เย็น วันที่ 27 ธ.ค.2557 ชาวบ้านที่ผ่านไปมาบริเวณศาลารอรถโดยสารประจำทาง ริมถนนเศรษฐกิจ 1 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองมะเดื่อ จ.สมุทรสาคร ต้องตกตะลึงกับภาพและเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของนายณขจร กิจฤกษ์ไทย หนุ่มวัย 18 ปี ที่กำลังถูกเปลวไฟลุกไหม้เผาทั่วทั้งตัว

 

กว่า ที่พลเมืองดีและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะเข้ามาช่วยดับไฟ นายณขจรก็ถูกไฟไหม้ตามร่างกายมากกว่า 68 เปอร์เซ็นต์ มีแผลถูกไฟลวกจนผิวหนังตั้งแต่ศีรษะถึงลำตัวลอกหลุดออกมาเป็นแผ่นๆ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการใช้น้ำสะอาดและผ้าเปียก ค่อยๆ เช็ดตามร่างกาย ก่อนจะประสานขอ รถกู้ชีพจากโรงพยาบาลวิชัยเวช นำตัวส่ง โรงพยาบาลกระทุ่มแบน

โรงพยาบาลให้การดูแลทำแผลให้ สะอาด ก่อนส่งต่อไปที่ร.พ.วิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนลอ้อมน้อย ตามสิทธิบัตรประกันสังคม แต่เนื่องจากผิวหนังส่วนใหญ่ลอกหลุดแม้จะไม่ใช่แผลที่ลึก แต่เพื่อความปลอดภัยป้องกันการ ติดเชื้อ นายณขจรจึงถูกส่งตัวอีกครั้งต่อไปที่โรงพยาบาลรามาธิบดี

 

พ.ต.อ. พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน ร.ต.ท.ปรัชญา มณีสว่าง พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวนรีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีแดง ทะเบียน ฬรง 120 กรุงเทพฯ ติดสติ๊กเกอร์ลายลิเวอร์พูลล้มคว่ำอยู่ รวมทั้งกางเกงยีนส์กับรองเท้าถูกถอดทิ้งไว้ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ซึ่งเป็นของนายณขจร ห่างไปเล็กน้อยบริเวณหน้าศาลารอรถโดยสารประจำทาง พบขวดน้ำพลาสติก 1 ขวด มีรอยถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นขวดที่คนร้ายใส่น้ำมันมา และบนพื้นถนนมีคราบน้ำมัน และตรงที่นั่งรอรถเมล์ยังพบรองเท้าถูกไฟไหม้อีก 1 คู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 

จากการสอบสวนนายณขจร ซึ่งแม้นจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังพอให้การได้ ทำให้ทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนช่างกล ชื่อนายพชร หรือ กัส เทียนชูศักดิ์ อายุ 19 ปี และน.ส.จันทราลักษณ์ หรือ ออย ลั่นสิน อายุ 20 ปี โดยที่น.ส.ออย เป็นหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงเดือนเดียว ส่วน นายกัสก็เป็นแฟนเก่าของน.ส.ออยนั่นเอง

นายณขจรเล่า เหตุการณ์นาทีถูกเผาทั้งเป็นว่า น.ส.ออยโทรศัพท์เรียกให้ออกมาพบตรงที่เกิดเหตุ จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาหา ซึ่งเมื่อมาถึงก็ได้มีการพูดคุยกัน ขณะนั้นนายกัสที่หลบอยู่ในดงหญ้าข้างทางก็โผล่ออกมาแล้วก็เข้าล็อกคอจากด้าน หลัง ก่อนใช้น้ำมันที่ใส่มาในขวดพลาสติกราดลงที่ศีรษะแล้วก็จุดไฟเผาทันที ก่อนที่ทั้งคู่จะซ้อนรถจักรยานยนต์หลบหนีไปด้วยกัน

 

หลังสอบ สวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำโทรศัพท์มือถือของนาย ณขจรไปตรวจสอบเบอร์ที่โทร.เข้ามาล่าสุด และติดตามไปที่บ้านของนายกัสที่ ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม รวมทั้งบ้าน ของน.ส.ออย ที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน แต่ไม่พบตัว ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าทั้งสองคนได้หลบหนีไปซ่อนตัวที่ต่างจังหวัดแล้ว

 

นอก จากนี้ ยังพบว่าหลังเกิดเหตุทั้งนายกัสและน.ส.ออย ได้ปิดโทรศัพท์และเฟซบุ๊กทั้งหมด ส่วนสาเหตุคาดว่าอาจจะมาจากเรื่องชู้สาว ส่วนอาการของนายณขจรอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว แต่ยังให้การใดๆ เพิ่มเติมไม่ได้เพราะถูกผ้าพันแผลพันปิดไว้ตั้งแต่ศีรษะลงมาเพื่อป้องกันแผล ติดเชื้อ

 

เมื่อไม่พบตัวผู้ต้องหา ชุดสืบสวนจึงใช้วิธีการกดดันทางญาติๆ อีกทางหนึ่งเพื่อให้พาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัว แล้วก็ประสบความสำเร็จเมื่อผ่านไปเพียงแค่ 3 วัน ชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน ก็ได้รับแจ้งจากญาติของนายกัสว่านายกัสติดต่อมาว่าหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

 

โดยนายกัสให้ญาติช่วยซื้อยาไปให้ เนื่องจากว่ามือและขาซ้ายถูกไฟลวกเป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งหลังจากทางชุดสืบสวนรับทราบข้อมูลก็ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ก่อนจะติดตามจับกุมตัวทั้งนายกัสและน.ส.ออย ได้ที่ปั๊มน้ำมันมั้งกี้โกล ม.6 ต.หลองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.กระทุ่มแบน

ทั้งคู่ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิด จริง จากนั้นก็ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปและทิ้งรถไว้ที่วัดโพธิ์แจ้ ก่อนที่โบกรถไปเรื่อยๆ จนถึงตำบลหลองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี แต่ทนไม่ไหวเนื่องจากแขนและขาได้รับบาดเจ็บถูกไฟไหม้ด้วย จะไปหาหมอรักษาก็กลัวว่าจะถูกจับเพราะเป็นข่าวดัง จึงโทรศัพท์ติดต่อทางบ้านจนมาถูกจับได้ในที่สุด

 

ส่วนสาเหตุ ที่ทำลงไปนายพชรอ้างว่าโกรธแค้นที่นายณขจรทำร้ายแฟนสาวของตน โดยให้การว่าคบเป็นแฟนกับน.ส.ออยอยู่ แต่เมื่อช่วงเดือนเศษๆ ที่ผ่านมาได้มีปากเสียงทะเลาะและไม่เข้าใจกัน ซึ่งเป็นช่วงจังหวะพอดีกับที่นายณขจรเข้ามาพูดคุยและตีสนิทกับแฟนสาวของตน

 

จาก นั้นนายณขจรก็หลอกชวนน.ส.ออย ไปที่บ้าน บอกว่าจะให้ยืมคอมพิวเตอร์ทำงานและก็พาขึ้นห้องนอน เสร็จแล้วก็ลงมือทำร้าย ในวันเกิดเหตุตนมาปรับความเข้าใจกับน.ส.ออย จนเข้าใจกันดี ซึ่งก็เป็นช่วงพอดีกับที่นายณขจรโทรศัพท์มาหาน.ส.ออย จึงเล่าเรื่องให้ฟัง ตนเกิดความโมโหจึงบอกให้นัดนายณขจรให้มารับที่ป้ายรถเมล์ แล้วตนก็ไปแอบในดงต้นไม้ข้างทาง

 

จังหวะที่นายณขจรจอดรถพูด คุยกับ น.ส.ออย ตนจึงเข้าล็อกคอแล้วเอาน้ำมันที่เพิ่งดูดออกมาจากรถมอเตอร์ไซค์ราดที่ศีรษะ นายณขจรแล้วก็จุดไฟเผา จากนั้นก็หลบหนีไป ซึ่งตนก็ถูกไฟไหม้ที่มือและเท้าด้วย ส่วนทางด้านน.ส.จันทราลักษณ์ ลั่นสิน หรือน.ส.ออย ก็ให้การรับสารภาพในลักษณะเดียวกัน

จนวานนี้ (28 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร บัลลังก์ที่ 14 โดยนายสำเริง สินธูระหัฐ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดสมุทรสาคร อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นโจทก์ฟ้อง นายพชร เทียนชูศักดิ์ (หรือกัส) และน.ส.จันทราลักษณ์ ลั่นสิน (หรือออย) ในความผิดฐานร่วมกันฆ่านายขจร กิจฤกษ์ไทย หรือ จีโน่ อายุ 18 ปีเศษ (ตอนเสียชีวิต) โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมแล้วเห็นว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2557 เวลาเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน มีพยานเห็นชัดเจนว่า จำเลยที่ 1 คือ นายพชร เทียนชูศักดิ์ หรือนายกัส เดินออกมาจากป่าข้างทาง แล้วเอาน้ำมันราดจากนั้นก็จุดไฟเผานายขจร กิจฤกษ์ไทย หรือ จีโน่ ผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 2 นางสาวจันทราลักษณ์ ลั่นสิน (หรือออย) เป็นผู้โทรศัพท์ลวงให้ผู้ตายออกมาพบ เพื่อเจตนาฆ่า

ครอบครัวเหยื่อ
โดยลักษณะของจำเลยทั้ง 2 คนนั้น เป็นการกระทำในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ อีกทั้งพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมมั่นคง น่าเชื่อถือ ศาลจึงพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 83 ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง แต่คำให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิตแก่จำเลยทั้ง 2 คน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน