รองปลัด ยธ. เข้าพบพล.ต.อ. ปัญญา มาเม่น หย่าศึกตร.-ยธ. ทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันทำงานตามหน้าที่ บิ๊กตร.ยันตรวจสำนวนตั้งแต่ปี 2548 ไม่มีความบกพร่อง และไม่เคยมุ่งร้ายครูจอมทรัพย์ ด้านรองปลัดยธ.ไม่ขอตอบทำไมครูปฏิเสธให้ปากคำชั้นสอบสวน ชี้เป็นเรื่องในอดีต ส่วนเรื่องขบวนการจัดฉากนั้นทางยธ.ไม่มีข้อมูล เปิดคำสารภาพของนายสับ ที่ให้การเมื่อปี ?57 รับสารภาพขับชนเอง และขอจ่ายเงินเยียวยาให้ญาติผู้ตายด้วย เผยอีกปมพิรุธรถ?สับ วาปี? คนละยี่ห้อกับของครูจอมทรัพย์ ที่ชนคนตายเมื่อปี 2548 โดยของนายสับเป็น อีซูซุ ขณะที่ของครูจอมทรัพย์เป็นโตโยต้า ตร.รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดยื่นศาลนครพนม พิจารณาไต่สวน 8-10 ก.พ.นี้

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าพบ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. เพื่อหารือทำความเข้าใจถึงกรณี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครู จ.สกลนคร หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก และได้รับการอภัยโทษ และขอรื้อคดี เพื่อไม่ให้ประชาชน สังคม เกิดความสับสน โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

พล.ต.อ.ปัญญากล่าวภายหลังการประชุมว่า ตำรวจกับกระทรวงยุติธรรมทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เท่าที่สามารถรวบรวมได้ ส่วนที่เกี่ยว ข้องกับอัยการหรือเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน อื่นๆ ก็ประสานข้อมูลเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มุ่งร้ายครูจอมทรัพย์ ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ขณะนี้นำส่งหลักฐาน เอกสาร บางส่วนแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบ พบมีผู้เข้าร่วมขบวนการจัดฉากจำนวนหนึ่ง ส่วนจะมีใครบ้างนั้น ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ซึ่งในวันที่ 8-10 ก.พ. ศาลจังหวัดนครพนม จะมีการนัดสืบพยานในส่วนที่เกี่ยวข้อง และทางสำนักงานตำรวจจะหารือกับกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง ก่อนศาลจะนัดสืบพยาน ส่วนจะตัดสินอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

ด้านพ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า หน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมคือการอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน เมื่อ ครูจอมทรัพย์ รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม จึงเข้ามาร้องขอให้รื้อฟื้นคดี ทางกระทรวงยุติธรรมก็ดำเนินการตามคำร้องขอของครูจอมทรัพย์ ตามที่กฎหมายอนุญาต สำหรับกรณีที่ตำรวจมีข้อมูลว่ามีขบวนการจัดฉาก เรื่องราวนี้ไม่ได้อยู่ในสำนวนการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรม ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมครูจอมทรัพย์ ถึงไม่ยื่นเอกสารหลักฐาน และปฏิเสธการให้ปากคำในชั้นพนักงานสอบสวนนั้น ตนไม่อยากจะย้อนกลับตอบคำถามเพราะเป็นเรื่องในอดีต

พล.ต.อ.เดชณรงค์กล่าวว่า เป็นการหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลทางการสอบสวนคดีอาญากับตัวแทนของกระทรวงยุติธรรม เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสน โดยทางตำรวจยังยืนยันว่ายังไม่พบจุดบกพร่องของพนักงานสอบสวน ในการรวมรวบพยานหลักฐานแต่อย่างใด

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปสอบปากคำนายอุบล ไชยบัน อายุ 64 ปี ชาวบ้านแก้ง ต.คำปลาหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร โดยระบุว่าซื้อรถคันนี้มาจากนายนิรันดร์ ทูนแก้ว อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.กุดเข้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งรู้จักกับนายสับ วาปี ในราคา 33,000 บาท เมื่อประมาณปี 2547 โดยการโอนลอย มีชื่อนายสับเป็นเจ้าของ เมื่อซื้อมาก็นำไปบรรทุกอ้อย ปุ๋ย มันสำปะหลังภายในไร่ โดยไม่ได้ไปโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นชื่อตน จากนั้นวันที่ 21 ก.พ.2548 นำรถไปตรวจสภาพและต่อพ.ร.บ. โดยมีชื่อนายสับเป็นเจ้าของอยู่ เมื่อใช้ได้ประมาณ 3-4 ปี รถก็เริ่มพัง เมื่อเอาไปซ่อมช่างก็ตีราคาสูงเกินไป จึงจอดทิ้งไว้ ต่อมามีพ่อค้าของเก่าผ่านมาขอซื้อ จึงขายไปในราคา 15,000 บาท เมื่อปี 2551

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ทีมสืบสวนสอบปากคำชาวบ้านในหมู่บ้านที่นายอุบลอาศัยอยู่ ทั้งหมดยืนยันว่ารถกระบะ ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ที่นายอุบลซื้อมานั้น ใช้ขับอยู่ในไร่เท่านั้น ไม่ได้ขับออกไปบนถนน และอยู่ในสภาพเก่าใกล้พัง ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของนายสับที่อ้างว่าขับรถคันนี้ไปเฉี่ยวชนจนมี ผู้เสียชีวิตเมื่อปี 2548

ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนยังได้ข้อมูลสำคัญของคดีคือ รถกระบะ ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ที่นายสับเคยครอบครองและขายต่อให้นายอุบล เป็นรถยี่ห้ออีซูซุ แต่รถของครูจอมทรัพย์ที่เป็นรถกระบะ ทะเบียน บค 56 สกลนคร ยี่ห้อโตโยต้า ซึ่งเป็นรถคนละยี่ห้อกันและทะเบียนคนละหมวดจังหวัด โดยพยานในวันเกิดเหตุยืนยันว่ารถของครูจอมทรัพย์ยี่ห้อโตโยต้า เนื่องจากสังเกตเห็นยี่ห้อบริเวณท้ายกระบะรถ จากแนวทางการสืบสวนจึงยืนยันได้ว่าคำให้การของนายสับมีพิรุธที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหลายอย่าง








Advertisement

ขณะที่นายอุบล ไชยบัน อายุ 65 ปี ให้สัมภาษณ์ ว่า ซื้อรถคันดังกล่าวมาใช้งานอยู่ในบ้านใช้ขนสิ่งของสัมภาระไปไร่นาสวน ประมาณ 3 ปี ซึ่งตัวรถตามที่ได้มาก็นับว่าเก่ามากแล้วสตาร์ตติดบ้าง เข็นบ้างตามสภาพ พื้นรถด้านท้ายกระบะเวลาจะขนของต้องใช้กระดาษหรือกระสอบปิดรอยผุเอาไว้ยามใช้งาน พื้นพักเท้าที่เหยีบคันเร่งก็ยังทะลุ โดยรวมแล้วตัวรถมีสภาพผุพังแทบทั้งคัน ไม่สามารถขับไปได้ไกล แต่ก็ทนใช้ทนซ่อมอยู่ตามประสาคนชนบทเบี้ยน้อย สุดท้ายจึงได้ขายทิ้งให้รถรับซื้อของเก่าในราคา 15,000 บาท พร้อมกับได้มอบทะเบียนรถให้ไปด้วย

นางรำ ไชยบัน ภรรยา และกลุ่มเพื่อนบ้านที่นั่งคุยอยู่ด้วยได้กล่าวแทรกเป็นช่วงๆ ว่า รถคันดังกล่าวจะใช้งานอยู่ภายในหมู่บ้าน บางครั้งก็สตาร์ตไม่ติด ก็ต้องช่วยกันเข็นให้ติด เทียวซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนซ่อมอยู่ตลอด ดังนั้น ในช่วงที่รถอยู่ด้วยเป็นไปไม่ได้ที่จะขับไปทางไกล

ที่จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวเดินทางตรวจสอบเอกสารบันทึกปากคำนายสับ วาปี ที่ให้ไว้ที่สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2557 ระบุว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.48 ขับรถยนต์คันนี้ไปธุระส่วนตัวที่ อ.เรณูนคร และไปชนรถจักรยานของนายเหลือ ทำให้นายเหลือเสียชีวิต

หลังเกิดเหตุข้าพเจ้าได้หยุดและเปิดประตูรถยนต์ลงมาดู แต่เห็นคนขับรถจักรยานเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จึงขับรถยนต์หลบหนีไป และนำรถยนต์คันเกิดเหตุไปซุกซ่อนไว้ในป่าใกล้หมู่บ้าน ต่อมาหลังเกิดเหตุประมาณสองเดือน จึงขายรถยนต์คันดังกล่าวในสภาพซากรถให้กับผู้รับซื้อของเก่าต่างท้องที่ ซึ่งมาเร่ซื้อของเก่าในหมู่บ้านไปในราคา 20,000 บาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เนื่องจากพบว่ามีรถยนต์ที่มีหมายเลขทะเบียนเหมือนกันกับรถของข้าพเจ้า แต่เป็นคนละหมวดอักษร คนละจังหวัดกัน จึงทำให้นางจอมทรัพย์ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด และถูกจำคุกอยู่ในขณะนี้

ในบันทึกยังระบุด้วยว่า ระหว่างที่เกิดคดีนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แต่เข้าใจมาโดยตลอดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้

ภายหลังคดีเสร็จสิ้นข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่า นางจอมทรัพย์เป็นผู้ถูกศาลพิพากษาว่า มีความผิดและลงโทษจำคุกในเหตุดังกล่าว และข้าพเจ้าได้ทราบว่า ก่อนจะถูกศาลพิพากษา ลงโทษจำคุกนั้น นางจอมทรัพย์รับราชการครูอยู่ที่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ไม่ได้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว และไม่เคยเดินทางมาในเส้นทางที่เกิดเหตุนี้เลย

ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสงสาร และรู้สึกเห็นใจนางจอมทรัพย์ที่ไม่ได้กระทำความผิด แต่ต้องมาติดคุกเพราะการกระทำของข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงสำนึกผิดและตัดสินใจที่จะเดินทางกลับมาพบ เพื่อสารภาพกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่า ข้าพเจ้านายสับ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานของนายเหลือ จนทำให้นายเหลือเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ไม่ใช่นางจอมทรัพย์ จำเลยที่ถูกศาลตัดสินจำคุกอยู่ในขณะนี้?

ในบันทึกประจำวัน ระบุชื่อ พ.ต.ต.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช เป็นผู้ลงบันทึกประจำวัน และระบุถึงการเข้าพบพนักงานของนายสับในครั้งนี้ ว่า นายสับได้เข้ามารับสารภาพด้วยความเต็มใจ และสมัครใจเอง ไม่มีผู้ใดบังคับขู่เข็ญหรือใช้กลอุบายหลอกลวงให้หลงเชื่อด้วยประการใด โดยในบันทึกนี้ มีพี่ชายของนายสับ 2 คน และภรรยา ลงชื่อเป็นพยานด้วย

นอกจากนี้ ยังมีเอกสารบันทึกการจ่ายเงินของนายสับที่ขอชำระเงินทดแทนที่ศาลได้มี คำพิพากษาให้นางจอมทรัพย์ชำระเงินจำนวน 170,000 บาท นับแต่วันได้ละเมิดโจทก์

พยานสำคัญ – นายอุบล ไชยบัน พยานสำคัญคดีครูจอมทรัพย์ ให้สัมภาษณ์ที่บ้านจ.มุกดาหาร โดยยืนยันซื้อรถกระบะต่อจากนายสับ วาปี เมื่อปี 2547 ก่อนเกิดเหตุรถชนคนตาย อีกทั้งใช้ขับเฉพาะในไร่ ไม่ได้ให้ใครยืม เมื่อ 20 ม.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน