เผยเบื้องหลัง เจ้าสัววิชัย ทุ่มซื้อเลสเตอร์ ใช้เวลา 11 ปี สร้างทีมล้มเชลซี อดีตทีมรักได้

ทุ่มซื้อเลสเตอร์ – การสูญเสีย “เจ้าสัว” วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ และ ผู้บริหารคิงพาวเวอร์ นับเป็นข่าวเศร้าของวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนบอลเลสเตอร์ เนื่องจาก เจ้าสัววิชัย เป็นผู้เข้ามาพาเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก และทำให้ ตระกูลศรีวัฒนประภา กลายเป็นที่รักของคนเมืองเลสเตอร์อย่างมาก

แต่ทว่าก่อนที่ วิชัย จะซื้อสโมสรเลสเตอร์นั้น เขาไม่เคยมีความชื่นชอบ หรือความเกี่ยวพันอะไรกับสโมสรเลสเตอร์เลย เฟซบุ๊กเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง ได้นำข้อมูลจากหนังสือ The Fairy Tale of Underfox จากสำนักพิมพ์ a book ที่เขียนโดย เบล จิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์ มาเขียนเล่าว่า

วิชัย ชอบฟุตบอล และชอบพรีเมียร์ลีกก็จริง แต่ทีมแรกที่เขาสนับสนุนเป็นการส่วนตัวคือ เชลซี โดยเขาซื้อบ็อกซ์วีไอพี ในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ อย่างต่อเนื่องหลายซีซั่นติดต่อกัน แม้เชลซีจะขึ้นราคาทุกปี แต่ด้วยความชื่นชอบ เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้ที่นั่งชมเกมในสนาม

ไม่เพียงเท่านั้น เขาในฐานะเจ้าของคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ยังเอาเงินไปซื้อบอร์ดโฆษณา ในสนามของเชลซีอีกด้วย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น

ในปี 2005 ก่อนเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ เข้าพาครอบครัวเข้าไปชมเกมตามปกติ แต่เกิดเหตุกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่สนาม จนเกือบมีเรื่องบานปลาย เนื่องจากในจังหวะที่ตรวจร่างกายเจ้าหน้าที่สนามเกือบเอาเครืองสแกนมากระแทกคาง เขาจึงเอามือปัด แต่กลับทำให้การ์ดสนามไม่พอใจ จนมีเรื่องราวกัน

เหตุการณ์วันนั้นทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาเข้าชมเกมในฐานะลูกค้าที่สนับสนุนทีมมาตลอด ทั้งยังเป็นสปอนเซอร์ หลังเกิดเหตุเขาส่งจดหมายตำหนิเรื่องทั้งหมดถึงผู้บริหารเชลซี และตัดสินใจหยุดการสนับสนุนทีมเชลซีทุกทาง โดยไม่เข้าชมเกมในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ในฐานะแฟนบอลอีกต่อไป พร้อมกับบอกกับลูกชาย (อัยยวัฒน์) ว่า “วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้”

2 ปีผ่านไปหลังความพยายามซื้อสโมสร เรดดิ้ง ล้มเหลว ในปี 2010 เลสเตอร์ ที่เล่นอยู่ในระดับแชมเปี้ยนชิพ เวลานั้นติดต่อเข้ามาหาวิชัย โดยต้องการให้คิงเพาเวอร์ มาเป็นเมนสปอนเซอร์ที่หน้าอกเสื้อ โดยคิดค่าใช้จ่าย 3 แสนปอนด์ แต่หลังจากพูดคุยกับมิลาน มันดาริช เจ้าของทีมในขณะนั้น ทำให้เขาตัดสินใจซื้อสโมสรเลสเตอร์ด้วยราคา 40 ล้านปอนด์ (คิดเป็นเงินไทยในตอนนั้น คือ 1,920 ล้านบาท)

ถือเป็นการตัดสินใจที่เร็วมาก เพราะเขาเชื่อว่ามีความมั่นใจอะไรบางอย่าง ที่จะทำให้
เลสเตอร์ ซิตี้ ไปไกลกว่านี้ได้

หลังจากซื้อกิจการทั้งหมดของสโมสร และขยายความจุของสนามเป็น 32,500 ที่นั่ง พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” (King Power Stadium) โดยเขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงปัญหาหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในสโมสร และใช้เวลาเพียง 4 ปี ก็สามารถ พา เลสเตอร์ ซิตี้ กลับคืนสู่ลีกสูงสุด ในฤดูกาล 2013-2014 ในฐานะแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิป

โดยในฤดูกาล 2014-2015 จิ้งจอกสยาม สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการโกงความตายอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาจะสร้างปรากฏการณ์ให้คนทั้ง โลกรู้จัก เลสเตอร์ ซิตี้ จากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2015-2016

ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เนื่องจากหลังพาทีมขึ้นชั้นมาได้ วิชัย เคยประกาศไว้ว่ามีแผนจะพาทีมขึ้นไปอยู่ท็อปโฟร์ และไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ใน 3 ปี ตอนที่พูดนั้น ทุกคนแทบไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่ทว่า 2 ปี หลังจากนั้น เลสเตอร์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกจริงๆ

และในนัดสุดท้ายที่ เลสเตอร์ เป็นแชมป์ เกมสุดท้ายต้องไปเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของเชลซี ด้วยธรรมเนียมการต้อนรับทีมแชมป์ นักเตะของเชลซี ยืนเรียงกันก่อนเกมเริ่ม เพื่อตั้งซุ้มแถวเกียรติยศ ปรบมือให้กับนักเตะเลสเตอร์ ที่เดินลงสู่สนาม

ตอนนั้นนักเตะเชลซี และแฟนบอลเชลซี ปรบมือ ให้เกียรติสโมสรเลสเตอร์ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดในซีซั่นนั้นอย่างกึกก้อง สิ่งที่วิชัย เคยบอกไว้ เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ว่า

“วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้” เป็นจริงขึ้นได้ ณ วินาทีนั้น

อ่านเรื่องต้นฉบับ

 

_________________________________

อ่านข่าว เจ้าสัววิชัย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน