จากสถานการณ์วิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่ทวีความรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในหลายจังหวัดทั่วประเทศ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมแก้ปัญหาดังกล่าว จึงเดินหน้านำเสนอเทคโนโลยีก่อสร้างคุณภาพสูงที่ดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้งานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐานระดับสากลมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด จระเข้ เผยการนำสุดยอดนวัตกรรม Dustless Technology มาใช้ในผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ทั้ง 8 รุ่น ซึ่งถือเป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่มีนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ในผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ โดย Dustless Technology สามารถลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นในการใช้งานได้มากถึง 80% นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการก่อสร้างในกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์จระเข้
นายจิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยถึงที่มาการพัฒนากาวซีเมนต์ที่ใช้ Dustless Technology รายเดียวไทยว่า “จระเข้ ในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรมก่อสร้างครบวงจรและผู้นำตลาดกาวซีเมนต์เมืองไทย เล็งเห็นถึงความเร่งด่วนและความสำคัญของการลดฝุ่นในงานก่อสร้างตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงขั้นตอนการใช้งาน สอดคล้องกับปณิธานในการดำเนินธุรกิจของเราที่มุ่งนำเสนอนวัตกรรมก่อสร้างที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยโจทย์ของเราคือการลดอันตรายของฝุ่นให้แก่ทั้งพนักงานขององค์กรในไลน์การผลิต ไปจนถึงช่างผู้ใช้งาน เจ้าของบ้าน และผู้อยู่อาศัยในชุมชนโดยรอบเขตก่อสร้าง โดยเราได้ทำการศึกษาแนวทางใช้เทคโนโลยีระดับโลกมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ของเรา
ในวันนี้ จระเข้ ภาคภูมิใจที่ได้ปักหมุดเป็นเจ้าเดียวในไทยที่นำ Dustless Technology มาใช้กับผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ปูกระเบื้องทั้ง 8 รุ่น ไม่ว่าจะรุ่นยอดนิยมอย่างกาวซีเมนต์จระเข้เขียว ไปจนถึงรุ่นพรีเมียมสำหรับงานปูทับอย่างกาวซีเมนต์จระเข้ทอง โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นได้มากถึง 80% ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการผลิตและการใช้งานในพื้นที่ก่อสร้าง เรามั่นใจว่านวัตกรรมกาวซีเมนต์ลดฝุ่นของเราจะเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญที่จะได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจอสังหาฯ ชั้นนำ, ผู้รับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนเจ้าของบ้านที่คำนึงถึงสุขภาพและความยั่งยืน เพราะ Dustless Technology จะช่วยกระดับคุณภาพชีวิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับความตั้งใจของจระเข้ ในการเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม”
สำหรับ Dustless Technology นวัตกรรมลดฝุ่นของกาวซีเมนต์ปูกระเบื้องของจระเข้ เมื่อเทียบกับกาวซีเมนต์ทั่วไปด้วยการเขย่ากาวซีเมนต์ปูกระเบื้องลดฝุ่น 30 วินาที หลังจากนั้นวางทิ้งไว้ในภาชนะปิดทันที พบได้ว่าหลังหยุดเขย่าจนถึงวินาทีที่ 48 พบว่ากาวซีเมนต์ปูกระเบื้องลดฝุ่น มีปริมาณฝุ่นในอากาศหลังเขย่าน้อยกว่ากาวซีเมนต์สูตรปกติถึง 80% ทำให้ผู้พัฒนาโครงการก่อสร้าง ผู้รับเหมา ช่าง และเจ้าของบ้าน สามารถสบายใจได้ว่ากาวซีเมนต์ปูกระเบื้องเทคโนโลยี Dustless ของจระเข้ จะช่วยลดปัญหาฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
จระเข้ นำเทคโนโลยีลดฝุ่น “Dustless Technology” มาใช้กับกาวซีเมนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ขายดีของบริษัท ครอบคลุมกาวซีเมนต์ปูกระเบื้องทั้ง 8 รุ่น เพื่อรอบรับงานปูกระเบื้องในทุกสเกล ไม่ว่าจะเป็น รุ่นขายดีขวัญใจช่างไทยอย่าง กาวซีเมนต์จระเข้เขียว, กาวซีเมนต์จระเข้แดง สำหรับงานปูกระเบื้องสระว่ายน้ำ, นวัตกรรมกาวซีเมนต์สำหรับงานปูทับทั้งสองรุ่น ได้แก่ กาวซีเมนต์จระเข้เงินและจระเข้ทอง ชูการประหยัดเวลาในการทำงาน ไม่ต้องรื้องานเก่า และลดฝุ่น PM2.5 จากการทุบกระเบื้องเก่า, กาวซีเมนต์จระเข้เอ็กซ์ตรีม สำหรับกระเบื้อง Big Slab, กาวซีเมนต์จระเข้สโตนเมท สำหรับงานปูหินอ่อนและหินธรรมชาติ, กาวซีเมนต์จระเข้เกรย์สโตนเมท สำหรับปูกระเบื้องและหินธรรมชาติสีเข้ม และกาวซีเมนต์จระเข้เอ็กซ์เพรส นวัตกรรมสำหรับงานเร่งด่วน ชูคุณสมบัติแห้งเร็ว เปิดใช้พื้นที่ได้ไว
นวัตกรรมกาวซีเมนต์ลดฝุ่น สะท้อนความมุ่งมั่นของจระเข้ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนมายาวนานกว่า 32 ปี โดยจระเข้ ได้สร้างสัญลักษณ์ Jorakay Green Products เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งนวัตกรรมปูกระเบื้อง ซ่อมสร้าง และสีทาอาคาร (SEE JORAKAY) ซึ่งสอดคล้องกับการรับรองตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยและความยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทยังติดตั้งระบบกำจัดฝุ่นที่ทันสมัยภายในโรงงานเพื่อดูแลสุขภาพพนักงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งพัฒนาฟีเจอร์คำนวณการใช้กาวซีเมนต์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ บนเว็บไซต์ เพื่อช่วยลูกค้าคำนวณการซื้อผลิตภัณฑ์อย่างคุ้มค่าและลดการสิ้นเปลือง
นายจิรัฏฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “จระเข้ ดำเนินนโยบายด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมผ่านเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5 ประการ (5SD) ประกอบด้วย การลดการปล่อย CO2 ซึ่งลดได้แล้วกว่า 18 ล้านกิโลกรัมคาร์บอน, ลดปริมาณขยะและของเสียไปแล้วกว่า 170,000 กิโลกรัม, การลดฝุ่นกว่า 4 ล้านกิโลกรัม, การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถึง 62% ของยอดขาย และการพัฒนาทักษะบุคลากรกว่า 20,000 คน โดยบริษัทยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และแนวทางธุรกิจที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความยั่งยืน”