เมื่อวันที่ 26 เมษายน พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) หรือพระพยอม เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง เข้าพิธีอุปสมบท บวชเป็นพระที่วัดหนองกระทุ่ม จ.นครราชสีมา ได้ฉายา “วชิรมโน” แล้วเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถบวชได้ เพราะยังติดคดีความนั้นว่า ตามพระวินัย กำหนดให้ผู้ที่หนีโทษบ้านเมืองไม่สามารถบวชได้ แต่กรณีของนายสรยุทธ ไม่ได้หนีคดี แต่ต่อสู้คดีความตามกระบวนยุติธรรมและขณะนี้คดีความยังไม่สิ้นสุด ยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ในศาลฎีกา ฉะนั้นยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถบวชได้ โดยตามพระวินัย ต้องรอจนกว่ากระบวนการยุติธรรมทั้ง 3 ศาลสิ้นสุดแล้ว ถึงตอนนั้นถ้าแพ้คดี ก็ค่อยจับสึก

  • ส่วนคดีที่นายสุรยุทธ โดนนั้น ซึ่งอาจจะเกิดจากความสับสนหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ถือว่าเป็นคดีร้ายแรงที่บวชไม่ได้ ถ้าฆ่าพ่อฆ่าแม่ก็ว่าไปอย่าง เพราะคดีฆ่าพ่อแม่ หรือโกงพ่อแม่อย่างร้ายแรง ถือเป็นคดีร้ายแรงที่ไม่สามารถบวชได้

นอกจากนี้ การจะพิจารณาบวชให้ใครขึ้นอยู่กับพระอุปัชฌาย์ซึ่งกรณีของนายสรยุทธ พระอุปัชฌาย์อาจพิจารณาแล้วถ้าบวชให้นายสรยุทธ ก็อาจจะได้พระนักพูดพระนักเทศน์ซึ่งวงการศาสนายังขาดแคลนอยู่

  • “ยิ่งกว่านั้นถ้าดูกรณีของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งติดคดีกบฏด้วยซ้ำ ซึ่งร้ายแรงกว่านายสรยุทธ ยังสามารถบวชได้ หรือถ้าจะย้อนดูนานกว่านั้นก็อย่างจอมพลถนอม กิตติขจร ที่ฆ่าคน ก็ยังบวชได้ หรืออย่างสมัยพุทธกาลอย่างองคุลีมาลฆ่าคนมาเป็นพันคน พระพุทธเจ้าก็ยังบวชให้” พระพยอม กล่าว

พระพยอม ยังกล่าวต่ออีกว่า ก็เพราะมองเห็นแล้วว่าถ้าบวชแล้ว มีโอกาสที่จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้ ขณะที่กรณีของนายสรยุทธ ไม่ใช่คดีร้ายแรง ยิ่งกว่านั้นเป็นการบวชระยะสั้นๆ เพื่อทดแทนคุณมารดา และนายสรยุทธ ยังเป็นนักพูด วงการศาสนาอาจจะได้นักเทศน์ นักปาฐกถาธรรมที่เก่งสามารถโน้มน้าวให้คนเข้าหาศาสนาได้มากขึ้นก็ได้ ซึ่งปัจจุบันวงการศาสนายังขาดพระนักเทศน์เก่งๆ และถ้าหากนายสรยุทธ บวชนานๆ ก็จะยิ่งทำคุณประโยชน์ให้วงการศาสนาได้มาก อาตมาชั่งน้ำหนักดูแล้วการบวชของนายสรยุทธ ได้ประโยชน์มากกว่าเสีย หรือถ้าเทียบกับการบวชพระเณรตุ๊ดหรือบวชให้ผู้ติดคดียาเสพติด ยังร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ

ขอบคุณ มติชนออนไลน์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน