หยอดแค่ 6 ครั้งถึงตาบอด! เปิดใจลูกเหยื่ออาหารเสริม ซัดเดือดเซลส์ลวงขาย

จากกรณีหญิงสูงอายุวัย 59 ปี พร้อมญาติออกมาร้องสื่อ อ้างซื้อผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม ที่มีพนักงานนำมาเสนอขาย โดยบรรยายสรรพคุณว่าสามารถดื่มรักษาอาการปวดขาและใช้หยอดตา เพื่อรักษาต้อเนื้อ แต่ต่อมาปรากฎว่าดวงตาติดเชื้อรุนแรง แพทย์ต้องผ่าตัดควักลูกตา ก่อนเชื้อลามไปอวัยวะส่วนอื่น ต้องสูญเสียดวงตาข้างขวา และ ตาบอด ไปตลอดชีวิต

อ่านข่าว ตาบอด เพราะอาหารเสริม ป้าช้ำพิการตลอดชีวิต ต้องควักทิ้ง กันเชื้อลามเข้าสมอง

รายการโหนกระแสวันที่ 5 ก.ย. โดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.10 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “นายพิทักษ์” ลูกชายผู้เสียหาย และ “ยุ้ย นาถกมล อภิชัย” ลูกสะใภ้ พร้อมด้วย “แพทย์หญิงมัทยา ขวัญอโนชา” จักษุแพทย์ ประจำคลินิกตาและเลเซอร์ โรงพยาบาลพญาไท 1 ร่วมพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?
ยุ้ย : “คือคุณแม่มีโรคประจำตัวคือเป็นเบาหวาน แกอายุ 56 ปี ตอนนั้นแกปวดขา ปวดเข่า มีความรู้สึกไม่ค่อยสบาย คุณแม่อยู่ขอนแก่น มีพนักงานขายสมุนไพรมาขายตามบ้านเขามาเจอแม่ก็โฆษณาขาย บอกว่าสมุนไพรของเขาดีมาก รักษาพวกปวดขาปวดเข่าได้ คนที่มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานสามารถทานได้ แล้วเขาก็คุยกับแม่ เห็นแม่เป็นต้อเนื้อ บอกว่าสามารถเอาใช้หยอดและรักษาต้อเนื้อได้ ก็แบ่งเป็นขวดเล็กๆ ให้คุณแม่เก็บไว้ว่าขวดเล็กไว้หยอดตา ขวดใหญ่เอาไว้กิน”

ซื้อมากี่ขวด?
ยุ้ย : “ตอนแรกขวดเดียวค่ะ ตอนแรกยังไม่หยอด ซื้อมาดื่ม ซื้อ 1,100 บาท แม่เลยบอกว่าขอไปกินก่อนว่าดีเปล่า แม่ก็กินอย่างเดียว”

ตาบอด เพราะหยอดอาหารเสริม

เล่านาทีซื้ออาหารเสริม

ธรรมดาเขาให้กินยังไง?
ยุ้ย : “เขาให้กินเช้าเย็น เป็นเป๊กๆ ทีนี้พอใกล้จะหมดขวด เซลล์ก็โทรติดต่อถามอาการทางว่ากินเป็นยังไง ใกล้หมดหรือยัง แม่บอกหมดแล้วเขาก็เลยมาขายขวดที่สองที่บ้าน แล้วก็ถามว่าที่หยอดตาหยอดหรือยัง แม่บอกว่ายังไม่ได้หยอดแม่ก็ถามว่าถ้าหยอดแล้วตาบอดทำยังไง เขาก็บอกว่าไม่บอด คนอื่นก็หยอดไม่เป็นอะไร เขาก็หยอด เขาก็ไม่เป็นไร หลังจากนั้นแม่ก็เลยเหมือนรับปากเขา แม่เอาไปทานขวดที่สองต่อ ประมาณครึ่งขวด แม่รู้สึกว่าสมุนไพรมันดีกับเขา”

เหมือนถูกกัน?
ยุ้ย : “ใช่ เขาบอกว่าเขารู้สึกดีขึ้นจริง ก็เลยตัดสินใจเอามาหยอดตา”

ตอนมาขายเขาแถมอีกมั้ย?
ยุ้ย : “ไม่ ก็ขวดเดิมที่ให้ แม่หยอดตอนเย็นหนึ่งหยด หลังจากหยอดแสบ เคือง น้ำตาไหล ตาแดง แต่เซลล์เขาได้อธิบายก่อนแล้วว่าจะมีอาการเหล่านี้อยู่แล้ว ให้แม่อดทนเอา ล้างออกแล้วมันจะดีขึ้น หยอดไปจนกว่าแม่จะหาย พอใจหยอดตอนไหนก็หยอด”

คุณแม่เป็นต้อเนื้อ ปกติมองเห็นชัดมั้ย?
ยุ้ย : “ปกติต้อเนื้อที่แกเป็น ยังไม่ได้บังตาดำขนาดนั้น คือสังเกตเห็นว่าเป็น คุณแม่ไม่เคยรักษาหมอ”

บอกแม่มั้ยว่าหยอดแล้วแสบเคืองให้แม่ไปหาหมอ?
พิทักษ์ : “ยังไม่ทราบว่าแม่โดนแนะนำให้ไปหยอดตา ผมทราบเรื่องจากหมอที่รพ. คำวินิจฉัยของหมอ แม่โทรมาหาผมคือหมอให้เอาลูกตาออก ผมก็ถามไปที่คุณหมอว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ตอนแรกแม่ก็ไม่ยอมบอกผมว่าเอายาตัวนี้ไปหยอดตา ก็ให้แม่เล่าความจริง แม่ก็เลยเล่าว่าเอายาสมุนไพรที่เซลล์มาแนะนำลองหยอดตา ประมาณ 6 ครั้ง ทีนี้ผมก็เลยรีบถามหมอว่าคำวินิจฉัยของหมอ จำเป็นต้องเอาลูกตาออกจริงใช่มั้ย คุณหมอบอกว่าต้องเอาออกจริง เพราะตอนนี้รักษาไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่รับเอาออกจะส่งผลถึงสมองและตาอีกข้างนึงจะทำให้บอดทั้งสองข้างได้”

ก่อนคุณแม่ไปหาหมอ หยอด 6 ครั้งแต่ละครั้งเหมือนกันหมดมั้ย?
ยุ้ย : “เหมือนกันค่ะ ทุกครั้ง แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล ทุกครั้งที่หยอด”

ทำไมแม่ไม่หยุด?
ยุ้ย : “พอหยอด 6 ครั้งแม่รู้สึกแสบมาก ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากหยอดแล้ว เขาเลยไปหาอนามัยใกล้บ้าน ให้เจ้าหน้าที่ดูให้ เขาเลยให้เป็นน้ำตาเทียมมาหยอด พอหยอดก็รู้สึกดีขึ้น ก็เลิกหยอดสมุนไพร มาหยอดน้ำตาเทียมตัวนี้แทน รู้สึกดี แต่มองไม่ชัด”

หยอด 6 ครั้งใน 1 อาทิตย์

ทิ้งไว้นานมั้ย?
ยุ้ย : “หยอด 6 ครั้งอาทิตย์นึงที่หยอดน้ำตาเทียม ถึงไปอนามัย”

พิทักษ์ : “รวมๆ แล้ว 10 วัน”

รวมเวลาเป็น 19 วัน?
ยุ้ย : “ไปอนามัยได้เหมือนยาแก้แพ้ หยอดตา ประมาณ 10 วัน”

ก่อนไปรพ. ทั้งหมด 29 วัน หลังจากนั้นเดินทางไปหาหมอ?
ยุ้ย : “เพราะที่อนามัยบอกว่าให้ยาหยอดตาเป็นตัวนี้ แต่ต้องไปที่รพ.ใหญ่ ไปรพ.ศูนย์ บอกแม่ตอนแรกแม่ก็ยังไม่ไป จนแกตัดสินใจไปรพ.ศูนย์วันที่ 22 ส.ค. คุณหมอก็ขอให้นอนรพ.ทันที มีแผลที่กระจกตา และติดเชื้อทั้งดวงตา”

คุณหมอบอกว่าติดเชื้อซีเอลลา นิวโมเนีย เป็นเชื้อที่เกิดขึ้นกับคนที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี แล้วมีความจำเป็นต้องเอาลูกตาออก ตัดสินใจยังไง?
พิทักษ์ : “เมื่อได้ยินคำวินิจฉัยของหมอว่าไม่สามารถแล้ว ผมก็สอบถามหมอว่าถ้าไม่เอาออกจะมีผลอะไร พอรู้ก็ตัดสินใจให้คุณหมอรักษาทันที”

คุณแม่ยอมมั้ย?
พิทักษ์ : “คุณแม่ยอมครับ เพราะบอกเหตุผลกับคุณแม่ ถ้าไม่รักษาก็จะเป็นแบบที่คุณหมอแนะนำ”

สอบถามคุณหมอ เจ้าน้ำใบพลูคาวใช้หยอดตาได้มั้ย?
แพทย์หญิงมัทยา : “ไม่ได้ค่ะ ต้องอธิบายก่อนว่ายาที่ใช้ในการหยอดตา ส่วนใหญ่จะเป็นขวดที่มีการบรรจุอย่างดี มีการตรวจสอบ เขาบรรจุสารกันเสีย มั่นใจในการหยอดตาได้ ถ้าเอาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ใช้สำหรับหยอดตา เช่นเอามาทานหรือมาทา มันก็จะมีผลข้างเคียง มีอาการแสบมีผลเรื่องการอักเสบ ติดเชื้อได้”

กรณีต้อเนื้อที่คุณแม่น้องเป็น การรักษามียาหยอดตาทำให้ต้อเนื้อหายมั้ย?
แพทย์หญิงมัทยา : “ไม่ได้ค่ะ อันตรายด้วยซ้ำไป”

เชื้อที่ถูกแจ้งว่าแม่เป็นมาจากไหน?
แพทย์หญิงมัทยา : “เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดนึง ที่รุนแรง ถ้าเกิดการติดเชื้อที่ดวงตา สามารถทำให้เยื่อบุตาขาวหรือกระจกตาดำติดเชื้อและบางลงจนทะลุได้ เมื่อมีการกทะลุของกระจกตา ก็จะทำให้ติดเชื้อในลูกตาและสามารถลามไปอวัยวะข้างเคียงได้ เช่นสมอง เป็นต้น”

เป็นไปได้มั้ยเชื้อตัวนี้มาจากน้ำจากใบพลูคาว?
แพทย์หญิงมัทยา : “ตัวเชื้อพวกนี้จะเกิดขึ้นในตัวคนที่มีร่างกายไม่แข็งแรง เช่นเป็นโรคเบาหวานหรือความดัน คนพวกนี้จะติดเชื้อได้ง่าย เมื่อตาเรามีบาดแผล รอยถลอกจากอะไรก็ตามก็จะติดเชื้อพวกนี้ได้ง่ายขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการอักเสบและติดเชื้อรุนแรง”

คุณแม่เป็นเบาหวาน เป็นแผลที่เท้าก็รักษากันนาน ไม่ต่างอะไรจากดวงตา?
แพทย์หญิงมัทยา : “ถูกต้อง จะรักษาหายช้ากว่าคนทั่วไป”

เซลล์ยืนยันว่าทั้งหมดผ่านกระบวนการบริษัท?
แพทย์หญิงมัทยา : “ค่ะ”

พิทักษ์ : “เขาบอกว่าในกระบวนการเยียวยาต่างๆ เขาไม่สามารถพูดได้ ณ ทันที เขาต้องรอปรึกษาเจ้าของบริษัทก่อนพูดถึงการเยียวยาในแง่ไหนได้บ้าง”

เซลล์บอกหยอดกันทั้งนั้นแหละ ขายมา 4 ปี ไม่เคยมีเคสนี้ แสดงว่าคนเอาไปหยอดกันเยอะ หมอว่าไงแบบนี้?
แพทย์หญิงมัทยา : “เจอบ่อยค่ะ ก็จะมีความเชื่อบางอย่างที่เอาน้ำอันนั้น น้ำนมมาหยอดบ้าง หรือยาพื้นบ้านที่ทำมาเองบ้าง คิดว่าหยอดแล้วจะทำให้ตามองเห็นชัดดี รักษาได้ทุกโรค แต่สุดท้ายก็บอด”

อีกขั้นตอน ได้พูดคุยกับเซลล์มั้ย?
ยุ้ย : “เขาว่าตามคลิปเลยค่ะ เขาก็ติดต่อมาบอกว่าจะขอคุยหลังจากแม่ออกจากรพ. ได้มั้ย แม่ออกจากรพ.วันที่ 30 ไปลงบันทึกประจำวัน เขาบอกว่าขอนัดเป็นวันเสาร์ พอวันเสาร์ก็เลื่อนเป็นวันจันทร์”

พิทักษ์ : “ซึ่งผมเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อไปรับฟังเซลล์ แต่เขาเลื่อนวัน ก็ต้องเดินทางมากรุงเทพฯ กลับมาทำงานอีกรอบนึง”

เซลล์เดินทางไปหาคุณแม่ซึ่งถูกควักตาไปแล้วข้างนึง เซลล์ไปกันสองคน เขาทดลองให้คุณแม่ดูเลยว่าผลิตภัณฑ์เขาหยอดตาได้ ไม่เป็นไร?
แพทย์หญิงมัทยา : “อย่างที่บอกไป ยาหยอดตาจะเป็นคนละเคส ทานก็ทาน หยอดก็หยอด จะเอามาใช้ร่วมกันไม่ได้”

คุณแม่ควักตาแล้ว วันนี้ธงในใจคืออะไร?
พิทักษ์ : “เราอยากให้บริษัทมารับผิดชอบในส่วนที่ว่าจะเยียวยา ประเด็นที่สองอยากให้ทางบริษัทยุติการโฆษณาในเรื่องการชวนเชื่อ โดยเฉพาะชาวบ้านต่างจังหวัดที่ไม่มีความรู้อะไรเลย พูดอะไรไปก็เชื่อ อยากให้พูดตามใบประกอบของคุณ ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องพูด”

เขาได้เอ่ยชื่อมั้ยว่าได้รับการเทรนด์มาจากใคร?
พิทักษ์ : “เขาบอกว่าได้เรียนรู้จากหมอ ซึ่งระบุชื่ออกมาชัดเจนว่าหมอคนนี้เป็นคนแนะนำ และเจ้าของบริษัทเป็นคนแนะนำว่ามีการเทรนนิ่ง มีการเรียนรู้ แนะนำให้เซลล์ไปแนะนำต่อ ว่าหยอดตาได้”

มาจากเซลล์ที่เอามาขายแนะนำ และพาดไปถึงบริษัทที่เขาเอาของมาขาย ดร. ภูวิช ปัญญาสิทธิ์ ที่ปรึกษา บ. คิงเฮิร์บ 1999 จำกัด เซลล์ไปขายและแนะนำให้หยอดตา เป็นนโยบายบริษัทหรือเปล่า?
ดร. ภูวิช : “บริษัทมีการอบรมทุกอาทิตย์ และให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสมุนไพร การบำบัด บรรเทา ดูแลโรคภัยไข้เจ็บ เช่นเบาหวาน มะเร็งเป็นต้น ไมมีนโยบายให้เอาพลูคาวไปหยอดตาครับ”

ดร.พอทราบมั้ย คนที่มาขายให้แม่เฒ่ามีการบอกกับสามารถหยอดตาได้ ได้รับการเทรนด์มาจากดร.คนนึงและเจ้าของบริษัท มีการเทรนนิ่ง มีการเรียนรู้ เขาเอ่ยชื่อดร.ภูวิชมั้ย?
ดร.ภูวิช : “ไม่ใช่ผมครับ ผมเป็นที่ปรึกษาบริษัทเฉยๆ”

ไม่เคยแนะนำ?
ดร.ภูวิช : “ไม่เคยแนะนำครับ”

เป็นไปได้มั้ยเขาเอาชื่อไปอ้าง?
ดร. ภูวิช : “อาจจะเป็นไปได้ แต่ในเชิงบริษัทไม่มีนโยบายในเรื่องนี้เลย”

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ รักษาอะไร?
ดร. ภูวิช : “เป็นการบรรเทา เป็นการเยียวยา เรื่องมะเร็ง เรื่องลำไส้ เรื่องการติดเชื้อ เบาหวาน เรื่องปวดเมื่อยกล้ายเนื้ออะไรต่างๆ”

ต้อเนื้อได้มั้ย?
ดร.ภูวิช : “ไม่มีนโยบายให้ไปรักษาตรงนี้เลย”

มีการเทรนด์เซลล์แล้วให้มาแนะนำหยอดตามีมั้ย?
ดร.ภูวิช : “ไม่มีนโยบายครับ”

ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ฝั่งนี้แม่เขาถูกควักลูกตาออกไป แบบนี้บริษัทมองยังไง?
ดร. ภูวิช : “เราจะเรียกเซลล์คนนี้มาพูดคุย และจะทำการตกลง ดูแลอย่างสุดความสามารถให้คุณป้า เราจะช่วยกันเยียวยา และไม่ทอดทิ้ง เน้นคำว่าเหมาะสมนะครับ”

ทางฝั่งนี้อยากขอเรื่องโบรชัวร์?
พิทักษ์ : “คือโบรชัวร์ไม่ควรแนะนำให้เซลล์ไปพูดเกินความเป็นจริง เช่นยาของคุณ เขาใช้คำว่ายา และใช้แทนตัวองว่าอาจารย์ ซึ่งผมไม่มั่นใจว่ามันใช้ได้หรือเปล่า หรือมันสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเองเพื่อทำผลประโยชน์อย่างอื่นแฝงหรือเปล่า ตรงนี้ผมอยากเรียกร้องสิทธิส่วนนึงที่สูญเสียดวงตาคุณแม่ อย่าให้ใช้คำว่ายาได้มั้ย”

ดร.ภูวิช : “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ เราใช้คำว่าสมุนไพรบรรเทาบำบัด ผมยังไม่ได้พูดคำว่ารักษาเลยนะครับ อยากกราบเรียนตงนี้ ต้องขอโทษแทนตัวแทนด้วย ตัวแทนแต่ละคนมีอาชีพไม่เท่ากัน บางคนก็เป็นครูบาอาจารย์จริงๆ บางคนก็เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ บางคนก็เป็นนายตำรวจ ก็ไม่ทราบว่าพอเขาออกไปแล้วจะใช้คำแทนตัวว่าอะไร ตรงนี้จะดูแลและระวังในเรื่องการอบรมให้เข้าสู่ระบบความถูกต้องและเป็นธรรมกับสังคม เพราะทางบริษัทเราดูแลประเทศชาติเรื่องบำบัด เยียวยาตรงนี้มานานแล้ว ได้รับรางวัลต่างๆ ไม่เคยเสียหาย อันนี้เป็นครั้งแรก อาจเป็นการเข้าใจผิดของตัวแทนก็ได้ เด่ยวเราจะเรียกตัวแทนมาพูดคุยและดูแลรับผิดชอบคุณแม่ให้เรียบร้อย”

ฟังแล้วเป็นยังไง?
พิทักษ์ : “ดูเหมือนไม่รับผิดชอบในส่วนของการเป็นเทรนนิ่ง ทางทีมเซลล์ ซึ่งผมทราบมาว่าข้อเท็จจริงอยู่ตรงไหน”

มุมคุณหมอ เจอเคสแบบนี้เยอะมั้ย?
แพทย์หญิงมัทยา : “ก็เยอะนะคะ เป็นร้อยๆ ราย คือด้วยอาชีพคนต่างจังหวัด เขามีอาชีพเกษตรกรรม ก็จะมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตาได้บ่อย อย่างเช่นกิ่งไม้ ใบไม้มาบาดดวงตาขณะประกอบอาชีพเมื่อมีอุบัติเหตุก็จะเกิดการอักเสบ ติดเชื้อที่ดวงตา แต่การรักษาของคนต่างจังหวัดบางคน อาจไม่ได้เข้ามารักษากับจักษุแพทย์ทันที อาจจะซื้อยามาหยอดตาเองบ้าง ใช้น้ำสมุนไพรมาหยอดตาเองบ้าง ซึ่งจะทำให้รุนแรงมากขึ้น รักษาได้ยากขึ้น”

อยากฝากอะไร?
แพทย์หญิงมัทยา : “อาหารเสริมชื่อก็บอกอยู่แล้ว มันไม่ใช่ยารักษาโรค อยากให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไม่ได้มีส่วนช่วยในการรักษาโรคตาหรือร่างกายให้หายไป เป็นเพียงแค่ช่วยเสริมสารอาหารในร่างกายของเรา ต้องดูสรรพคุณยาให้ดี และรู้ให้เท่าทันว่าเรากำลังทานอะไรอยู่ มีประโยชน์หรือมีโทษต่อร่างกาย”

ลูกอยากบอกอะไร?
พิทักษ์ : “ขอให้เคสของแม่เป็นอุทาหรณ์ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์อะไรรักษาตัวเอง ขอให้ไปพบแพทย์ที่รพ.รักษาจะดีกว่า”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน