โปรแกรมถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018 คืนนี้ 7 ก.ค. เป็นการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้าย

โปรแกรมถ่ายทอดสด คู่แรก อังกฤษ พบ สวีเดน เวลา 21.00 น. ช่อง อมรินทร์ทีวี ถ่ายทอดสด

อีกคู่ รัสเซีย พบ โครเอเชีย เวลา 01.00 น. ช่อง 5 ถ่ายทอดสด

ส่วนความพร้อมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม ประจำวันเสาร์ที่ 7 ก.ค. มีเตะ 2 คู่สุดท้าย คู่แรก “สิงโตคำราม”อังกฤษ พบ “ไวกิ้ง”สวีเดน ที่สนามซามารา อารีนา เมืองซามารา เริ่มเตะเวลา 21.00 น. อมรินทร์ทีวีถ่ายทอดสด

ผลงานในฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม อังกฤษคว้ารองแชมป์สายจี โดยชนะตูนิเซีย 2-1, ชนะปานามา 6-1 และแพ้เบลเยียม 0-1 จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายเสมอโคลัมเบียในเวลา 120 นาที 1-1 แล้วชนะจุดโทษ 4-3 ส่วนสวีเดนผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะแชมป์สายเอฟ หลังชนะเกาหลีใต้ 1-0, แพ้เยอรมนี 1-2 และชนะเม็กซิโก 3-0 จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะสวิตเซอร์แลนด์ 1-0

ความพร้อมเกมนี้ อังกฤษต้องรอเช็กความฟิตของเดเล อัลลี กองกลางตัวหลักจากสเปอร์, แอชลีย์ ยัง เจ็บข้อเท้าจากเกมที่ดวลจุดโทษชนะเม็กซิโกก็อาการดีขึ้น และไคล์ วอล์กเกอร์ คาดว่าจะลงเล่นได้

ส่วนแนวรุกตัวอื่นพร้อมลงสนาม นำโดย แฮร์รี เคน กองหน้ากัปตันทีม ที่นำเป็นดาวซัลโวฟุตบอลโลกครั้งนี้ จำนวน 6 ลูก, ราฮีม สเตอร์ลิง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, คีแรน ทริปเปียร์, เจสซี ลินการ์ด

ด้านสวีเดน สภาพทีมนัดนี้ ยานเน อันเดอร์สสัน กุนซือใหญ่จะไม่มี มิคาเอล ลุสติก กองหลังที่ติดโทษแบน หลังโดนไล่ออกในเกมชนะสวิตเซอร์แลนด์ ในรอบ 16 ทีม แต่จะได้เซบาสเตียน ลาร์สสัน กองกลางตัวเก๋าพ้นโทษกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง ส่วนตัวหลักอื่นนำโดย อันเดรียส กรานควิสต์, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก, มาร์คุส เบิร์ก, โอลา ทอยโวเนน

สำหรับสถิติเจอกันของอังกฤษกับสวีเดนในฟุตบอลโลกเจอกัน 2 ครั้ง เสมอทั้งสองนัด โดยฟุตบอลโลก 2002 รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ 1-1 ก่อนกอดคอกันเข้ารอบน็อกเอาต์ และในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี รอบแบ่งกลุ่ม อังกฤษ เสมอสวีเดน 2-2

ส่วนในศึกยูโร สวีเดนชนะ 2-1 ปี 1992 ส่วนศึกยูโร 2012 อังกฤษชนะ 3-2

ตลอด 70 ปีที่ผ่านมาที่สองทีมพบกันทั้งหมดรวมทุกรายการจำนวน 20 นัด สวีเดนเก็บชัยได้ 7 นัด ส่วนอังกฤษชนะ 4 นัด และเสมอ 4 นัด

ส่วนอีกคู่ เตะเวลา 01.00 น. “หมีขาว” รัสเซีย เจ้าภาพ พบ “ตาหมากรุก”โครเอเชีย ที่สนามฟิชต์ สเตเดียม เมืองโซชี ช่อง ททบ.5 ถ่ายทอดสด

รัสเซียผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะรองแชมป์สายเอ โดยชนะซาอุดีอาระเบีย 5-0, ชนะอียิปต์ 3-1 และแพ้อุรุกวัย 0-3 จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายเสมอสเปนในเวลา 120 นาที 1-1 ก่อนชนะจุดโทษ 4-3

ส่วนโครเอเชียยังไม่แพ้ใครในทัวร์นาเมนต์นี้ เริ่มจากรอบแบ่งกลุ่มที่เก็บชัย 3 นัดรวด จากการชนะไนจีเรีย 2-0, ชนะอาร์เจนตินา 3-0 และชนะไอซ์แลนด์ 2-1 คว้าแชมป์กลุ่มดี ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายเสมอเดนมาร์กใน 120 นาที 1-1 แล้วชนะจุดโทษ 3-2

สำหรับความพร้อมนัดนี้ รัสเซียที่คุมทัพโดยสตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ กุนซือใหญ่จะอดใช้งาน อลัน ซาโกเยฟ กองกลางตัวหลักที่ยังไม่หายเจ็บ และต้องเช็กความฟิตยูริ ชีร์คอฟ กองหลังตัวเก๋า

ส่วนตัวหลักอื่นนำโดย อาร์เตม ซูบา, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, เดนิส เชริเชฟ, อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ

ด้านโครเอเชียต้องลุ้นความฟิต อิวาน สตรินิช, มาเตโอ โควาชิช เกมนี้โครเอเชียจะนำทัพโดยลูกา โมดริช กองกลางกัปตันทีมที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เช่นเดียวกับ อิวาน ราคิติช, มาริโอ มานด์ชูคิช, เดยัน ลอฟเรน

ด้านลูกา โมดริช กองกลางกัปตันทีมชาติโครเอเชีย ต้องการสร้างเทพนิยายบทใหม่กับการคว้าแชมป์โลกครั้งแรกให้ได้ พร้อมระบุว่า แท็กติกการเล่นที่จะเจอกับรัสเซียนั้นน่าจะคล้ายกับเกมที่ชนะเดนมาร์ก

“การได้เล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่พิเศษสุด การได้เล่นให้ทีมชาติถือเป็นเกียรติยิ่งใหญ่ แต่การคว้าแชมป์โลกกับโครเอเชียเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เหมือนกับเทพนิยายที่สวยงาม มันคงจะมหัศจรรย์มากหากจะได้ ชูถ้วยแชมป์โลกในฐานะกัปตันทีม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน