เรือจมเจ้าพระยา! เจอแล้ว 19 ศพ เร่งค้นหายังสูญหายอีก อื้อ เผยเป็นเรือ 2 ชั้น บรรทุกผู้โดยสารชาวมุสลิมเหมาเป็นขบวน 15 ลำ จาก 2 มัสยิดพื้นที่ ต.สำเภาร่ม กับ ต.ประตูชัย พระนครศรีอยุธยา พบปะสังสรรค์กันตามประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมานาน พยานรอดตาย เผย คนขับหักหลบเรือที่วิ่งสวนทาง พุ่งชนแพท่าน้ำหน้าวัดก่อนจมลงอย่างรวดเร็ว ต้องหนีตายอลหม่าน ขณะที่เพื่อนๆ สาวกระทรวงแรงงาน แห่โพสต์อาลัย หลังเจ้าตัวถ่ายภาพขณะอยู่บนเรือเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเสียชีวิต

เมื่อ เวลา 16.00 น. วันที่ 18 ก.ย. พ.ต.ต.ธนัท แสงอรุณ สารวัตร (สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเกิดเหตุเรือโดยสารล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าน้ำหน้าวัดสนามไชย หมู่ 9 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนคร ศรีอยุธยา มีผู้โดยสารจมน้ำเสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมนายเรวัต ประสงค์ รอง ผวจ.พระนคร ศรีอยุธยา พ.ต.อ.สุรพงค์ ธรรมพิทักษ์ ผกก.สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา นายอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยกู้ชีพร.พ.พระนคร ศรีอยุธยา และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิพุทไธสวรรย์

ที่ เกิดเหตุห่างจากท่าน้ำหน้าวัดสนามไชย ประมาณ 5 เมตร พบเรือโดยสารขนาดใหญ่ สีขาว 2 ชั้น ชื่อเรือสมบัติมงคลชัย สภาพเอียงขวาจมอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาจนมิดชั้น 1 ผู้โดยสารชาย-หญิง ที่มากับเรือต่างพากันหนีตายออกจากเรือที่กำลังจะจมอย่างโกลาหล บางส่วนกระโดดลงน้ำลอยคออยู่พร้อมสัมภาระลอยเกลื่อนท่ามกลางกระแสน้ำไหล เชี่ยว หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าช่วยเหลือนำตัวขึ้นฝั่งได้กว่า 40 คน ซึ่งหลาย คนมีอาการสำลักน้ำหมดสติอาการสาหัส หน่วยกู้ภัยต้องปั๊มหัวใจก่อนรีบนำตัวส่งร.พ.พระนครศรีอยุธยาอย่างเร่งด่วน และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหลายคน

จากนั้นเจ้าหน้าที่เร่ง ค้นหาผู้โดยสารที่คาดว่ายังติดอยู่ในซากเรือ โดยใช้เชือกผูกตัวเรือยึดไว้กับริมตลิ่งไม่ให้ตัวเรือจมลงก้นแม่น้ำ จนพบผู้เสียชีวิตติดอยู่อีก 6 ศพ รวมผู้เสียชีวิตเบื้องต้นที่พบแล้ว 19 ศพ ต่อมาเจ้าหน้าที่ประดาน้ำ 2 ชุดลงค้นหาผู้ยังสูญหาย ซึ่งเบื้องต้นมีผู้โดยสารที่มากับเรือระบุว่ายังมีผู้สูญหายอีกหลายราย

จาก การสอบสวนนายเอนก เย็นภูเขา อายุ 47 ปี ผู้ที่โดยสารมากับเรือ ให้การว่า ตนพร้อมด้วยพี่น้องชาวมุสลิมจาก 2 มัสยิด ในพื้นที่ ต.สำเภาล่ม และ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยสารเรือ 15 ลำ เพื่อพบปะสังสรรค์กัน เป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ช่วงเช้าจะล่องเรือจากมัสยิดอีกตำบลไปยังอีกตำบล โดยเรือลำเกิดเหตุมีพี่น้อง ชาวมุสลิมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั้งหมดประมาณ 50 คน

“เมื่อเรือมาถึงหน้าวัดสนามไชยได้มีเรือบรรทุกสินค้า วิ่งสวนทางมาในร่องน้ำเดียวกัน ทำให้คนขับเรือต้องหักหลบแล้วเสียหลักพุ่งชนแพท่าน้ำอย่างแรง จากนั้นเรือค่อยๆ จม ลงทำให้ผู้โดยสารบนเรือต่างพากันหนีตาย ด้วยการกระโดดลงไปในน้ำอย่างอลหม่าน โดยสวมใส่เสื้อชูชีพบ้างไม่สวมบ้าง ตลอดเส้นทางคนขับเรือมักจะแซงขบวนเรือที่วิ่งตามกันมาตลอดทาง ยังวิตกอยู่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนมาเกิดเหตุจนได้” นายเอนกกล่าว

ขณะ ที่นายวิรัตน์ ชัยศิริกุล อายุ 60 ปี คนขับเรือ ให้การว่า เมื่อขับเรือมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงทางโค้ง ซึ่งมีกระแสน้ำไหลแรง มีเรือบรรทุกสินค้าวิ่งสวนทางพุ่งเข้ามา ตนจึงพยายามจะหลบกระแสน้ำไหล ทำให้บังคับเรือไม่ได้พุ่งเขาชนแพท่าน้ำจนรือจมลง

ตายหมู่ - อุบัติเหตุเรือนำเที่ยว 2 ชั้น หักหลบเรือแล่นสวนมา เสียหลักชนแพท่าน้ำ ล่มและจมลงบริเวณหน้า วัดสนามไชย ต.บ้านป้อม จ.พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 19 ราย สูญหายหลายราย บาดเจ็บอีกหลายสิบคน

ตายหมู่ – อุบัติเหตุเรือนำเที่ยว 2 ชั้น หักหลบเรือแล่นสวนมา เสียหลักชนแพท่าน้ำ ล่มและจมลงบริเวณหน้า วัดสนามไชย ต.บ้านป้อม จ.พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 19 ราย สูญหายหลายราย บาดเจ็บอีกหลายสิบคน

 

ด้าน พ.ต.อ.สุรพงค์เปิดเผยว่า เบื้องต้นขณะนี้จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่ชัด อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพราะบางคนขึ้นเรืออีกลำและมีการจอดแวะสถานที่ ต่างๆ ก็ลงเรืออีกลำ ส่วนสาเหตุต้องรอสอบสวนผู้โดยสารที่อยู่บนเรือ รวมทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ ส่วนเรือบรรทุกสินค้าที่คนขับเรืออ้างนั้นอยู่ระหว่างประสานกับกรมเจ้า ท่าพระนครศรีอยุธยา ให้ติดตามคนขับเรือมาสอบสวน เบื้องต้นนำคนขับเรือที่ล่มไปสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงสาเหตุเกิดจากเรือ บรรทุกน้ำหนักเกินหรือ ขับเรือโดยประมาทต่อไป

ต่อมาเวลา 20.30 น. พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้ระดมพนักงานสอบสวน เข้าสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์และอยู่ในเหตุการณ์รวมไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยว ข้องในเหตุการณ์ และเปิดศูนย์รับแจ้งคนหาย เนื่องจากผู้เสียชีวิต เป็นมุสลิม จึงได้ประสานแพทย์จากนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เข้าร่วมชันสูตรผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เพื่อส่งศพให้ญาติรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมทั้งประสานศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 1 และพฐ.จว.พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบที่เรือลำเกิดเหตุเมื่อทำการกู้เรือเสร็จสิ้น

ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากเหตุการณ์ เรือล่มครั้งนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 19 ราย รวมทั้งผู้บาดเจ็บและยังคงสูญหายอีก หลายราย พบว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ น.ส. ชญาดา หรือตูน มหาครุฑ อายุ 28 ปี ทำงานตำแหน่งเจ้าพนักงานแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน โดยเพื่อนๆ ได้แชร์ภาพของเธอซึ่งถ่ายบนเรือ ในวันนี้ด้วย พร้อมข้อความตอบคำถามของเพื่อนที่ถามว่าไปเที่ยวไหนว่า “มาทำงาน” นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนๆ ที่ได้โพสต์ภาพของเธอที่ถ่ายบนเรือโบกมือให้ด้วย ท่ามกลางความอาลัยจากเพื่อนๆ เนื่องจากภาพถ่ายดังกล่าวเป็นภาพสุดท้ายบนเรือก่อนเสียชีวิต

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของกรมเจ้าท่าระบุว่า เรือสมบัติมงคลชัย มีนายสุนทร พันธุ์เสือทอง เป็นเจ้าของ หมายเลขทะเบียนเรือ 106600841 มีขนาดกว้าง 5.05 ยาว 27.70 ลึก 1.40 ขนาด 52.70 ตันกรอส รับจำนวนคนโดยสารได้ทั้งหมด 50 คน เรือจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2510 และจะหมดอายุในวันที่ 7 มิ.ย.2560 ต่อทะเบียนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2559 ดังนั้นเรือสมบัติมงคลชัยจึงมีอายุเรือถึง 49 ปีแล้ว

โดย หลังเกิดเหตุนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 2 สาขาอยุธยา และสำนักงาน พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ ดำเนินการส่งเรือตรวจ การณ์เจ้าท่า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพื่อนำผู้บาดเจ็บส่งโรง พยาบาล ทั้งนี้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา ได้นำเรือตรวจการณ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กำกับและอำนวยความปลอดภัยในบริเวณ ที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งติดตามผู้ควบคุมเรือและเจ้าของเรือเพื่อมาสอบสวนหาสาเหตุของ อุบัติเหตุใน ครั้งนี้ และในส่วนของเรือสมบัติมงคลชัยจะดำเนินการกู้เรือขึ้นจากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อหาสาเหตุการจมต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่าในช่วงค่ำ มีรายงานว่าพบศพแล้ว 19 ราย ดังนี้ 1.นางสุวิมล บุญรักษ์ อายุ 52 ปี 2.นางมาเรีย เส้นขาว อายุ 56 ปี 3.นางพยอม กลั่นผล อายุ 78 ปี 4.นายแอ๊ด คงทอง อายุ 50 ปี 5.น.ส.หญิงไทย ไม่ทราบชื่อ อายุ 50 ปี 6.นางสมจิตร เส้นขาวด อายุ 52 ปี 7.นางสำราญ ใจทรัพย์ อายุ 54 ปี 8.นางหญิงไทยไม่ทราบชื่อ อายุ 50 ปี 9.ชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุ 70 ปี 10.ชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุ 25 ปี 11.น.ส.อุรุยา ขันธรักษ์ อายุ 63 ปี 12.นางหญิงไทยไม่ทราบชื่อ อายุ 60 ปี 13.น.ส. ชนาภา มหาครุฑ อายุ 28 ปี 14.นางวราภรณ์ คล้ายสุวรรณ์ อายุ 28 ปี 15.นางละมัย กระจ่างแสง อายุ 61 ปี 16. นายเสน่ห์ แจ่มคง อายุ 76 ปี 17.นางหญิงไทยไม่ทราบชื่อ อายุ 51 ปี 18.น.ส.สรินทิพย์ หนูเอี้ยง อายุ 35 ปี 19.ด.ช.อารีซา ขันธสอน อายุ 9 ขวบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน