แม่ร้อง ป. – จี้คดี จ่าตุ๋ยดช. ชำเราฝาแฝด7ขวบ ทบ.แจงฟันวินัยร้ายแรง บิ๊กเจี๊ยบโต้ซ่อมวินัยพลทหาร สลดเหยื่อสมองตาย-แม่โฮ

แม่พลทหารเหยื่อรุ่นพี่ซ่อม ทรุดตัวร่ำไห้ ลูกชายอาการทรุดหนัก สมองตาย

เมียพลทหาร เหยื่อรุ่นพี่ซ่อม ขอยื้อชีวิตถึงวินาทีสุดท้าย! อยากให้เห็นหน้าลูกคนที่ 2

ซ่อมเพราะหมั่นไส้! แม่แฉนาทีโหด 3 รุ่นพี่พลทหารสั่งทำหัวปักพื้น รุมเตะชายโครงจนสลบ

ตุ๋ยด.ช.- แม่เหยื่อพร้อมทนายความเข้าแจ้งความกองปราบฯ ให้ดำเนินคดีทหารยศ จ.ส.อ. ล่วงละเมิดทางเพศ กระทำชำเราลูกชายฝาแฝดอายุ 7 ขวบ เหตุเกิดในหน่วยทหารที่ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 23 ส.ค.

บุกร้องกองปราบฯ นายทหารประทวน ยศ”จ.ส.อ.”ลวงลูกชายฝาแฝดวัย 7 ขวบ ไปล่วงละเมิดทางเพศ แม่ชาวตรัง เซ็งที่ผ่านมาแจ้งความสภ.ห้วยยอด พร้อมทั้งนำหลักฐานใบรับรองแพทย์และคราบอสุจิชัดแต่คดีไม่คืบ เผยหลังเกิดเหตุมีนายทหารหอบเงินแสนมาขอให้ยุติเรื่อง แต่ไม่ยินยอมอยากให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด ด้านผบ.ทบ.แจงคดีพลทหารถูกรุมทำร้ายบาดเจ็บไม่ใช่การซ่อม แต่เป็นเหตุทะเลาะวิวาทกัน ขณะที่ผบ.กองพันยันดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญากับ 3 พลทหารรุ่นพี่ที่ก่อเหตุแล้ว ส่วนเมียเหยื่อที่ถูกรุมทำร้ายเผยอาการสามียังหนัก นอนไอซียู หมอต้องฟอกไตด้วย แม่ทรุดร่ำไห้หมอแจ้งข่าวร้ายลูกชายสมองตายแล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พร้อมด้วยนางเอ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ชาวจ.ตรัง และญาติ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ชนะชัย ภูราช รองสว.(สอบสวน)กก.6 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ทหารยศจ่าสิบเอก สังกัดกองทัพบก ใน จ.ตรัง ในข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” หลังก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศลูกชายฝาแฝดผู้น้องวัย 7 ขวบ เกิดเหตุที่บ้านพักในค่ายทหารแห่งหนึ่งจ.ตรัง โดยนำหลักฐานการตรวจร่างกาย และเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวน เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา

นางเอกล่าวว่า ตนกับลูกชายฝาแฝดวัย 7 ขวบ อาศัยอยู่ที่บ้านพักในค่ายทหารแห่งหนึ่ง จ.ตรัง จนเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา สังเกตเห็นลูกชายฝาแฝดผู้น้องมีอาการผิดปกติ เข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง จึงได้เรียกมาสอบถาม จึงทราบว่าถูกทหารยศจ่าสิบเอกที่เป็นเพื่อนบ้านล่วงละเมิดทางเพศ โดยนายทหารประทวนคนดังกล่าวแอบมาเรียกลูกชายออกไปหาที่บริเวณข้างรั้วบ้าน ก่อนที่จะสั่งให้ถอดกางเกงแล้วกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ นอกจากนี้เมื่อไปตรวจสอบที่กางเกงที่ลูกชายใส่พบว่ามีคราบน้ำอสุจิติดอยู่ จากนั้นจึงรีบพาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทันที

นางเอกล่าวต่อว่า ผลตรวจร่างกายแพทย์ระบุว่าที่ทวารหนักมีร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศจริง จึงได้นำหลักฐานไปแจ้งความไว้ที่ค่ายทหารที่ผู้ก่อเหตุสังกัดอยู่เพื่อให้ดำเนินคดี ต่อมาในวันเดียวกัน มีนายทหารในสังกัดดังกล่าวมาหาที่บ้านพักเพื่อเจรจาต่อรองโดยขอจ่ายค่าเสียหาย 3 แสนบาท แต่ตนไม่รับเนื่องจากอยากให้ดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งในวันถัดมาจึงตัดสินใจไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง เพื่อให้ดำเนินคดีกับทหารรายนี้ให้ถึงที่สุด แต่คดียังไม่คืบหน้า

นางเอกล่าวต่อว่า ทหารประทวนคน ดังกล่าวเคยทำอนาจารลูกชายฝาแฝดผู้น้อง คนนี้ที่สระน้ำแห่งหนึ่งในจ.ตรัง โดยการอมอวัยวะเพศ แต่ตอนนั้นตนไม่ได้เอาความเนื่องจากยังไม่ถึงขั้นกระทำชำเรา แต่หลังจากเกิดเรื่องตนเองกับลูกได้ย้ายออกจากบ้านพักหลังดังกล่าวมาพักอาศัยอยู่กับญาติที่จ.ปทุมธานี เพื่อความปลอดภัย

ด้านนายรณรงค์กล่าวว่า ในใบรับรองแพทย์มีการระบุที่ค่อนข้างชัดว่าเด็กโดนล่วงละเมิดทางเพศทางทวารหนัก แต่คดีความที่สภ.ห้วยยอดก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากให้กองปราบฯ ตรวจสอบสำนวนคดีเพิ่มเติม เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับทหารเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป

ขอขมา- 3 พลทหารรุ่นพี่ สังกัด ร.31 พัน.3 รอ. เข้ามอบตัวกับตำรวจสภ.เมืองลพบุรี และกราบขอขมาครอบครัวพลทหารคชา พะชะ จากกรณีร่วมกันรุมทำร้ายจนบาดเจ็บอาการโคม่า เมื่อวันที่ 23 ส.ค.

 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยกรณีกำลังพลละเมิดทางเพศเด็กชายอายุ 7 ขวบ และ ผู้ปกครองไปร้องเรียนบก.ป.ว่า หน่วยต้นสังกัดของทหารนายดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุ ซึ่งผลสอบสวนพบว่ากำลังพลได้กระทำผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง ด้วยการกระทำอนาจารและละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์ โดยได้ถูกลงโทษด้วยการจำขัง 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-29 มิ.ย. พร้อมงดเลื่อนขั้นเงินเดือน ส่วนความผิดทางกฎหมายอาญา ผู้ปกครองของผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีแล้ว

วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีพลทหารคชา พะชะ อายุ 22 ปี สังกัดกองบังคับการพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน. 3 รอ.) จ.ลพบุรี ถูกซ่อมในค่ายทหารว่า ไม่ใช่เป็นการซ่อม เท่าที่ทราบเป็นการวิวาทกันระหว่างพลทหารด้วยกันจนได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ยืนยันว่าระบบซ่อมต่างๆ ไม่มีแล้วอาจจะเป็นไปได้ คนอยู่ด้วยกันทุกวัน อาจทะเลาะเบาะแว้ง ชกต่อยกัน เป็นเรื่องเฉพาะตัวซึ่งหน่วยก็ดำเนินการไปแล้ว ส่วนกรณีญาติไปร้องนายกรัฐมนตรีนั้น ตนจะตรวจสอบรายละเอียดให้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้เป็นนโยบาย เรื่องการซ่อม การทำร้ายร่างกาย ที่ผ่านมาอาจจะมีบ้างที่มีความขัดแย้งในกลุ่มทหารด้วยกันเอง แต่ถ้าใครผิดก็ดำเนินการทั้งวินัยและอาญา

ขณะที่ พ.ท.มลชัย ยิ้มอยู่ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.31 พัน.3 รอ.) จ.ลพบุรี กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุการณ์พลทหารถูกทำร้ายร่างกายว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ก็ได้นำพลทหารคนที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนผู้ที่กระทำความผิดคือพลทหารด้วยกันเอง 3 นาย ในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับกองพัน ก็ไม่ได้ปิดบังความผิดตั้งแต่ต้น ซึ่งสามารถจับตัวผู้กระทำความผิดได้ และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเพื่อดำเนินการทั้งทางวินัยและคดีอาญา โดยขณะนี้การดำเนินการทางวินัยได้สั่งลงโทษพลทหารทั้ง 3 นายไปแล้ว รวมถึงนายสิบเวรที่กำกับดูแลพลทหารเหล่านั้นด้วย ส่วนโทษทางอาญาเป็นคดีทำร้ายร่างกาย จึงได้พาครอบครัวไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองลพบุรีเรียบร้อยแล้ว และครอบครัวของพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้พบกับลูกชายแล้วเช่นกัน

“พลทหารทั้ง 3 นายได้สารภาพว่าเป็น ผู้กระทำ โดยเป็นการทะเลาะวิวาทกันระหว่างพลทหารด้วยกันเอง สิ่งที่ดำเนินการที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่ได้ปกปิดการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เราทำตามกฎหมายทุกอย่าง และครอบครัวพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บก็ขอบคุณที่ดูแลลูกชายเขาเป็นอย่างดี แต่ในฐานะที่ผมเป็นผู้บังคับกองพันก็ต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าดูแลลูกน้องไม่ดี” พ.ท.มลชัยกล่าว

น.ส.วรรณิสา หรือ ฝ้าย บุญตา ภรรยาพลฯ คชา ซึ่งกำลังอุ้มท้อง 5 เดือน ลูกคนที่สอง เปิดเผยว่าแพทย์แจ้งอาการว่าสามีสมองบวมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จึงรักษาด้วยการฟอกไตเพิ่ม แต่พบว่าม่านตายังไม่ตอบสนอง และต้องเอกซเรย์อีกรอบ โดยช่วงเช้าพบว่าพลทหารรุ่นพี่ทั้ง 3 นายได้เดินทางมากราบที่เตียง พร้อมระบุว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้ ซึ่งญาติได้อโหสิกรรมให้เพราะไม่อยากจองเวรต่อกัน แค่ขอให้รับผิดชอบก็พอ โดยทั้งสามคนก็รับปากจะรับผิดชอบกรณีที่เกิดขึ้น

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่สภ.เมืองลพบุรี น.ส.รุ่งฤดี สิหะวงศ์ มารดาของนายพลทหารคชา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับพลทหารรุ่นพี่ทั้ง 3 นาย ในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทั้งหมดรับสารภาพว่ารุมซ้อมพลทหารคชาจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดอาจจะส่งตัวพลทหารคชา เข้าไปรักษาตัว ที่ ร.พ.พระมงกุฎเกล้า แต่ญาติยังตัดสินใจเนื่องจากแม่พลทหารคชา ระบุว่าลูกชายสมองตายแล้ว และทรุดตัวลงกับพื้นและร้องไห้อย่างหนัก จากนั้น ภรรยาซึ่งตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ได้เข้าไปเฝ้าในห้องไอซียู ก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะส่งตัวไปโรงพยาบาลในกรุงเทพฯหรือไม่

สำหรับคดีนี้ น้าสาวของพลทหารคชา พลทหารกองประจำการสังกัดหน่วยทหารแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ได้ร้องเรียนว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 21 ส.ค. แฟนสาวของเพื่อนหลานโทร.มาบอกภรรยาหลานว่า พลฯคชาเข้าโรงพยาบาล หัวใจหยุดเต้น แต่ไม่แจ้งว่าเกิดจากสาเหตุอะไร พ่อของหลานจึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่ค่าย มีนายทหารคนหนึ่งรับสายแต่ไม่ทราบรายละเอียด บอกแค่ว่าไปส่งโรงพยาบาลแล้ว ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็มีนายทหารอีกคนหนึ่งโทร.มาหาพ่อหลานว่า หลานกำลังจัดสัมภาระเตรียมจะเข้าป่าไปฝึก แล้วอยู่ดีๆ หลานก็น็อก จึงนำส่งโรงพยาบาลอานันทมหิดลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากค่าย

น้าพลทหารคชากล่าวต่อว่า ต่อมาประมาณตี 2 วันที่ 22 ส.ค. คุณหมอโทร.มา บอกกับพ่อและแม่ของหลานว่า หลานหัวใจหยุดเต้น จึงปั๊มหัวใจมา 15 นาทีแล้ว ถ้าปั๊มแล้วยังไม่ขึ้นจะให้ปั๊มต่อหรือไม่ เพราะเขากลัวว่าซี่โครงจะหัก พ่อกับแม่ก็ยืนยันว่าให้ปั๊มจนกว่าหัวใจจะเต้น จากนั้นแม่และภรรยาของหลานจึงเดินทางไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 6 โมงเช้า พบว่าหลานอยู่ในห้อง ไอซียู และใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งคุณหมอ บอกว่าโอกาสรอดมีแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ และให้แม่ทำใจ ถ้าฟื้นขึ้นมาอาจจะไม่เหมือนเดิม เพราะสมองขาดออกซิเจนนาน เนื่องจากหัวใจหยุดเต้นไป 2-3 ครั้ง ตอนมาถึงโรงพยาบาลก็มีอาการไตวายด้วย

น้าพลทหารคชากล่าวอีกว่า แม่ได้เข้าไปหาหลานที่ห้องไอซียู หลานก็ลืมตามอง และน้ำตาไหล ก่อนหลับไป แต่ยังขยับร่างกายไม่ได้ จากนั้นช่วงสาย พ่อหลานก็โทร.ไปหานายทหารสัญญาบัตรยศพันโทว่า น้องไม่น่าน็อกไปเอง เพราะไม่มีโรคประจำตัว และเป็นคนแข็งแรง อยู่ดีๆ จะน็อกไปได้อย่างไร นายทหารคนดังกล่าวก็ยอมรับกับพ่อว่ามีพลทหารรุ่นพี่ 3 คนร่วมกันซ่อมหลานจริงซึ่งได้จับกุมทั้ง 3 คน ขังคุกทหารไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินคดีอะไร เบื้องต้นทั้ง 3 คนรับสารภาพว่าซ่อมรุ่นน้องจริง ซึ่งนายทหารคนดังกล่าวก็บอกว่าจะรักษาและดูแลเต็มที่ แต่ไม่อยากให้เป็นข่าว

น้าพลทหารคชากล่าวว่า พี่สาวของตนซึ่งเป็นแม่หลานบอกว่า ได้จับตัวน้องพลิกดูเบื้องต้นพบว่าตามหน้าอกและเอวมีรอยบวมขึ้นมา แต่แม่ไม่กล้าดูเยอะ เพราะทำใจไม่ได้ หลังจากที่เข้าไปเยี่ยมรอบแรกยังสามารถถ่ายรูปหลานได้ แต่ต่อมากลับมีทหารเข้ามายืนคุม ไม่ให้ถ่ายรูป ตอนนี้อาการหลานยังทรงตัว และต้องรอดูอาการไปเรื่อยๆ ทางครอบครัวก็ร้อนใจ เพราะเห็นว่าหลานไม่ดีขึ้นเลย และอยากย้ายไปโรงพยาบาลอื่น แต่นายทหารคนดังกล่าวก็เกลี้ยกล่อม แล้วถามว่า แม่จะมีเงินรักษาเหรอ และพูดจาเหมือนกับว่าน้องจะ ไม่ฟื้น

น้าพลทหารคชากล่าวอีกว่าหลานเข้าประจำการเป็นทหารเกณฑ์ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2560 เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว หลานลากลับมาพักที่บ้าน แล้วมีรุ่นพี่วิดีโอคอลมาหาและตามให้กลับก่อนกำหนด แต่หลานไม่ได้ไป รุ่นพี่ก็สั่งให้วิดพื้นทั้งที่อยู่บ้าน ซึ่งขณะนั้นหลานกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับครอบครัวด้วย ตนรู้สึกว่าอาจจะไม่ชอบกันหรือข่มกันหรือเปล่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน