นักศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร ค้านให้ทุนการศึกษา สนับสนุนทีมหมูป่าถึงปริญญาเอก ชี้ คนละประเด็น ไม่เกี่ยวกัน และ จะเป็นการสร้างค่านิยมผิดๆในอนาคต

จากกรณีที่ทางมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ได้ออกหนังสือเปิดผนึกถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงวันที่ 10 ก.ค. 61 เรื่องการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับโค้ชและนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย จำนวน 13 คน ที่เข้าไปติดอยู่ภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ถึง 17 วัน กระทั่งเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย หลายหน่วยงาน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้ร่วมมือกันช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งมหาวิทยาลัยนเรศวรมีความยินดีช่วยเหลือสนับสนุนการศึกษาให้กับโค้ชและนักฟุตบอลทั้งหมด หากมีความต้องการและสนใจเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมสนับสนุนการศึกษาให้ทุกคนตลอดการศึกษา โดยมอบหมายให้นางศิริมาศ เสนารักษ์ ผู้อำนวยการกองกลาง เป็นผู้ประสานงานในรายละเอียดต่อไป จนมีการแชร์ภาพเอกสารราชการดังกล่าวออกไปในสื่อโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก ชาวโซเชียลส่วนใหญ่ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมหรือไม่ที่ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรจะมอบทุนการศึกษาครั้งนี้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 13 ก.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ณัฎฐชัย รำเพย อดีตรองประธานสภานิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร อดีตรองประธานคณะกรรมการดูแลการรับน้องและประชุมเชียร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร อดีตกรรมการองค์การนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร และ อดีตที่ปรึกษาสโมสรนิสิต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โพสต์ความเห็นส่วนตัวในเฟซบุ๊กชื่อว่า Natthachai Ramphoei ระบุข้อความเรียนผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่เคารพ จากที่มีหนังสือจากมหาวิทยาลัยนเรศวรที่ผมรักไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ว่าจะให้ทุนการศึกษาทีมหมูป่าจนจบปริญญาเอกนั้น ผมจึงขอเขียนข้อความนี้โดยคาดหวังว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะได้เห็น (หลายๆท่านเป็นเพื่อนใน facebook กับผม) และตระหนักถึงปัญหาจากเหตุการณ์ข้างต้นโดยทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเล็กๆ ของผมแต่เพียงผู้เดียว

  • 1 : ผมเห็นว่าน้องๆ หมูป่า เป็นผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ สมควรได้รับการเยียวยา (น้องๆหมูป่าเข้าไปในถ้ำช่วง มิ.ย. แต่ถ้ำปิดให้ท่องเที่ยวเดือน ก.ค.)
  • 2 : จากข้อ 1 ย่อมมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเยียวยาน้องๆ หมูป่าอยู่แล้ว มิใช่หน้าที่ของมหาวิทยาลัยนเรศวรในบทบาทหน้าที่นี้ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยนเรศวรสามารถร่วมแสดงน้ำใจเยียวยาน้องๆ หมูป่าอย่างเหมาะสมได้ให้เข้ากับบริบทของมหาวิทยาลัย
  • 3 : การให้ทุนการศึกษาควรพิจารณาจากผลงาน ฐานะทางบ้าน ผลการศึกษา และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยต้องมีแนวทางมีชัดเจนในการพิจารณาทุนการศึกษา ไม่ควรใช้การให้ทุนการศึกษาเป็นการเยียวยาผู้ประสบภัยธรรมชาติ อันไม่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาแต่อย่างใด
  • 4 : มหาวิทยาลัยควรมีบทบาทในการชี้นำสังคมในค่านิยมที่ถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่มุมของวิชาการ ดังนั้นหากมีความประสงค์จะทำกิจกรรมร่วมกับน้องๆ หมูป่า อาจทำได้ในแง่มุมที่เหมาะสม เช่น การเชิญมาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับภัยธรรมชาติในแง่มุมต่างๆ หรือโครงการใดๆที่เกี่ยวเนื่องกับการฟื้นฟูสภาพกายและใจของน้องๆหมูป่าหลังการเผชิญเหตุร้าย เป็นต้น
  • 5 : ผมขอเรียนผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวรตรงๆ โดยเฉพาะอาจารย์กาญจนา(อธิการบดี) ที่เคารพ ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของท่านเป็นเหตุให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเกิดข้อครหาต่อมหาวิทยาลัยนเรศวรไปในวงกว้าง จึงขอให้ท่านออกมาชี้แจงเหตุผล “อันเหมาะสม” ของเรื่องดังกล่าวต่อสังคมและแสดงรับผิดชอบต่อมหาวิทยาลัยที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ จึงเรียนมาเผื่อโปรดพิจารณา

ผมรัก มน. คณาจารย์ทุกท่านเสมอ บทความนี้เป็นเพียงฉบับร่าง ผมจะร่างเอกสารส่งตามไปมน.นะครับ
ทั้งนี้แม้ในวันนี้อาจมีประเด็นที่น่าตำหนิตักเตือน แต่ตลอด 28 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยนเรศวรก็ได้สร้างคุณประโยชน์และผลิตบัณฑิตคุณภาพให้กับประเทศไทยอยู่เสมอ และผมยังคงเชื่อมั่นว่ามหาวิทยาลัยนเรศวรจะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวมีผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย และเห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง พร้อมติดต่อสอบถามไปยังคณะผู้บริหารของทางมหาวิทยาลัยนเรศวร หรือผู้ที่มีหน้าที่รับมอบหมายในครั้งนี้ตามชื่อที่ระบุอยู่ในหนังสือเปิดผนึก แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด ทราบเพียงว่าผู้บริหารติดราชการอยู่ต่างจังหวัดเท่านั้น ขณะที่สื่อมวลชนใน จ.พิษณุโลก ต่างรอคอยว่าทางมหาวิทยาลัยนเรศวรจะออกมาชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้นกับสังคมหรือไม่ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน