13 ชีวิตทีมหมูป่าเปิดใจครั้งแรก เล่านาทีเที่ยวถ้ำ เจอน้ำขึ้นต้องหนีน้ำไปยังที่ดอน รอคอยความช่วยเหลือ

ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สดุดีจ่าแซมผู้เสียสละ ยกย่องเป็นฮีโร่ เก็บเรื่องนี้เป็นบทเรียนให้เข้มแข็งมากขึ้น โค้ชเอกเผยขั้นตอนเลือกคนออกก่อน แค่เอาคนอยู่ไกลบ้านเท่านั้น เพราะคิดว่าต้องขี่จักรยานกลับเลย ปลื้มปีติอีก ทรงมีพระราชานุญาตให้ใช้พระลานพระราชวังดุสิตเป็นสถานที่จัดเลี้ยงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน แต่เรื่องวันเวลาต้องพิจารณาดูสภาพอากาศ คาดหมายอยากให้ผู้มีส่วนร่วมทุกคนมาร่วมงาน ส่วนชาวต่างประเทศที่กลับไปแล้วจะเชิญสถานทูตมาร่วมพิธีแทน

ครูบาบุญชุ่ม เข้ากราบ สังฆราช แถลงใหญ่ออกทีวี 13หมูป่า หายดี-วันนี้ได้ฤกษ์กลับบ้าน ขอพระราชานุญาต-จัดเลี้ยง ที่”พระลานพระราชวังดุสิต”

ไม่ฮาด้วย! กรมอุทยานฯ ลุยเอาผิด ลีน่าจัง บุกถ้ำ อัดคลิปล้อเลียนทีมหมูป่า

รู้จักหนุ่มรปภ. บัดดี้‘เวิร์น’นักสำรวจถ้ำ อีกผู้ปิดทองหลังพระช่วย 13 หมูป่า

วันที่ 18 ก.ค. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักฟุตบอลทีมหมูป่า อะคาเดมี เตรียมออกจากโรงพยาบาล และจะพบกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการในช่วงเย็นว่า เด็กๆคงได้รับคำเตือนอยู่แล้ว ก็ขอฝากสื่อที่จะไปถามคำถาม ก็ขอให้ระมัดระวัง ทุกอย่างก็เรียบร้อยและไปด้วยดีแล้ว อะไรที่ไม่สำคัญ ไม่จำเป็นก็อย่าไปซักไซ้ให้มาก วันนี้ทุกอย่างนั้นดีอยู่แล้ว รวมถึงการรับรู้ทั้งในและในต่างประเทศก็ดีทั้งหมด ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว และเราก็ต้องไม่ทำอะไรให้มันเสียไปกว่าเดิม

“ขอให้ทุกอย่างจบไปด้วยดีแล้วกัน อย่าให้เสียหาย ยิ่งทำอะไรที่มันมากเกินไป ทั้งเจตนาหรือไม่ บางทีก็จะทำให้เกิดความเสียหาย เพราะเด็กๆบางครั้งคำถามเขาก็ไม่รู้ ก็ตอบไปด้วยความเป็นเด็ก สื่อต้องระมัดระวังกันหน่อย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า รูปแบบการจัดงานเลี้ยงขอบคุณเจ้าหน้าที่ร่วมในปฏิบัติการถ้ำหลวง จะเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็จะเชิญทุกคนมาร่วมงานเลี้ยง มีการจัดอาหาร การแสดง ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานมา ส่วนชาวต่างชาตินั้นก็ได้เชิญไปแล้ว หากมาได้เขาก็จะมา อย่างไรก็ตามรายละเอียดการจัดงานที่ชัดเจนต้องประชุมหารือกันอีกที ส่วนสถานที่นั้นนอกจากจะจัดที่กรุงเทพฯแล้ว อาจต้องมีอีกแผนสำรอง สำหรับผู้ที่ไม่สามารถ เดินทางมากรุงเทพฯได้ เพราะมีคนจำนวนมาก แต่ก็เป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระราชทานกำลังใจให้กับพวกเราทุกคน โดยเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดูแลในเรื่องนี้

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐบาลขอพระราชานุญาตใช้พระลานพระราชวังดุสิตเป็นสถานที่จัดเลี้ยงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายและผู้ช่วยมีส่วนช่วยเหลือนักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่า อะคาเดมี 13 คน ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชานุญาตแล้ว โดยรัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพในการดำเนินงาน ส่วนวันและเวลาจัดงานยังไม่ระบุเพราะต้องดูสภาพลม ฟ้า อากาศ และดูว่าจะมีกิจกรรมใดที่ต้องใช้พระลานพระราชวัง ดุสิตทำกิจกรรมอีก เนื่องจากใกล้วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงต้องดูแขกที่จะมาด้วย ทั้งนี้เราไม่ได้หวังเลี้ยงว่าใครจะมา ทั้งนี้คาดหมายอยากให้ทุกคนมาร่วมงาน โดยนายกฯมอบหมายให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนในนามรัฐบาลไปเจรจากับผู้เกี่ยวข้องเพื่อเชิญมาร่วมงาน สำหรับชาวต่างชาติที่มาช่วยในงานนี้ที่เดินทางกลับประเทศไปแล้ว เขาคงไม่กลับมา แต่จะเชิญทางสถานทูตประเทศของเขามาร่วม โดยงานดังกล่าวนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมด้วย

พระรัตนมุนี (ปุณณมี วิสารโท) รักษาการเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงกรณีครูบาบุญชุ่ม จะไปเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ 13 หมูป่า ว่า น่าจะเป็นความคลาดเคลื่อนในการให้ข้อมูล เนื่องจากกระแสข่าวที่ออกมา เป็นเพียงรายงานข่าวเท่านั้น ไม่ได้ระบุถึงที่มาจากแหล่งข่าว อีกทั้งท่านครูบาบุญชุ่มก็ไม่ได้เป็นคนบอกกล่าวในเรื่องนี้แต่อย่างใด ทั้งนี้ ครูบาบุญชุ่ม ไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ คือ พระภิกษุผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่เป็นประธานและรับผิดชอบในการบรรพชาอุปสมบท ซึ่งการจะเป็นพระอุปัชฌาย์นั้น จะต้องผ่านการอบรมและได้รับมอบตราตั้งจากคณะสงฆ์อย่างเป็นทางการ ซึ่งท่านครูบาบุญชุ่มไม่ได้รับตราตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ จึงไม่สามารถประกอบพิธีบรรพชาอุปสมบทให้ 13 หมูป่าได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ท่านจะไม่สามารถประกอบพิธีบวชได้ แต่สามารถให้ความอุปถัมภ์ในการประกอบพิธีได้

“ครูบาบุญชุ่มท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติดี เป็นที่เลื่อมใสแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องกรณี 13 หมูป่าติดถ้ำ ก็ได้รับเมตตาจากท่านมาสวดเจริญพระพุทธมนต์บริเวณหน้าถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้เกิดความสบายใจกับญาติพี่น้องของเด็ก 13 หมูป่า จนกระทั่งช่วยเหลือเด็กทั้งหมดได้อย่างปลอดภัย ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับข่าวที่ออกไปน่าจะเป็นความเข้าใจผิด ท่านครูบาบุญชุ่มไม่ได้เป็นคนระบุว่าจะไปเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ 13 หมูป่า แต่มีคนไปเขียนเป็นรายงานให้เกิดความเข้าใจผิด แม้ท่านจะไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ 13 หมูป่า แต่ท่านก็สามารถช่วยเหลืออุปถัมภ์ เด็กทั้งหมดในการประกอบพิธีได้” พระรัตนมุนีกล่าว

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่เปิดให้สื่อมวลชน ทั้งสำนักไทยและสำนัก ต่างชาติลงทะเบียนรับบัตรสื่อมวลชน พร้อมจัดเตรียมสถานที่ สำหรับการสัมภาษณ์ทีมหมูป่าอะคาเดมี ทั้ง 13 คน ครั้งแรก หลังออกจากโรงพยาบาล โดยมีการจัดเตรียมบรรยากาศสนามฟุตบอลจำลองไว้ให้ทีมหมูป่าด้วย ขณะเดียวกันทางสื่อมวลชนได้มีการปักหลักรอเพื่อสัมภาษณ์อย่างหนาแน่น

กราบพระฉายาลักษณ์ 13หมูป่า ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณ เปิดใจวันติดถํ้า เผยนาที 13หมูป่าในถ้ำหลวง นอกถ้ำหลวง ได้เจอกัน

ต่อเวลา 18.00 น. 13 หมูป่า ประกอบด้วย นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือ โค้ชเอก อายุ 25 ปี, ด.ช.อดุลย์ สามออน อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านเวียงพาน อ.แม่สาย, ด.ช.ประจักษ์ หรือโน๊ต สุธรรม อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์, ด.ช.ณัฐวุฒิ หรือเติ้ล ทาคำทราย อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์, ด.ช.พิพัฒน์ หรือนิค โพธิ อายุ 15 ปี โรงเรียนบ้านสันทราย, ด.ช.ภานุมาศ หรือมิกซ์ แสงดี อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์

ด.ช.ดวงเพชร หรือดอม พรมเทพ อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์, ด.ช. ชนินทร์ หรือไตตั้น วิบูลย์รุ่งเรือง อายุ 11 ขวบ โรงเรียนอนุบาลแม่สาย, ด.ช.เอกรัตน์ หรือบิว วงค์สุขจันทร์ อายุ 14 ปี โรงเรียนดรุณราษฎร์วิทยา, นายพีรพัฒน์ หรือไนท์ สมเพียงใจ อายุ 16 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ ศาสตร์, นายพรชัย หรือตี๋ คำหลวง อายุ 16 ปี โรงเรียนบ้านป่ายาง, ด.ช.สมพงศ์ หรือพงศ์ ใจวงค์ อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์, และ ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม อายุ 13 ปี ชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านป่าเหมือด เดินทางมาถึงอบจ.เชียงราย เพื่อออกรายการเดินหน้าประเทศไทย ตอนพิเศษ หมูป่ากลับบ้าน

โดยก่อนเริ่มรายการ ฝ่ายจัดงานให้ทั้ง 13 คนโชว์ทักษะการเล่นฟุตบอลให้ผู้สื่อข่าว ชมด้วย

จากนั้นพ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน กล่าวว่า ทุกคนทั้ง 13 ชีวิต พร้อมตั้งแต่อยู่ในถ้ำหลวง โดยสังเกตที่ได้ให้อาหารไป 3-4 มื้อ เริ่มมีพลังและพูดกันมากขึ้น โดยพูดถึงเรื่องอาหารที่อยากกินและไปเที่ยวที่ไหน ซึ่งสัญญากันว่าเด็กจะนำไส้อั่วงูและอาหารพม่ามาให้ โดยปิดเทอมใหญ่ทั้ง 13 ชีวิตจะมาเที่ยวโคราชที่ค่ายทหาร

ด.ช.อดุลย์ สามออน กล่าวว่า ตอนนั้นกำลังติดอยู่ในถ้ำหลายวัน กำลังขูดหินและได้ยินเสียงคนพูดกัน โค้ชเอกจึงให้ทุกคนเงียบและฟัง ปรากฏว่ามันเป็นจริง โค้ชเอกให้มิกหยิบไฟฉายไปดัก เพราะกลัวคนผ่านไป แต่เพื่อนกลัว ตนเลยวิ่งไปเอาไฟฉายและ วิ่งลงไปดัก ตอนแรกนึกว่าเป็นคนไทยก็ตะโกนเจ้าหน้าที่ๆ ตอนลงไป พบว่านักดำน้ำได้โผล่ขึ้นมาคุยกันพอดี ก่อนพบว่าคนที่โผล่จากน้ำเป็นชาวอังกฤษ ตอนนั้นตกใจว่าเป็นคนอังกฤษเลยตะโกนทักว่าฮัลโหล มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากๆ และตกใจมาก พร้อมตอบและสนทนาตามคลิปที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้

“ตอนนั้นโค้ชเอกบอกว่าช่วยแปลภาษาให้หน่อย ตอนนั้นตกใจและสมองช้ามาก ตัวเลข หรือคำพูดคิดอะไรแทบไม่ออก ซึ่งน้องบิลก็ตะโกนว่าหิวๆ กับนักดำน้ำอย่างเดียว”ด.ช. อดุลย์กล่าว

ด้านโค้ชเอกกล่าวว่า ตอนนั้นที่น้องอดุลย์คุยกับนักดำน้ำเป็นภาษาอังกฤษ ตนไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยให้น้องบิลและน้องตี๋แปลให้ ซึ่งทุกคนดีใจมากและเป็นความหวังตั้งแต่หลงในถ้ำ 10 วัน

จากนั้นโค้ชเอก ตอบคำถามว่าเข้าไปในถ้ำทำไม ว่า ปรึกษากันมานานแล้วว่าจะเข้าถ้ำหลวง จึงวางแผนไปเตะบอลอุ่นเครื่องบนดอย หลังจากเตะบอลเสร็จจึงพากันไปถ้ำหลวง เพื่อไปศึกษาธรรมชาติ ไปเที่ยว ไม่ได้ไปฉลองวันเกิดใคร เพราะน้องไนน์ ที่มีวันเกิดวันนั้นบอกว่าต้องกลับบ้านก่อน 17.00 น. เพราะที่บ้านจัดงานวันเกิดไว้ให้

“ส่วนตัวเคยเข้าถ้ำหลวง แต่น้องบางคนไม่เคยเข้า ผมเคยเข้าไปเลยเนินนมสาว ซึ่งการเข้าไปครั้งนี้พบน้ำบริเวณสามแยก ขณะเข้าไปในถ้ำไปเข้าเลยเนินนมสาว ไปในจุดเมืองลับแลและเมืองบาดาล โดยต้องว่ายน้ำเข้าไป ก็คุยกันว่ามีเวลาแค่ 1 ชั่วโมงนะ ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าระดับน้ำเริ่มขึ้น ทุกคนก็ทยอยเข้าไป พอเลยเวลาที่กำหนด จึงมีความคิดเห็นให้กลับ โดยเดินกลับมาปกติ พอมาถึงสามแยกพบว่ามีน้ำสูงขึ้น ผมลงไปเช็กเส้นทาง โดยให้เด็กถือเชือกไว้ พอว่ายน้ำไปพบว่าไปไม่ไหว เนื่องจากระดับน้ำสูงและมีทราย จึงกระตุกเชือก 2 ครั้งให้ดึงกลับเข้ามา ก่อนหาเส้นทางใหม่และช่วยกันขุดร่องระบายน้ำ แต่ระดับน้ำไม่มีทีท่าว่าจะลดลง น้องตี๋จึงเสนอให้ไปทางที่ดอนก่อน เพราะเริ่มมืดแล้ว อีกทั้งคิดว่าเป็นแค่น้ำขึ้นน้ำลง โดยตอนนั้นไม่ได้นำอาหารเข้าไป เพราะกินหมดตั้งแต่ซ้อมบอล” โค้ชเอกกล่าว

โค้ชเอกกล่าวว่า หลังจากติด 4-5 วันได้คุยกันเรื่องหาทางออก โดยมีน้อง 2 คนเคยมาเข้าค่ายและรู้ว่ามีทางออกปลายถ้ำแต่เสี่ยงมาก จึงมาอยู่บริเวณเนินนมสาว โดยมีทางเลือก 2 อย่างคือ รอตรงนี้ให้เจ้าหน้าที่มาเจอ ตอนนั้นพบว่ามีน้ำใหม่ไหลมา จึงให้น้องๆพากันรีบขึ้นที่สูง จากนั้นไม่ถึง 2 ช.ม.พบว่าน้ำขึ้นเกือบ 3 เมตร ก็รอให้เจ้าหน้าที่มาเจอ ก่อนช่วยกันขุดผนังดินข้างถ้ำ โดยใช้วิธีสลับกัน ซึ่งก่อนขุดจะกินน้ำให้อิ่มก่อน โดยจะใช้เวลาขุดทั้งวัน มีบางช่วงน้ำเริ่มตกตะกอนก็เริ่มกินน้ำในถ้ำ

น้องตี๋กล่าวว่า พอเข้าไปถึงบริเวณเนินทราย ให้น้องๆ พักจุดนี้ เพราะมีน้ำหยดลงมาจากหินด้วย โดยคิดว่าอยู่ใกล้แหล่งน้ำดีกว่า ตอนนั้นไม่กลัวอะไร ซึ่งตอนนั้นกินน้ำอย่างเดียวเลย พอผ่านไป 2 วันรู้สึกว่าเริ่มไม่มีแรง โค้ชเอกแนะนำให้อยู่เฉยจะได้ไม่หมดแรง และสลับกันใช้ไฟฉาย หลังจากอยู่เกือบ 10 วัน ทุกคนเริ่มมีอาการอ่อนแรงและหน้ามืด โดยพยายามไม่นึกถึงกับข้าว เพราะจะทำให้หิว

น้องไนน์กล่าวว่า ตอนนั้นรู้สึกกลัวที่ออกไม่ได้ และกลัวแม่ด่า แต่ทุกคนก็พยายามใจเย็นและสู้ต่อ

เมื่อถามว่าใช้วิธีจัดลำดับออกก่อนหลังอย่างไร โค้ชเอกกล่าวว่า ใช้ความสมัครใจ โดย ชุดแรกที่ออกก่อน เป็นกลุ่มที่บ้านไกลสุด ตอนนั้นคิดว่า เมื่อออกจากถ้ำ ก็ต้องขี่จักรยานกลับบ้าน จึงให้คนอยู่ไกลออกก่อน และจะได้ไปบอกคนอื่นๆ บอกครอบครัวให้ทำกับ ข้าวไว้รอ เพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้ออกไปรับประทาน ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครแข็งแรง หรือใครอ่อนแออะไรทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบทเรียนที่ได้รับ สมาชิกหมูป่าระบุว่า ได้รับรู้ถึงความสำคัญ ของทุกสิ่งทุกอย่าง และเข้มแข็งมากขึ้น

นอกจากนี้ทั้งหมดยังซาบซึ้งในความเสียสละของจ่าแซม น.ต.สมาน กุนัน อดีตหน่วยซีลที่เสียสละชีวิตในการเข้าช่วยเหลือ

ขณะที่หลังจากที่ตอบคำถามสื่อมวลชน ทั้งหมดได้เดินไปถวายบังคมเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน