สยองกรุง! ฆ่าหั่นศพสาวผมแดง แยกชิ้นส่วน 14 ชิ้น ซุกกระสอบปุ๋ย ทิ้งในป่าระบุเป็นสาวชาวเอเชีย ผิวขาว อายุ 20-30 ปี เร่งหาท่อนแขนขวา เชื่อมีตำหนิหรือรอยสัก ทำให้เชื่อมโยงตัวผู้ตายได้ ขณะที่นิติเวช เร่งตรวจอัตลักษณ์บุคคล ผบ.ตร.กำชับเร่งคลี่ คดี เพราะเป็นเหตุสะเทือนขวัญ รอง ผบช.น. ชี้ศพถูกทุบหัว 5 แผล เผยมือหั่นมีความชำนาญ

วันที่ 23 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. พ.ต.ท.สุวิมล มั่นใจ รองผกก.(สอบสวน) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวถูกฆ่าหั่นแยกชิ้นส่วนใส่กระสอบปุ๋ยโยนทิ้งอยู่ในป่า ซอย สามวา ตรงข้ามโรงงานที่นอนดาริ่ง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งและมูลนิธิร่มไทร อ่านข่าว ชาวเน็ตแห่อาลัย สาวถูกฆ่าหั่นศพ จับพิรุธใครเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ หลังหายตัวไปร่วม 10 วัน

ที่เกิดเหตุบริเวณข้างทางมีป่ารกพบกระเป๋าเป้สีดำวางอยู่ ด้านในมีถุงขยะสีดำอีก 2 ชั้น ภายในพบผ้าขนหนูพันไว้อีกรอบ พบศีรษะมนุษย์ ผมยาวสีแดงหยิกหยักศก ใบหน้าผิดรูป กะโหลกช่วงหน้าผากยุบ มีบาดแผลคล้ายถูกเฉือนที่คอ ใกล้กันพบกระสอบปุ๋ยอีก 2 ใบ ภายในมีถุงดำ 3 ชั้น บรรจุท่อนลำตัวมีหน้าอกและอวัยวะเพศผู้หญิง จากนั้นตรวจสอบกระสอบปุ๋ยสีฟ้าภายในมีต้นขา 2 ข้าง และถุงดำอีกถุงมีผ้าขนหนูสีดำ 1 ผืน เสื้อชั้นในสีดำ 1 ตัว มีร่องรอยฉีกขาด เสื้อคุมแขนยาวมีฮู้ดสีแดง เสื้อยืดแขนสั้นคอกลมสีแดง เสื้อทั้ง 2 ตัว ยี่ห้อฮาร่ายีน มีร่องรอยถูกกรีดด้วยของมีคม อ่านข่าว ฆ่าหั่นศพ! ชี้ฆาตกรชำนาญหั่นชิ้นส่วนมนุษย์ แกะรอยชุดชั้นใน-แขนที่หายมีตำหนิ!

ต่อมาเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ระดมค้นหาชิ้นส่วนที่เหลือ กระทั่งพบถุงดำอีก 1 ถุง ภายในพบมือ 2 ข้าง เท้า 2 ข้าง ท่อนแขน 1 ข้าง จากนั้นพบถุงดำอีก 1 ใบ บรรจุหลอดกระดาษมีขนาดเท่ากับหมอนข้าง ภายในบรรจุผ้าห่มเนื้อผ้าร่ม พรมเช็ดเท้าสีฟ้า ส่วนถุงดำอีก 1 ถุง บรรจุน่อง 2 ข้าง ต้นแขนติดหัวไหล่ 2 ข้าง และถุงพลาสติกยี่ห้อวัตสัน สีเขียว มีน้ำยาทาเล็บ 2 ขวด แหวนแฟชั่น 4 วง แหวนทองคำ 1 วง แว่นตาสีชมพู 1 อัน ต่างหูรูปดาว 1 คู่ กำไลไข่มุก กิ๊บติดผมสีดำ 1 อัน เชือกผูกรองเท้ายี่ห้อเบรกเกอร์สีดำ 2 เส้น เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว 1 ตัว เสื้อชั้นในสีครีมและสีชมพูรวม 2 ตัว กางเกงในสีครีม 1 ตัว กางเกงซับในสีเขียว ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้า 1 ผืน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุว่าศพดังกล่าว เป็นเพศหญิง ไม่ทราบชื่อนามสกุล อายุ 20-30 ปี สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ถูกหั่นแยกส่วน 14 ชิ้น ยังเหลือชิ้นส่วนอีก 1 ชิ้น คือส่วน ท่อนแขนขวาช่วงที่ติดหัวไหล่ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ พฐ.ได้รวบรวมวัตถุพยานทั้งหมดนำไปเปรียบเทียบอัตลักษณ์บุคคล ส่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี จะตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมทั้งตรวจสอบการแจ้งความคนหายเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ตายเป็นใคร

ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 13.00 น. ที่สถาบันนิติเวชฯ ร.พ.ตำรวจ พ.ต.อ.วาที อัศวุตมางกุร นักวิทยาศาสตร์ (สบ5) กลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมี ร.พ.ตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทาง นิติเวชได้ชิ้นส่วนมาแล้วจำนวนหนึ่ง ใน ขั้นตอนต่อไปก็จะได้ตรวจสอบอัตลักษณ์ว่าศพที่พบนั้นเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ จากนั้นก็จะนำชิ้นส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดไปตรวจสอบหาดีเอ็นเอ ซึ่งจะใช้เวลา 1-2 วัน จากนั้นก็จะมีการตรวจเนื้อเยื่อที่สมบูรณ์อย่างละเอียด ตรวจหาสารพิษในกระเพาะอาหารของศพ ก็จะใช้เวลาการตรวจสอบถึง 30 วัน

วันเดียวกัน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เพื่อคลี่คลายคดี รวมทั้งเก็บหลักฐานทั้งในที่เกิดเหตุและกล้องวงจรปิด คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ ได้รายงานให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว ผบ.ตร.กำชับให้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา อาศัยพยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต้องเร่งคลี่คลายคดีในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

“สำหรับประเด็นการฆาตกรรมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด อีกครั้ง สำหรับพี่น้องประชาชนที่มีข้อมูลหรือพบเบาะแสของผู้ที่กระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 1599 หรือ สน. มีนบุรี หมายเลข 0-2540-7311” พ.ต.อ. กฤษณะกล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ที่สน.มีนบุรี พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 ได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวน บก.น.3 และฝ่ายสืบสวนสน.มีนบุรี เพื่อสรุปความคืบหน้าในคดีที่พบศพหญิงสาวในพื้นที่มีนบุรี โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง

พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวว่า ได้แบ่งงานให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร เบื้องต้นผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นคนเอเชีย หรือชาวจีน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีบาดแผลถูกทุบตีด้วยของแข็งที่ศีรษะ 5 แผลจนเสียชีวิต ก่อนใช้ของมีคมหั่นศพเป็นท่อนๆ อย่างชำนาญ แล้วนำมาทิ้งอำพรางไว้ เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีประสบการณ์และความชำนาญในการหั่นชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ ซึ่งในถุงปุ๋ยยังมีทรัพย์สินและเครื่องประดับของผู้หญิง ชุดชั้นใน เสื้อผ้าของผู้เสียชีวิต โดยพบว่าเป็นของที่ผลิตในประเทศจีน จึงสั่งการให้หาแหล่งที่ผลิตจำหน่ายให้ชัดเจน ส่วนเสื้อยืดที่เขียนข้อความว่า “ที่นี่..ชะอำ” น่าจะเป็นของที่ระลึกซึ่งนักท่องเที่ยวชอบซื้อใส่กัน ซึ่งจะได้ตรวจสอบว่าเสื้อดังกล่าวซื้อมาจากร้านใดต่อไป

พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตำรวจจะประสานกับทางสถานทูตต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่าได้รับแจ้งบุคคลในชาติตัวเองหายตัวไปหรือไม่ และไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบจุดเกิดเหตุ เพื่อหารถต้องสงสัยที่นำชิ้นส่วนศพมาโยนทิ้ง และจะต้องรอผลตรวจจากนิติเวช โดยเฉพาะในส่วนของกระเพาะอาหารว่ามีการกินอาหารชนิดใดเข้าไป เพราะจะทำให้ทราบช่วงเวลาการ เสียชีวิตได้อย่างแน่นอน ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ จะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าอีกครั้ง โดยพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. จะเดินทางมาร่วมรับฟังความคืบหน้าในคดี ดังกล่าวด้วย

หลังจากนั้น พล.ต.ต.สมพงษ์ได้เดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุ โดยสอบปากคำนายรัฐศาสตร์ คมขำ อายุ 39 ปี อาสาสมัครมูลนิธิร่มไทร ให้การว่า ช่วงวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนปั่นจักรยานออกกำลังกายในเส้นทางดังกล่าว สังเกตเห็นกระเป๋าเป้วางไว้ ตนเริ่มสงสัยแต่ยังไม่ได้หยุดดู จนเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. เห็นกระเป๋าวางอยู่ที่เดิม มีลักษณะบวมพอง จึงไปบอกเพื่อนมาช่วยกันดู และได้ใช้กรรไกรตัดเห็น ถุงดำ เมื่อคลี่มาเห็นศีรษะผู้หญิง ผมสีแดง จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ พฐ.ได้นำสุนัขตำรวจ 2 ตัว ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบ เพื่อหาชิ้นส่วนท่อนแขนขวาที่ยังสูญหาย ซึ่งอาจเป็นไปได้อาจจะมีรูปรอยสักของกลุ่มที่บ่งบอกที่มาได้ โดยจะให้สุนัขตำรวจดมเป็นทางยาวโดยรอบตามถนนในซอยสามวา เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว อาจส่งผลให้สุนัขตำรวจสับสนจากการดมกลิ่น จึงต้องให้สุนัขดมไปโดยรอบ ก่อนจะให้กลับไปยังจุดเกิดเหตุอีกรอบ และให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาถุงใส่ท่อนแขนดังกล่าว ซึ่งยังไม่พบแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะเป็น คนสัญชาติจีน เนื่องจากเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ชุดชั้นในที่พบในจุดเกิดเหตุนั้นมีข้อความระบุว่าทำจากประเทศจีน สำหรับการตรวจกระเพาะอาหารเบื้องต้นไม่พบว่ามีอาหารอยู่ในกระเพาะ สำหรับท่อนแขนขวาที่หายไป มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีตำหนิรอยสักรูปพรรณสัณฐานที่สามารถระบุตัวผู้เสียชีวิตได้ จึงไม่นำมาทิ้งร่วมกับชิ้นส่วนอวัยวะแต่แยกไปทิ้งอีกที่ เนื่องจากชิ้นส่วนที่พบอยู่ในถุงปุ๋ยห่ออย่างดี จึงตัดประเด็นที่ว่าจะมีสัตว์มา คุ้ยเขี่ยกินชิ้นส่วนศพไป

ต่อมาเมื่อเวลา 21.30 น. วันเดียวกัน ตำรวจ บก.น.3 พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นแฟน ผู้เสียชีวิตมาสอบสวน โดยสามารถติดตามตัวได้บริเวณถนนเลียบคลอง 2 ซอย 29 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.ที่ผ่านมา ซึ่งพล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต. สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. และพ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.มีนบุรี เดินทางร่วมสอบปากคำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้เสียชีวิตทราบชื่อ คือ น.ส.ลักขณา หรือเมย์ เป็นอดีตพนักงานบัญชี บริษัท พริ้นท์วิทมี จำกัด ซอยเลียบคลองสอง 29 ถนนเลียบคลองสอง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งลาออกไปตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการเกี่ยวกับป้ายโฆษณา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวนายธนกฤษ หรือวุธ ประกอบ ช่างเทคนิคตัดสติ๊กเกอร์และส่งเอกสารของบริษัทดังกล่าว และเป็นอดีต แฟนหนุ่มมาสอบปากคำหลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้เรียกเพื่อนร่วมงานของทั้งคู่มาสอบปากคำจำนวน 7 ปาก ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำรถ จยย.ยามาฮ่า จีทีเอ็กซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 5 กบ 3173 กรุงเทพมหานคร ของผู้ต้องสงสัย มาให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจและเก็บลายนิ้วมือแฝง ขณะนี้เจ้าหน้าที่พาตัวผู้ต้องสงสัยตรวจ หลักฐานที่ดีดีแมนชั่น อาคาร 4 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. ที่ชั้น 3 ซึ่งผู้ต้องหาพัก อาศัย และคาดว่าเป็นห้องก่อเหตุที่หั่นศพ ผู้เสียชีวิต

เบื้องต้นทราบว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตายได้คบหากับนายธนกฤษ ก่อนจะเลิกรากันไป กระทั่งเมื่อช่วง 4-5 วันที่ผ่านมาผู้ตายกลับมาเอาของที่ห้องของนายธนกฤษ กระทั่งเกิดมีปากเสียงกัน ซึ่งนายธนกฤษได้รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุจริง โดยใช้ผ้าคลุมแล้วทุบจนเสียชีวิต ก่อนจะหั่นร่างแยกชิ้นส่วนแล้วนำไปทิ้งที่บริเวณดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน