำให้ได้ผลจริง อย่างไรก็ตามส่วนนี้ สมาคมกรีฑายังต้องดูแลตัวเองอยู่”

“จากการลงทุนเรื่องโค้ชทำให้เราได้เห็นว่า นักกีฬาประเภทลานมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จากนั้นเรากลับมาลงทุนกับโค้ชประเภทสปรินต์บ้าง ดึงโค้ชระดับโลกจากสหรัฐเข้ามา เพื่อสร้างนักกีฬาระยะสั้นเราขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ผลัดใบไปและไม่มีใครขยับขึ้นมาแทน เนื่องจากเรามีนักกีฬาดาวรุ่งอีกเป็นจำนวนมากที่กำลังรอการขัดเกลาเทคนิกขึ้นมา ถือเป็นการเริ่มสร้างบ้านใหม่อีกครั้ง จากศักยภาพของนักกีฬาดาวรุ่งที่เป็นอาวุธลับของสมาคมกรีฑา ทำให้เรากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในซีเกมส์ปีหน้าที่ฟิลิปปินส์ครั้งนี้” แฝดเล็กกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน