โดนเล่นงานตามคาด อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร คดีฟอกเงินปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย นัดสอบคำให้การจำเลยวันที่5 พ.ย. ด้านคุณหญิงอ้อ-ญาติพี่น้องพร้อม แกนนำพรรคเพื่อไทยร่วมให้กำลังใจล้น พร้อมยื่น 1 ล้านได้ประกันตัว แต่มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

พรรคอนาคตใหม่โดนอีกแล้ว กกต.แจ้งจัดระดมทุนวัน เปิดรับสมาชิกพรรคทำไม่ได้ ส่อต้องคืนเงินทั้งหมด ยกเว้นค่าสมัครสมาชิก ธนาธร- ปิยบุตรแถลงโต้จากข้ามทวีปทันควัน ยันใช้สิทธิต่อสู้ตามกติกา แกนนำพรรคพปชร. “สุวิทย์ เมษินทรีย์” มั่นใจได้ส.ส.เกิน 100 ขณะที่ “บิ๊กป้อม” เชื่อคะแนนบวกขึ้นทุกวัน รวมถึงภาคอีสานด้วย

“บิ๊กตู่”นิ้วซ้นต้องพันมือขวา
เมื่อเวลา 04.50 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางกลับจากเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นครั้งที่ 10 ที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวถามว่าเหนื่อยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า นอนน้อยไปหน่อย เมื่อถามว่าได้นอนแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า นอนไปนิดนึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณนิ้วมือข้างขวาของนายกฯ ตั้งแต่นิ้วกลางถึงนิ้วก้อยมีผ้าพันแผลพันติดไว้ ซึ่งนายกฯ เผยว่า ได้รับบาดเจ็บจากอาการนิ้วมือซ้น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมจัดตั้งพรรคเพื่อชาติ ว่า ไม่รู้ เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะขัดต่อ คำสั่งคสช.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบโดยเดินขึ้นห้องประชุมครม.ทันที

สุวิทย์เชื่อพปชร.ซิวส.ส. 100 อัพ
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.ว่า เรื่องยุทธศาสตร์ของพรรคจะปล่อยออกมาเร็วๆ นี้ รวมทั้งจะตั้งสถาบัน โดยนำเอาผู้นำด้านต่างๆ มาทำงานเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ส่วนความพร้อมส่งผู้สมัครส.ส. นั้น เมื่อตั้งพรรคแล้วก็ต้องพร้อมส่งผู้สมัคร

เมื่อถามว่าประเมินตัวเลขส.ส.ที่จะได้รับเลือกประมาณ 100 ที่นั่งได้หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวทีเล่นทีจริงว่า “น้อยไปหรือเปล่า”

ตู่แจงสาเหตุนิ้วซ้น-ปากกาตก
เมื่อเวลา 14.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงอาการนิ้วซ้นที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่า “เป็นอาการนิ้วซ้น พอดีว่าเขียนหนังสือแล้ว ทำปากกาหล่นลงพื้น พอปากกาตก ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ก้มลงไปหยิบแล้วเก้าอี้ มันเลื่อน ผมก็เลยเอานิ้วมือยันลงไปเต็มๆ มันก็เลยเจ็บ ผมไม่ได้ไปชกใครมาหรอก เป็น คนใจดี”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการจับมือระหว่างกลุ่มที่เคยขัดแย้งกันเพื่อตั้งพรรคเพื่อชาติว่า เรื่องการตั้งพรรคก็ตั้งไปถ้าไม่ผิดกติกา หลักเกณฑ์กฎหมายของการตั้งพรรคการ เมือง ก็ดำเนินการไป ขอให้ประชาชนได้ติดตาม ไม่ว่าใครจะพูดอะไรต่างๆ ก็ตาม ขอให้ประชาชน ได้เรียนรู้ ซึ่งตนเคยเตือนแล้วว่า เวลาใครจะพูดอะไรต่างๆ อะไรที่ดูเหมือนดี ดูเหมือนได้ประโยชน์ ประชาชนต้องไปค้นหาความ จริงและข้อเท็จจริงด้วยว่าทำได้จริงหรือไม่ กฎหมายว่าอย่างไร งบประมาณมาจากไหนทำนองนี้ เรื่องความจำเป็นอะไรต่างๆ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เหมือนกับที่รัฐบาลนี้ทำงานมา 3-4 ปี ต้องแก้ไข ทั้งกฎหมายอะไรต่างๆ เยอะไปหมด และวันหน้าจะเป็นการเมืองอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งมีหลายฝ่ายด้วยกัน ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน

โยนกกต.ตรวจสอบแม้ว-ปู
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งสาขาพรรคการเมืองมองเป็นการแก้เกมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่ได้มองว่าการเมืองคือเกม โดยพื้นฐานผมไม่ใช่นักการเมือง ผมก็พยายามศึกษาว่าการเมืองไทยเป็นอย่างไร ซึ่งผมได้พูดในห้องประชุมไปแล้วว่าหลายประเทศการเมืองคือเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีการต่อสู้ ทำลายล้างกันหรือให้ร้ายซึ่งกัน จนกระทั่งทำงานกันไม่ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่บ้านเราต้องแก้ไข ประชาชนต้องเรียนรู้ นักการเมืองต้องปรับตัว เพื่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง”

ส่วนกรณีที่นักการเมืองยังคงให้ความสำคัญกับนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งอาจเป็นการสะท้อนว่าทั้งสองคนยังมีบทบาทต่อการเลือกตั้งในครั้งต่อไป พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบและดำเนินการว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ และไม่มีใครไปรับรองได้ว่าผิดหรือถูก แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมและไม่เหมาะสม ควรจะกระทำหรือไม่ก็แล้วแต่สิทธิที่เขาเหล่านั้นจะไปทำ แต่จะผิดหรือถูกก็เป็นเรื่องของกกต.

“ป้อม”ก็ให้จับตาหาเสียงหรือไม่
เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองยังอยู่ในกรอบ ไม่มีการไปหาเสียง ส่วนการเปิดตัวพรรคและผู้ร่วมงานการเมือง เราให้สิทธิอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ เปิดตัวร่วมงานกับพรรคเพื่อชาติ ถือเป็นเรื่องดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีความคิดเห็น ถ้าประชาชนชอบก็เอา เป็นเรื่องของประชาชน แต่ไม่รู้ว่าจะชอบหรือไม่

เมื่อมาถามว่าหลายพรรคลงพื้นที่ อ้างไปรับฟังความเห็นจากประชาชนเพื่อจัดทำเป็นนโยบาย เข้าข่ายหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ รองนายกฯ ต้องปล่อยให้กกต.ดูว่ามีความผิดตรงไหนหรือไม่ ถ้าผิดก็ว่ากันไป ต้องให้กกต.เป็นคนปราม

ต่อข้อถามว่าบางพรรคมีวิธีแนบเนียนโดยอ้างว่าไปพบประชาชน และรับสมัครสมาชิกพรรคแต่มีการหาเสียงด้วย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กกต.ต้องดู เรื่องการเมืองเป็นเรื่อง ของกกต. ไม่เกี่ยวกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่มีหน้าที่ดูแลความสงบ ขณะนี้ไม่ต้องดูแลเข้มงวดเพราะสงบเรียบร้อยดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าคสช.จะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพรรคได้อีกครั้ง เมื่อใด รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องดูก่อนอาจจะเป็นในช่วงเดือนหน้า

พปชร.นัดพบเครือข่าย 15 ต.ค.
ด้าน นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.กรณีพรรคพปชร. เตรียมพบกับตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนในวันที่ 15 ต.ค. นี้ ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ว่า เป็นงานที่ชุมชนจัดขึ้นและอยากให้เราไปรับฟังความคิดเห็น ส่วนรายละเอียดที่จะพูดคุยกันนั้น ขอให้รอฟังวันที่ 15 ต.ค.นี้ และจากนั้น พปชร.จะจัดกิจกรรมอื่นๆ ต่อไปอีก

ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และเลขาธิการพรรคพปชร. กล่าวว่า เป็นการไปพบเครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลายๆ เรื่องเท่านั้น

ปธ.กกต.ยันไม่ใช่เครื่องมือใคร
วันเดียวกัน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ยืนยันคสช.ไม่มีแผนยุบพรรคเพื่อไทย ระบุเป็นหน้าที่ของกกต.หากพรรคเพื่อไทยกระทำความผิดว่า เรา ไม่ได้เป็นเครื่องมือของใครในการยุบพรรค เพราะกกต.มีหน้าที่สอดส่อง ตรวจสอบการกระทำใดๆ ที่จะส่งผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม ดังนั้นการตรวจสอบจึงเป็นหน้าที่ของกกต. ถ้ามีใครร้องเรียนหรือเราทราบเรื่องเองก็ดำเนินการได้เลย ซึ่งตามขั้นตอน เราต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริงก่อนว่ามีพยานหลักฐานหรือไม่ ถ้ามีก็ดูว่าพยานนั้นจะเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ที่ผ่านมาที่ปรากฏเป็นข่าวหรือเรื่องที่เราทราบเองก็จะเสนอเรื่องเข้าสำนักงานกกต. ถ้ามีมูลก็จะเสนอให้กกต.พิจารณา ถ้าเห็นด้วยก็ตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนต่อไป

เตรียมสรุปผลการหารือพรรค
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ จะขอผลการหารือระหว่างกกต.กับพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ว่าสำนักงานกกต.ได้จัดส่งไปเมื่อวันที่ 9 ต.ค. โดยรวบรวมความเห็นของพรรคไปให้ ซึ่งหนึ่งในข้อเสนอของพรรคคือการขอให้ คสช.ปลดล็อกพรรคการ เมืองทั้งหมด

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ในการหาสมาชิกพรรคทั้งใหม่และเก่า ผู้ที่จะเป็นสมาชิกพรรคต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 50 บาท แต่ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนว่าแต่ละพรรคพยายามหาสมาชิกด้วย เสนอลดค่าสมัคร แจกข้าวสาร เก็บบัตรประชาชน ซึ่งได้ให้กกต.จังหวัดติด ตามตรวจสอบ และอยากเตือนพรรคว่า การเสนอให้ สัญญาว่าจะให้ประโยชน์เพื่อให้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค เป็นความผิดที่อาจเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคได้ รวมถึงกรณีให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคหรือกรรมการบริหารพรรค เข้ามาครอบงำ หรือชี้นำการดำเนินกิจการของพรรคไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม การรับบริจาคเงินจากผู้ใด เพื่อกระทำการหรือสนับสนุนการกระทำอันเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงหรือเสนอสินบนข้าราชการว่าถ้าได้รับเลือกตั้งแล้วจะแต่งตั้งให้เป็นตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ซึ่งถ้าเราพบว่าการกระทำเหล่านี้มีมูล จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวนและเสนอกกต. หาก กกต.เห็นว่าน่าเชื่อว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคได้

กกต.เตือนอนค.ระดมทุนไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้แจ้งในกลุ่มไลน์พรรคว่า ทางพรรคได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานกกต. ห้ามพรรครับบริจาคเงิน เนื่องจากถือเป็นกิจกรรมทางการเมือง ขัด คำสั่งคสช. ซึ่งทางพรรคจะแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวต่อไป

ด้าน นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กรณีพรรครับบริจาคเงินนั้น มีการห้ามไว้ในประกาศ คสช.ที่ 57/2557 เรื่องให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลใช้บังคับต่อไป ซึ่งในครั้งนั้น กกต.ได้ออกหนังสือเวียนแจ้งให้พรรคทราบว่าให้รับเงินบริจาคได้แค่จากกรรมการบริหารพรรค ในจำนวนเงินเท่าที่จำเป็นจะต้องใช้จ่าย ซึ่งเป็นการบังคับใช้กับพรรคเดิม แต่ก็ใช้กับพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่เช่นกัน และขณะนี้แม้จะมีพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับใหม่แล้ว แต่ประกาศดังกล่าวยังมีผลอยู่ ซึ่งพรรคอนค. เพิ่งตั้งขึ้นใหม่และไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว อาจไม่ทราบการดำเนินการเกี่ยวกับการรับเงินบริจาค

รับบริจาคไม่ได้-อาจต้องคืน
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้พรรคอนาคตใหม่จะต้องดำเนินการอย่างไร จะต้องคืนเงินบริจาคที่รับมาหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ถ้าเขาห้ามไม่ให้รับบริจาคก็คงต้องคืน ทั้งนี้ ยังไม่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ กกต.ได้โทรศัพท์แจ้งเรื่องดังกล่าวกับพรรคอนค.

เมื่อถามว่ากรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ประกาศขอบริจาคจากสมาชิกพรรควันละ 1 บาท เป็นกรณีเดียวกันหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ต้องถามว่าเงินจำนวนนั้นเป็นเงินบริจาคหรือเป็นเงินค่าบำรุงพรรค หากชำระค่าบำรุงพรรคก็ทำได้ แต่หากเป็นเงินบริจาคจากนาย ก. นาย ข. ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคนั้นไม่สามารถทำได้ ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวทุกพรรคต้องปฏิบัติตาม เพราะกกต.เคยวินิจฉัยไวแล้ว ทุกพรรคต้องทำอย่างนี้

สดศรีชี้มีคนใหญ่กว่ากก.-ผู้เล่น
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกกต. กล่าวถึงกกต.ห้ามพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ระดมทุนผ่านการรับบริจาคและขายสินค้าที่ระลึกทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ว่า ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 กำหนดให้พรรคหาเงินได้ผ่านการระดมทุน แต่กกต.อาจมองว่า คสช.ยังไม่ได้ปลดล็อกทั้งหมด ยังมีมาตรา 44 ล็อกการทำกิจกรรมของพรรคไว้อยู่ เช่น การหาเสียงโซเชี่ยล เกรงว่าเดี๋ยวไปจัดงานโดยอ้างว่าระดมทุน พ่วงหาเสียงไปด้วย เขาคงมองในลักษณะความสงบเรียบร้อย จึงยังไม่ให้ทำเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่กกต.จะวางระเบียบให้ทำได้เมื่อไร การระดมทุนให้กับพรรคทำได้ ซึ่งต้องรอการปลดล็อกจากคสช. ช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้ ที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งเห็นใจทั้งกกต.และทุกพรรคที่ยังไทำกิจกรรมอะไรไม่ได้อย่างชัดเจน เข้าใจว่าทุกฝ่ายอยากให้กิจกรรมดำเนินการได้ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่มีคนที่ใหญ่กว่ากรรมการและผู้เล่นในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้

จตุพรโต้เพื่อชาติไม่เกี่ยวธิลิ้ม
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวถึงการตั้งพรรคเพื่อชาติว่า ก่อนการตั้งพรรคเพื่อชาติไม่ได้หารือกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธะอิสระ แต่เป็นการพูดคุยในช่วงที่อยู่จุดต่ำสุดในชีวิต อยู่ในคุกที่เหมือนเป็นสุสานคนเป็น ก็มีการหารือถึงทางออกของบ้านเมือง ไม่ใช่พูดคุยการตั้งพรรค กรณีนี้เกิดจากนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งพูดถึงความประทับใจที่ไปเยี่ยมตน ก็ได้เล่าถึงการพูดคุยกับนายสนธิ อดีตพระพุทธะอิสระให้ฟัง แต่มีการไปแปลความอีกแบบหนึ่ง ขอยืนยันว่าเป็นความเท็จ จนทำให้ลูกชายนายสนธิออกมาชี้แจง ตนก็เห็นใจและเข้าใจ ขณะนี้นายสนธิยังอยู่ในคุก อาจต้องติดถึง 20 ปี ถ้าไม่มีการอภัยโทษ หากจะตั้งพรรคกับตนได้คงมีอายุร่วม 100 ปี ทั้งนี้ ขออโหสิกรรมให้กับข้อความทั้งหลาย ที่มาบอกตนจะร่วมตั้งพรรคกับนายสนธิ

เปิดกว้างหนุนคนที่ไม่มีที่ยืน
สำหรับเรื่องพรรคเพื่อชาติยืนยันว่า นปช.ไม่เคยมีความคิดจะตั้งพรรค ยังยืนยันจุดยืนเดิม ซึ่งพรรคเพื่อชาติตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 วันนี้ตนก็อยู่ในสถานะไม่มีสิทธิทางการเมือง ทำได้เพียงแค่เป็นกองเชียร์ จะไปบงการอะไรใครไม่ได้ รัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ออกแบบให้เกิดปัญหาได้ตลอดเวลา ฝ่ายกปปส.คิดได้ก่อนเรา มีการตั้งพรรคฝ่ายเขาถึง 5 พรรค คือพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคพลังธรรม ใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชน ปฏิรูป

นายจตุพร กล่าวต่อว่า พวกตนคิดได้หลัง เราไม่ต้องการชนะแล้วปกครองไม่ได้ รัฐ ธรรมนูญถูกออกแบบให้เกิดวิกฤตได้ตลอดเวลา เป็นการทำให้รวมกันแล้วแพ้ แต่แยกกันแล้วชนะ คนในซีกนปช.อยู่นอกสภา กปปส.อยู่ในสภา ความสมดุลจะไม่เกิด แนวคิดเพื่อชาติเป็นแนวคิดเก่าที่เปิดประตูกว้าง สนับสนุน เพื่อนพ้องน้องพี่ ที่ไม่มีที่ในพรรคเพื่อไทย ถ้าถามว่าแตกแยกหรือไม่ คนในกปปส.แยกไปทำพรรค ก็ไม่เห็นเขาจะมาพูดถึงเรื่องนี้ เพราะแยกกันแล้วชนะ รวมกันแล้วแพ้ คนอยู่ในสภาก็เจรจากัน นอกสภาก็เจรจา ดังนั้นตนต้องการสร้างความสมดุลในเขตสภาเป็นเรื่องของพรรคการเมืองก็ว่าไป ข้างนอกก็ว่ากันไป

เปิดพื้นที่ปชต.-หาความสมดุล
ผู้สื่อข่าวถามว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนกังวลว่าพรรคเพื่อชาติจะดึงคะแนนจากพรรคเพื่อไทย นายจตุพรกล่าวว่า ในซีก 5 พรรคฝ่ายกปปส. เขาไม่ได้อธิบายความว่าจะมีการดึงคะแนน พรรคการเมืองควรเป็นทางเลือกให้ประชาชน ไม่ควรเห็นแก่ตัว ต่างคนต่างทำหน้าที่ ประชาชนจะตัดสินใจเอง ข้างนอกก็มาหาทางออกให้ประเทศร่วมกัน

ต่อข้อถามว่าเป็นพรรคอะไหล่ให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำหนดอนาคตเอง แต่พรรคเพื่อชาติเป็นพรรคที่สมบูรณ์ เปิดพื้นที่ให้คนที่ศรัทธาระบอบประชาธิปไตย วันข้างหน้า ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น หลังจากออกจากคุกมา ก็เริ่มหาทางออก วันนี้ถ้าไม่หาความสมดุลระหว่างในและนอกสภา การเจรจาจะยิ่งยาก ต้องสร้างความสมดุลทุกพื้นที่ ในสภาก็ว่ากันไป เรื่องของนอกสภาทั้งตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็จัดการกันเองได้

อาทิตย์ที่ 14 ต.ค.เปิดประชุม
นายจตุพร กล่าวว่า ในวันที่ 14 ต.ค. เวลา 08.30 น. ที่ห้างอิมพีเรียล สำโรง พรรคเพื่อชาติจะประชุมเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ ประกาศแนวทางอุดมการณ์ ปรับเปลี่ยนสัญลักษณ์พรรค ซึ่งเป็นรูปมือประสานกันเป็นรูปหัวใจ คาดสีแดงสลับน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมในการประสานใจ ร่วมกัน

นายจตุพร กล่าวต่อว่า สำหรับวันประชุมใหญ่ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพ.ย. ที่ยิมเนเซียม 1 ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต คาดว่าจะมีสมาชิกนับหมื่นคนมาร่วมเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ส่วนหัวหน้าพรรคยังไม่มีการระบุถึงชื่อใด เป็นเพียงแค่ข่าวอยู่ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้ เราจึงต้องออกแบบใหม่ ถ้าไม่เปลี่ยนสนามเล่น จะไม่มีทางเข้าไปในรัฐสภาอย่างแน่นอน

“ธิดา”ทำจ.ม.เปิดผนึกชี้แจง
ด้าน นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ข่าวที่มีเรื่องของนปช.แตกกลุ่มไปสังกัดพรรคการเมืองต่างๆ และมีพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจำนวนมาก มีความเป็นกังวลในข่าวคราวด้านลบที่เกิดขึ้น จึงใคร่ชี้แจง ดังนี้

จดหมายถึงประชาชนผู้รักประชาธิปไตย นปช.เป็นองค์กรแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ ที่มีหลักนโยบาย มีเป้าหมายในยุทธศาสตร์การเมืองชัดเจน มาถึงเวลานี้มีข่าวคราวออกมามากมายในเรื่องที่ผู้เคยร่วม และที่ยังร่วมองค์กรไปสังกัดพรรคการเมือง หรือร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองต่างๆ ดิฉันทั้งในฐานะอดีตประธาน นปช. และยังร่วมอยู่ในองค์กร ในงานเพื่อประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ได้เติบโตอย่างมีพลัง ดิฉันมีความห่วงใยในข่าวคราวที่อาจทำให้พี่น้องประชาชนสับสน จึงอยากแจ้งประชาชนว่า 1.องค์กร นปช. ไม่ได้ประชุมองค์กรเพื่อจัดตั้งพรรคการ เมืองใดๆ 2.การสังกัดพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล 3.การได้ชื่อว่าเป็น นปช.คือการเคารพ เชื่อมั่น และปฏิบัติตามหลักนโยบายและวินัย นปช.อย่างเคร่งครัด โดยถือเอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

นปช.ประสานงานผู้รักปชต.
4.การที่ผู้รักประชาธิปไตยจะได้มีบทบาทในรัฐสภาอาจเป็นเรื่องที่ดี แต่องค์กร นปช.นั้นถือเป้าหมายให้ประชาชนได้รับชัยชนะในการต่อสู้แบบสันติ ให้ได้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเป็นเป้าหมาย

ดังนั้นตราบใดที่ประเทศนี้ยังไม่บรรลุในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบอารย ประเทศ นปช.ก็ยังต้องเดินหน้าร่วมกับประชาชนที่ได้ต่อสู้ร่วมกันมากว่าทศวรรษ พรรคการเมืองและการดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรเป็นส่วนประกอบ (หรือเครื่องมือ) ในการต่อสู้ของประชาชน ไม่ใช่เอาการต่อสู้ของประชาชนเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนบุคคล มิฉะนั้นผลพวงการต่อสู้ของประชาชนจะหมดคุณค่าไปทันที เราให้คุณค่าการต่อสู้ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ที่จะต้องยึดมั่นไปจนกว่าจะถึงเป้าหมาย นี่คือเหตุผลที่องค์กร นปช.ยังต้องดำรงอยู่ และมีภารกิจที่ต้องประสานงานผู้รักประชาธิปไตย ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคการเมืองหรือกลุ่มผู้รักประชาธิปไตยอื่นใดก็ตาม

ส.ก.-ส.ข.ตบเท้าหนุนมาร์ค
ที่พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มอดีตส.ก. และส.ข. กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ประมาณ 50 คน เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจและสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้สมัครรับการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค หมายเลข 1 ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง พร้อมตะโกนเชียร์ “อภิสิทธิ์สู้ๆ ชนะเป็นหัวหน้าพรรค และนายกฯ” โดยมีป้ายข้อความ “เราเลือกอภิสิทธิ์” ให้ผู้มาร่วมลงชื่อด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวขอบคุณสมาชิกส.ก.และส.ข. ที่มาสนับสนุน พร้อมยืนยันการหาเสียงจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่แตกแยก ไม่พาดพิงถึงใคร ขอให้ทุกคนช่วยหาสมาชิกใหม่มาเพิ่มด้วย ที่สำคัญต้องมาช่วยลงคะแนนให้ตนด้วย ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเสียงดีแต่ไม่มีคะแนน

นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะลงพื้นที่หาเสียงเช่นเดียวกับผู้สมัครคนอื่น สัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่มากขึ้น และเห็นว่าการเปิดเวทีให้ผู้สมัครทั้ง 3 คนได้ดีเบตวิสัยทัศน์เป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของกกต.พรรคจะพิจารณากำหนดกติกา ทั้งนี้ ตนได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอด ขอขอบคุณทุกกำลังใจ

ปชป.ถูกดูดอีก 3 ส.ก.ซบ”พปชร.”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้พรรคประชา ธิปัตย์ยังคงประสบปัญหาถูกดูดสมาชิกอีกระลอกหนึ่ง ล่าสุดมีส.ก.ของพรรค 3 คนคือ นางกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ก.พระนคร นางกนกนุช นากสุวรรณภา ส.ก.ดอนเมือง และนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ก.คลองเตย ได้ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 8 ต.ค. เพื่อไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กรรมการบริหารพรรคพปชร. เป็นผู้ทาบทาม โดยหวังใช้ฐานเสียงของส.ก.เหล่านี้ดึงคะแนนบัญชีรายชื่อให้กับพปชร. อีกทั้งยังพยายามทาบทามทั้งอดีตส.ส. ส.ก. และส.ข.ของพรรคอยู่ตลอดเวลา

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่กทม. กล่าวว่า ทั้ง 3 คนที่ลาออกถือเป็นคนที่มีศักยภาพในพื้นที่ แต่ต้องยอมรับว่าพลังดูดมาแรง และยังพยายามจะดูดเพิ่ม ซึ่งคนที่ลาออกอาจคิดว่าในพื้นที่ของตน มีส.ส.ของพรรคอยู่แล้ว ไม่มีโอกาสได้ลงสมัครส.ส. จึงตัดสินใจไปสังกัดพรรคอื่น แต่มั่นใจว่าไม่กระทบกับฐานเสียงของพรรค

“จ้อน”โชว์วิสัยทัศน์ชิงหัวหน้า
ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้สมัครหมายเลข 3 ได้แสดงวิสัยทัศน์ โดยมีผู้สนับสนุนเข้าร่วมฟังจำนวนหนึ่ง รวมทั้งนายอาณัฐชัย รัตตกุล ลูกชายนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

นายอลงกรณ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนพร้อมเป็นหัวหน้าประชาธิปัตย์ เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย จะไม่มีเรื่องเด็กของคนนั้นคนนี้อีกต่อไป การปฏิรูปองค์กรต้องบ่มเพาะ ติดอาวุธความคิด สร้างเครือข่ายขยายฐานสมาชิก และสร้างความเสมอภาคอย่างเท่าเทียม คนของเราต้องพร้อมเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาล แม้แต่ประธานสาขาพรรคก็ต้องพร้อมเป็นรัฐมนตรี เพราะมีความสามารถ มีความรู้ ไม่ใช่นายทุน หรือใครบอกว่าคนนี้ควรเป็นตำแหน่งไหน และถ้าวันหนึ่งตนได้เป็นนายกฯ จะให้ ส.ส. และรัฐมนตรี เขียนใบลาออกล่วงหน้า และตั้งคณะกรรมการคุณธรรมพรรค เชิญนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค มาเป็นประธาน ใครมีเรื่องโดนร้องเรียนภายใน 36 ช.ม. ต้องชี้แจงทันที

ไม่เอาคนนอก-ยกพรรคให้ใคร
นายอลงกรณ์กล่าวอีกว่า 80 กว่าปีของประชาธิปไตย มีรัฐประหาร 13 ครั้งและยึดอำนาจไม่สำเร็จ 7 ครั้ง รวมแล้ว 20 ครั้ง ทุกครั้งเรามักมองว่าหลังการเลือกตั้งจะไม่เกิดวิกฤตอีก ดังนั้นตนจะไม่เอานายกฯคนนอก ไม่ว่าจะชอบ รัก ชังพล.อ.ประยุทธ์ หรือใครที่จะเข้ามาช่องทางนายกฯคนนอก ถ้าตนเป็นหัวหน้าพรรคจะไม่รับ ซึ่งนายกฯคนนอกจะเป็นชนวนก่อวิกฤตความสูญเสียครั้งใหญ่ แม้รัฐธรรมนูญจะเปิดช่องก็ตาม ขอให้พล.อ. ประยุทธ์ เดินตามครรลองประชาธิปไตย ลงมาเป็น 1 ใน 3 รายชื่อที่พรรคเสนอในการเลือกตั้ง ถือว่าสง่างาม และดีต่อตัวนายกฯเอง

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ขอให้การบอยคอตเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นครั้งสุดท้ายของพรรค ในยุคที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคจะลงเลือกตั้งทุกครั้ง ให้ประชาชนตัดสิน ไม่มีอำนาจนอกระบบอยู่เบื้องหลัง ใครที่คิดจะเข้ามาแทรกแซงพรรค เพื่อหนุนใครอย่างไม่ชอบธรรม จะยืนหยัดร่วมกับสมาชิกปกป้องพรรค ไม่ยกพรรคให้ใคร

โอ๊คพบอัยการรับฟังคำสั่งคดี
เมื่อเวลา 09.20 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค ลูกชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยกับกฤษดามหานคร ได้เดินทางมาพร้อมกับนางพินทองทา คุณากรวงศ์ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พี่สาวและน้องสาว ด้วยรถตู้เบนซ์ เพื่อเข้าพบกับอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เจ้าของสำนวนที่ได้นัดฟังคำสั่งคดีว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง โดยมีแกนนำพรรคและสมาชิกพรรคเพื่อไทย มาให้กำลังใจจำนวนมาก อาทิ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาทางกฎหมายของนายทักษิณ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมงานฝ่ายกฎหมาย และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานด้เานเศรษฐกิจพรรค

นายพานทองแท้ ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าสดใสก่อนเข้าพบอัยการว่า “ไม่มีความกังวล ได้อยู่ครับ” ส่วนนางพินทองทา และน.ส.แพทองธาร ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กำลังใจดี

สั่งไม่ฟ้องคดีโอนเช็ค 26 ล้าน
จากนั้น เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลการสั่งคดี ที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนไว้เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2561 กล่าวหา นางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 นางกาญจนาภา หงษฺ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน

นายธรัมพ์ กล่าวว่า ในสำนวนคดีนี้ได้แบ่งเงินเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก รับโอนเช็ค 26 ล้านบาท ซึ่งอัยการสั่งฟ้องนางกาญจนาภา ผู้ต้องหาที่ 2 กับนายวันชัย ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงินตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9 และ 60 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึงพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4 โดยอัยการมีคำสั่งไม่สั่งฟ้องนางเกศินี ผู้ต้องหาที่ 1 และนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน กรณีเช็ค 26 ล้านบาท

“โอ๊ค”โดนคนเดียวคดีเช็ค 10 ล้าน
ส่วนที่สอง รับโอนเช็ค 10 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้สั่งฟ้องนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 เพียงคนเดียว ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 5,9 และ 60 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึงพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 มาตรา 4

นายธรัมพ์ กล่าวว่า กลุ่มที่รับโอนเงินได้มาจากการกระทำความผิดนั้น เมื่อวันที่ 10 ก.ย. พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ส่งสำนวนกล่าวหาผู้ต้องหารวมแล้ว 159 คน กระทำผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินมาให้อัยการพิจารณาเพิ่มเติมด้วย โดยในส่วนผู้โอนเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดนั้น อัยการได้ยื่นฟ้องนายวิชัย กฤษดาธานนท์ กับพวกรวม 13 คน ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางไปแล้ว หลังจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ส่งสำนวนกล่าวหานายวิชัย มาให้อัยการพิจารณาเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2560

คุณหญิงอ้อมาศาล-ได้ประกัน 1 ล.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสั่งคดีวันนี้ ในกลุ่มของผู้ต้องหามีเพียงนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 เท่านั้นที่มาให้การกับอัยการ ซึ่งอัยการนำตัวนายพานทองแท้ ไปยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ส่วนนางกาญจนาภา และนายวันชัย ผู้ต้องหาที่ 2 ที่ 3 ที่อัยการสั่งฟ้องรับเช็คโอนเงิน 26 ล้านบาทนั้น วันนี้ยังไม่มารายงานตัวกับอัยการ จึงนัดให้ทั้งสองมาฟังคำสั่งฟ้องพร้อมนำตัวไปฟ้องในวันที่ 18 ต.ค.นี้

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญาทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง พนักงานอัยการควบคุมตัวนายพานทองเเท้ มาเพื่อส่งฟ้องตัวต่อศาล โดยมีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา เดินทางมาที่ศาลด้วย

เวลา 14.00 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวนายพานทองแท้ โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล หลังจำเลยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด พร้อมคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนั้น ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้เวลา 10.00 น.

เมื่อได้รับประกันตัวแล้ว นายพานทองแท้ได้ขึ้นรถตู้เบนซ์สีน้ำตาล-ทอง กลับออกจากศาลทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ส่วนคุณหญิงพจมาน และน้องสาวทั้งสองได้เดินทางกลับไปก่อนแล้วในเวลา 13.30 น.

ธนาธร-ปิยบุตรสวนกลับกกต.
เมื่อเวลา 18.30 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และนายปิยบุตร เลขาธิการพรรค ไลฟ์สดผ่าน เฟซบุ๊กพรรค ระหว่างเดินสายที่ประเทศเบลเยียม ถึงกรณีกกต.ต่อสายห้ามรับบริจาค โดยนายปิยบุตรกล่าวว่า กกต.ต้องไม่เป็นไปตามกลไกหนึ่งของคสช. ที่ผ่านมา อนค.มีอุปสรรคตลอด รอเวลา 97 วันกว่าจะเป็นพรรค ถูกห้ามหาเสียง วันนี้มีอีกแล้วห้ามระดมทุน ตนเรียกร้องให้กกต.ออกมติเป็น คำสั่งชัดเจนว่า ห้ามพรรคการเมืองระดมทุน เพื่อพรรคจะไปฟ้องศาล ขอถอนคำสั่งนี้ต่อไป

นายปิยบุตรกล่าวว่า ขอเรียกร้องพี่น้องช่วยกันสมัครเข้ามาเป็นสมาชิก เรียกร้องตลอดชีพ 2,000 บาทขึ้นไป นำมาเป็นงบประมาณหาเสียงเลือกตั้ง ขอเชิญชวนแปร วิฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาส สมัครสมาชิกให้ถล่มทลายมากที่สุด หากใครเห็นว่ากฎหมายนี้ไม่เป็นธรรม

แนะเลือกฝ่ายประชาธิปไตย
นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่าคำสั่งคสช.ที่เขียนไว้อย่างกว้างต่อการบริจาคนั้น กกต.ได้วางแนวบริจาค ให้รับบริจาคในระดับกรรมการบริหารได้ จึงขอแนะนำให้กกต.ตีความใหม่ เพื่อบังคับใช้กฎหมายโดยสนับสนุนพรรคการเมือง กกต.ต้องไม่ตีความกฎหมายสกัดกั้นพรรคการเมือง

“หลังเลือกตั้ง กกต.จะมีชีวิตต่อ แม้คสช.จะไป แต่กกต.จะยังอยู่ กกต.จะรักษาเกียรติ ภูมิได้เป็นอย่างดีหรือ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจว่า จะเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือจะเป็นอุปสรรค ของพรรคการเมือง” นายปิยบุตรกล่าว

ด้าน นายธนาธร ยืนยันว่า จะเดินหน้าสร้างพรรคโปร่งใส ตั้งใจจะสร้างพรรคแบบนี้ ไม่เป็นไร ขอสู้ในเกมในกฎกติกา เพื่อให้ชนะคสช.หยุดการสืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน ระดมทุนไม่ได้ไม่เป็นไร สมัครสมาชิกรายปี 100 บาท ตลอดชีพ 2,000 บาทขึ้นไป อนาคตใหม่ต้องการคุณ

ลั่นพร้อมต่อสู้ในเกม-กติกา
นายธนาธร กล่าวว่า อนาคตใหม่ตั้งใจจริงที่อยากให้การเงินของพรรคเป็นเรื่องโปร่งใส ยืนยันว่าค่าใช้จ่ายของพรรคต้องสำแดงทุกบาท เราอยากทำให้สังคมเห็นว่าพรรคที่ระดมทุนจากสมาชิกของพรรค จากประชาชน เป็นไปได้จริงในสังคมไทย พรรคบริสุทธิ์ใจ เพราะทีมงานตั้งใจทำสินค้าออกมาขายกว่า 30 ชนิด ตั้งใจจะจัดงานวัฒนธรรม งานตีกอล์ฟ วางแผนไว้อย่างดี เพื่อจะทำให้พรรคระดมทุนได้จริงๆ

“พรรคอนาคตใหม่คำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งไว้ที่ 300 ล้านบาท และมีเวลาระดมทุนแค่ 2 เดือนครึ่ง ก่อนกฤษฎีกาการเลือกตั้งจะออกมาในช่วงต้นเดือนม.ค.2562 หากจะห้ามระดมทุนตั้งแต่ตอนนี้ ทุกพรรคจะไม่มีรายรับเลย นอกจากรายได้จากการรับสมัครสมาชิก” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธร กล่าวว่าเราเข้าใจเจตนาของกฎหมายดีที่ต้องการให้พรรคมีรายได้หลากหลาย ไม่พึ่งพากลุ่มทุน แต่หากเป็นแบบนี้ จะทำให้พรรคต้องยอมแพ้การเลือกตั้ง เพราะไม่มีเงินดำเนินงาน ทำให้พรรคไม่ต้องสำแดงรายรับรายจ่าย ซึ่งจะกลายเป็นบังคับให้พรรคทำผิดกฎหมาย และทำให้ประชาชนไม่รู้ว่าใครมีอิทธิพลกับพรรค เรายังยืนยันจะเดินหน้าสร้างพรรคที่โปร่งใส เงินทุกบาทที่พรรคได้รับหลังจากได้รับการรับรองเป็นพรรคเมื่อวันที่ 3 ต.ค. เราจะเปิดเผยทุกบาท ระดมทุนไม่ได้ไม่เป็นไร กฎเกณฑ์กติกาที่ไม่เป็นธรรมก็ไม่เป็นไร แต่เราจะสู้ในเกม สู้ในกติกา เพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจของคสช.

ครม.อนุมัติพ.ร.ฎ.เลือกตั้งส.ว.
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนัก นายกฯ แถลงว่า ที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ตามที่กกต. เสนอ ทั้งนี้ ส.ว.จะมาจาก 3 ส่วน 1.มาโดยตำแหน่ง 6 คน ประกอบด้วย ปลัดกลาโหม ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. ผบ.ตร. และผบ.สส.

2.ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง 50 คน โดยกกต.กำหนดหลักเกณฑ์ จะคัดเลือกมาทั้งหมด 200 คน ซึ่งกกต.แจ้งว่าจะคัดเลือกมาให้ได้ภายในวันที่ 2 ม.ค. 2562 ก่อนส่งรายชื่อให้คสช.พิจารณาเลือกตัวจริง 50 คน และสำรองอีก 50 คน โดยคสช.มีเวลาอีก 60 วันพิจารณา หลังจาก ได้รับรายชื่อจากกกต.แล้ว

3.ส.ว. 194 คน คสช.จะคัดเลือกกรรมการสรรหาขึ้นมา 9-12 คน สรรหาผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นส.ว.มาทั้งหมด 400 คนแล้วเสนอคสช.ภายในวันที่ 9 ก.พ. 2562 ก่อนที่คสช.จะเลือกให้เหลือ 194 คน และสำรองอีก 50 คนภายในเวลา 60 วัน โดยทั้ง 250 คน จะถูกรวบรวม รายชื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประมาณปลายเดือนเม.ย. 2562

ทั้งนี้ คาดว่าพ.ร.ฎ.เลือกตั้งส.ว. จะมีผลบังคับใช้ประมาณวันที่ 16 พ.ย.2561 โดยวันที่ 26-30 พ.ย.จะรับสมัครส.ว.ในกลุ่มที่สอง 50 คน ก่อนคัดเลือกกันเองในระดับอำเภอในวันที่ 16 ธ.ค. คัดกันเองในระดับจังหวัด 22 ธ.ค. คัดเลือกในระดับประเทศ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในวันที่ 27 ธ.ค. ก่อนที่กกต.จะส่งรายชื่อทั้งหมด 250 คน และชื่อสำรอง ให้คสช. ได้พิจารณาภายในวันที่ 2 ม.ค. 2562 แต่ต้องไม่ช้ากว่าวันที่ 9 ก.พ.

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่าเบื้องต้น คสช.ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสรรหาส.ว. 194 คน โดยทุกอย่างจะต้องสอดคล้องกับตารางเวลาของการเลือกตั้งส.ส. อย่างไรก็ตาม กกต.แจ้งว่างบประมาณที่สำนักงบประมาณจัดให้เกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น อาจไม่เพียงพอ จึงต้องขอเพิ่มจากเดิมอีก 600 ล้านบาท พร้อมขอหารือกับกรมบัญชีกลางเพื่อยกเว้นกฎ กติกาบางข้อในการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเกรงว่าการจัดซื้อจัดจ้างในบางประเภทอาจดำเนินการไม่ทัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน