“พระมหาสมปอง” แนะทุกฝ่ายยึดทางสายกลาง แก้ปัญหากรณีพิพาทผืนป่าดอยสุเทพ วอนศาลยุติธรรมรับฟังเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา เน้นความสบายใจและความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ยังไม่สายที่ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 เม.ย.2561 พระมหาสมปอง ตาลปุตโต พระนักเทศน์ชื่อดัง ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่ จ.ขอนแก่น ว่า กรณีพิพาทการสร้างบ้านพักผู้พิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ จ.เชียงใหม่ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้นั้นยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีคนเปรียบเปรยว่าทำไม่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนดอย ไปอยู่บนภูทับเบิก หรือมีการก่อสร้างรุกล้ำพื้นที่อุทยาน หรือพื้นที่สาธารณะ ก็จะถูกสั่งให้รื้อถอนด้วยข้อกฎหมาย แต่พอมาเรื่องบ้านพักของตุลาการ ในพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ วันนี้ถูกเปรียบเปรยว่างบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นมาจากภาษีของประชาชน เหมาะสมหรือไม่ที่จะไปทำตรงนั้น และถ้าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นบรรทัดฐาน ก็จะมีการยกดอย หรือมีกระทำแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งที่กล่าวมานั้นเป็นมุมของประชาชน แต่ถ้ามองในมุมของผู้ที่มีอำนาจ ในมุมของผู้ที่ยึดกรอบกฎหมายเป็นที่ตั้ง ก็จะระบุไปในมุมของกฎหมาย ดังนั้นต้องไปดูกันอีกว่ากฎหมายมาก่อนหรือมาหลัง ป่าสงวนหรือพื้นที่ป่าต่างๆ

“ในแง่ของธรรมชาติถ้ามีที่ที่อยู่ได้ อย่างพระเองก็มีกฎในการห้ามบุกรุกป่า ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเรื่องนี้อยู่ อาตมา เคยไปบรรยายหลายที่ โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือกรมป่าไม้ ก็จะมีการฝากในเรื่องดังกล่าวอยู่โดยตลอด เพราะบางรูปไปอยู่ก็ดูแลรักษาป่า พระเดชพระคุณท่านหลายรูปก็ดูแลในเรื่องของไม้พะยูง ในเรื่องของการหวงแหนและดูแลรักษาป่า แต่ก็มีบางทีก็บุกรุก เราก็ดูเป็นประเด็นไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต้องมาดูถึงมุมมองของทางออกที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้า เวลาประชาชน หรือญาติโยมมาบอกอะไรในเรื่องไมใสบายใจ ก็จะพูดคุยกัน อะไรที่ทำให้คนไม่สบายใจ และทำให้ได้ อย่างช่วงเข้าพรรษา นั้น ก็ให้พระนั้นจำพรรษา อะไรที่ทำให้ประชาชนมีความสุข ตรงนั้นเป็นสิ่งที่เป็นทางออก เราควรเน้นตรงนั้นเป็นสำคัญ ซึ่งเรื่องนี้หากทำอะไรที่สบายใจทุกฝ่ายทางออกก็จะเกิดขั้นทันทีและชัดเจนอย่างมาก”

พระมหาสมปอง กล่าวต่ออีกว่า ถ้าจับประเด็นในความต้องการหรือข้อเรียกร้องในมุมของประชาชนจะพบว่าเป้นข้อเรียกร้องที่มีทางออกในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างในพื้นที่ราบ หรือพื้นที่ด้านข่าง แต่ขออย่ารุกล้ำเข้าไปในป่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นวันนี้ ขอให้พบกันครึ่งทาง ทุกฝ่ายควรเดินทางสายกลาง จุดใดที่ประชาชนไม่สบายใจจะรื้อจะหยุดก็ว่ากันไป โครงการที่สร้างนั้นเป็นเงินของประชาชน ประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะออกมาโต้แย้งหรือสงสัยในการกระทำดังกล่าวของหน่วยงานภาครัฐ ดังนั้นศาล ควรที่จะยึดเอาความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ยึดในจุดที่ประชาชนทุกฝ่ายนั้นสบายใจ ส่วนที่ไม่สบายใจก็ยกเลกไป

“โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ควรยึดหลักมัชฌิมาปฎิปทา มาเป็นทางออกและทางแก้ไขร่วมกัน ทางสายกลางของผู้ที่อยู่นั้นอยู่ตรงจุดใด สายกลางของคนเชียงใหม่ หรือกลุ่มอนุรักษ์ป่าดอยสุเทพ คนที่เป็นห่วงป่า คนที่ห่วงภูเขา เป็นห่วงแม่น้ำ เป็นห่วงลูกหลานในอนาคต อยู่ตรงไหน ซึ่งวันนี้ทุกคนก็บอกชัดเจนว่าตรงจุดใดนั้นไม่สบายใจ ตรงจุดใดสบายใจอยู่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ชัดเจนกันแล้ว การออกมาเคลื่อนไหวหรือต่อต้านก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ก่อสร้าง ฉะนั้นตรงที่สบายใจ หรืออาจจะด้านข้าง หรือพื้นราบ หรืออย่าแหลมขึ้นไปอาตมาเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายสามารถที่จะพูดคุยกันและแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ เรื่องนี้ก็จะจบลงกันได้อย่างมีความสุข และสบายใจ ศาลยุติธรรมก็ควรจะยึดถึงความสุขของประชาชน และต่อเนื่องไปถึงความถูกต้อง บางทีนั้นอาจจะถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ บางทีถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นเรื่องนี้ควรให้ถูกต้องด้วยในด้านของกฎหมายและถูกใจคนที่อยู่ตรงนั้นด้วย เรื่องนี้ก็จะจบลงได้ด้วยดี และถ้าศาลยุติธรรมรับฟังและทำในสิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง อาตมาเชื่อว่าจะได้รับคำสรรเสริญและประชาชนคนไทยนั้นปรบมือให้ทั้งประเทศอีกด้วย” พระมหาสมปอง กล่าวปิดท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน