ปีติสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ทรงมีหมายกำหนดการเสด็จฯมายังประเทศไทย เพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทช่วงเดือนมีนาคมนี้ ด้านกรมสรรพาวุธทหารบกบวงสรวงขอขมาราชรถ ราชยานและพระยานมาศ ก่อนลงมือซ่อมปรนนิบัติบำรุงเพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ด้านเจ้ากรมระบุอยู่ในความรับผิดชอบ 9 องค์ ทั้งตรวจสอบจุดยึดตรึง สกรู ระบบรับน้ำหนัก คาน ระบบขับเคลื่อน และชุดบังคับเลี้ยว เผยต้องบูรณะใหญ่พระมหาพิชัยราชรถ เปลี่ยนใหม่ทั้ง 4 ล้อ รวมทั้งราชรถน้อยอีกองค์ด้วย

 

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 12 ม.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพ ทรงกราบหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร จากนั้น ทรงประเคนภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราช รังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 11 ม.ค. โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ กรมสนับ สนุนบริการสุขภาพ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เขตสุขภาพที่ 1 เขตสุขภาพที่ 2 เขตสุขภาพที่ 3 และเขตสุขภาพที่ 4 ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เวลา 10.30 น. นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ และถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 10 รูป จากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร วัดเสมียน นารี พระอารามหลวง วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร วัดดอนเมือง พระอารามหลวง วัดไผ่เงินโชตนาราม วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร และวัดเถรพลาย จ.สุพรรณบุรี ที่สวดพระพุทธมนต์ โดยมีกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม สถาบันเพิ่มผลผลิต แห่งชาติ สถาบันอาหาร และสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ร่วมเป็นเจ้าภาพ ในการนี้ เจ้าพนักงาน ได้นิมนต์พระราชธรรมวาที วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร มาแสดงธรรมเทศนา เรื่อง “ธมฺมิกมหาราชกถา แผ่นดินที่สง่าเพราะมีพระราชาที่ทรงธรรม”

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชน ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่ง ดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.00 น. จากกำหนด เดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอคิวกราบพระบรมศพ ในบริเวณสนามหลวงเป็นจำนวนมาก โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 45,614 คน รวม 72 วัน มี 3,124,121 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็น เงิน 3,764,584.25 บาท รวม 72 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 255,682,565.25 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ 71 ที่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. ซึ่งสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนกลุ่มแรกเข้าพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.45 น. จากนั้นเวลา 08.00 น. ได้เปลี่ยนให้เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามทางประตูวิเศษไชยศรี โดยประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพจำนวนมาก ภายหลังเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวัง แจกพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึก

เวลา 16.30 น. นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ มีคณะผู้ว่าราชการ ข้าราชการ พนักงาน จากจังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง ร่วมเป็นเจ้าภาพ โดยมีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

วันเดียวกัน สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่านายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงว่า สมเด็จพระจักรพรรดิ อะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะแห่งญี่ปุ่น จะเสด็จฯ เยือนประเทศเวียดนามและประเทศไทย ในช่วงเดือนมี.ค. นี้ โดยทั้งสองพระองค์จะเสด็จฯ เยือนประเทศเวียดนามประมาณ 1 สัปดาห์ ช่วงปลายเดือนก.พ.ถึงต้นเดือนมี.ค. หลังจากนั้นจะเสด็จฯ เยือนประเทศไทย เพื่อถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

รายงานระบุว่า สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ทรงมีความสัมพันธ์และมิตรภาพอันใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างยาวนานมากกว่าครึ่งศตวรรษ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่นในปี 2506 และ ได้ทรงพบสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ พระราชบิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน จากนั้นในปีต่อมา สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ เยือนประเทศไทย เป็นการตอบแทน ทั้งนี้ ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ เยือนประเทศไทยครั้งล่าสุด คือเมื่อเดือนก.ย.2549 เพื่อทรงร่วมในพระราชพิธีฉลองทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เมื่อเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน ที่กรมสรรพาวุธทหารบก พล.ท.อาวุธ เอมวงศ์ เจ้ากรม สรรพาวุธทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานบวงสรวงขอขมาราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ ก่อนจะเริ่มบูรณะว่า วันนี้ได้ทำพิธีบวงสรวงราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ ซึ่งได้ไปสำรวจที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ทั้งหมด 9 องค์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสรรพาวุธทหารบก 9 รายการ โดยจะปรนนิบัติ บำรุงส่วนต่างๆ โดยการซ่อมอยู่ 2 ที่ คือ ปรนนิบัติบำรุง ที่ไม่ใช้งานที่หนัก เราจะซ่อมที่พิพิธภัณฑ์ได้เลย ส่วนที่ดูแล้วว่าเรามีความจำเป็น ต้องใช้เครื่องมือ เครื่องจักร และใช้ เจ้าหน้าที่จำนวนมาก ก็จะเคลื่อนย้ายมาที่กรมสรรพาวุธทหารบก ส่วนการ ปรนนิบัติบำรุง ให้มีความพร้อมในการใช้งาน เช่น การขัด ทาสี และการหล่อลื่น รวมทั้งการซ่อมแซมรายการที่ชำรุดไม่มากเช่นรอยแตกร้าวของเนื้อไม้ ที่ตรวจพบ ด้วยกาวอีฟ็อกซี่ และการปรับแต่งด้วยตะไบกับกระดาษทราย การตรวจสอบจุดยึดตรึง เปลี่ยนนอตหรือสกรู ในจุดที่ยึดตรึงต่างๆ ซึ่งจะดำเนินการที่พิพิธ ภัณฑสถานแห่งชาติ

พล.ท.อาวุธ กล่าวต่อว่า การซ่อมรายการที่ชำรุดมาก เช่น ระบบรับน้ำหนักที่มีสภาพเก่าและผุ อาทิ คานรับน้ำหนักด้านหน้า และท้ายเกริน ชุดบังคับเลี้ยวที่มีสภาพเก่าและชำรุด จึงต้องสร้างขึ้นบางส่วน สร้างใหม่ เช่น การจัดสร้างล้อประดับของพระมหาพิชัยราชรถ และการสร้างล้อประดับ และโครงสร้างส่วนล่าง ของราชรถน้อยหมายเลข 9784 จะดำเนินการโดยการถอดแยก ชิ้นส่วนต่างๆ มาดำเนินการที่กรมสรรพาวุธทหารบก โดยยึดแบบตามของเดิมที่ดีอยู่แล้ว เพราะมีการปรับปรุงมาตลอด มีการพัฒนารูปแบบของราชรถ ราชยาน ซึ่งครั้งนี้หากดูแล้วจะมีอะไรที่ต้องเสริมเพื่อให้ดีขึ้น เราก็จะทำ เช่น ระบบขับเคลื่อน ระบบรับน้ำหนัก เป็นเรื่องสำคัญมาก

“การซ่อมนั้น จะดูว่า ส่วนไหนที่ผุ หรือดูแล้วไม่แข็งแรง เราเปลี่ยนทันที ชิ้นส่วนบางอย่างเราทำขึ้นใหม่เพราะของเก่าชำรุด โดยโรงงานของกรมสรรพาวุธทหารบกมีเครื่องมือเครื่องจักรพร้อมพอสมควร ชิ้นส่วนบางอย่างอาจจะต้องผลิตชิ้นงานขึ้นมาใหม่ เพื่อทดแทนของเดิมที่ชำรุดไป ไม้ที่ผุ เหล็กที่ผุ เราเปลี่ยนหมดโดยเฉพาะล้อประดับของพระมหาพิชัยราชรถทั้ง 4 ล้อ และองค์ราชรถน้อยที่จะใช้งานอีก 4 ล้อ เราจะทำใหม่ทั้งหมด ในส่วนของกรมสรรพาวุธทหารบก จะดูในงานไม้ งานแกะสลัก งานโครงสร้าง งานเสถียร ความสมดุลต่างๆ ส่วนงานด้านวิจิตรศิลป์ ที่มีการประดับตกแต่ง ทางกรมศิลปากรเป็นผู้รับผิดชอบ” เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกกล่าวและว่า การปรนนิบัติบำรุง ของราชรถ ราชยาน ทุกองค์มีกำหนดการแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งทุกองค์ต้องเสร็จสมบรูณ์ ส่วนการทดสอบนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการใหญ่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน