อ.ธรณ์ เผยสาเหตุไม่มีการแจ้งเตือน สึนามิ เหตุอินโดฯ อ่วม ชี้ สิ่งที่คนไทยจำเป็นต้องรู้

จากเหตุการณ์สึนามิเข้าถล่มตีชาดหาดบริเวณช่องแคบซุนดรา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเกาะสุมาตราและเกาะชวาของอินโดนีเซีย โดยรายงานยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็น 222 ราย สูญหายกว่า 30 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 800 คนนั้น หลายคนสงสัยในเรื่องสัญญาณเตือนสึนามิ ว่ามีการทำงานหรือไม่

อ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “เกิดสึนามิที่อินโดนีเซียอีกแล้ว หนนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 ราย ขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องชาวอินโดนีเซียที่ปีนี้มีภัยพิบัติเกิดขึ้นหลายครั้ง จึงถือโอกาสมาอธิบายให้เพื่อนธรณ์ฟังครับ

ปีนี้อินโดนีเซียโดนสึนามิ 2 ครั้ง หนแรกเกิดจากแผ่นดินไหว มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 800 ราย หนที่สองคือครั้งนี้เกิดจากภูเขาไฟระเบิด ซึ่งอาจทำให้เกิดแลนด์สไลด์ใต้ทะเล ที่น่าสนใจคือสึนามิทั้ง 2 ครั้ง ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ไม่ใช่เพราะระบบแจ้งเตือนมีปัญหา แต่มันมีหลายสาเหตุ

1. สึนามิทั้ง 2 ครั้ง ไม่ได้ส่งผลรุนแรงเป็นวงกว้าง แต่เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้กับจุดเกิดแผ่นดินไหว/ภูเขาไฟระเบิด คลื่นสึนามิเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (800 กม./ชม.) ทำให้เข้าฝั่งก่อนแจ้งเตือนทัน เช่น ในกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น จากภูเขาไฟอานัคการากาตัวไปถึงชายฝั่งรอบช่องแคบซุนดา ระยะทางเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร

2. สภาพภูมิประเทศที่ซับซ้อน อาจทำให้เกิดสึนามิโดยที่ระบบแจ้งเตือนไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เช่น ครั้งที่เกิดช่วงเดือนตุลาคม หนนี้ก็เช่นกัน หากดูแผนที่ เพื่อนธรณ์จะเห็นว่าซับซ้อนมาก ทั้งแหลม ทั้งเกาะ ทั้งช่องแคบ มีอยู่เต็มไปหมด เป็นพื้นที่แห่งเดียวกับที่เคยเกิดมหาภัยพิบัติ 1883 ครั้งที่การากาตัวระเบิด

ภูมิประเทศแบบนี้ ทำให้เกิดแรงบีบอัดน้ำบางจุด แต่บางจุดก็อาจไม่โดนหรือโดนน้อย ยากที่จะเจาะจงลงรายละเอียดได้

3. ปัจจุบัน ชายหาดส่วนใหญ่เริ่มกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีผู้คนอาศัย ผิดไปจากสมัยก่อน แม้แต่พื้นที่เคยโดนสึนามิ ก็ยังมีคนอาศัยเพิ่มมากขึ้น มีโรงแรมสำหรับผู้อยากไปเที่ยวดูภูเขาไฟการากาตัว อันเป็นตำนาน ยิ่งมีการปะทุเป็นระยะ ก็ยิ่งมีคนอยากดู (ผมก็อยากครับ) เมื่อเกิดสึนามิ แม้จะเป็นขนาดเล็ก แต่ก็สร้างผลกระทบต่อประชาชนรุนแรงมากขึ้น

จึงอยากเตือนเพื่อนธรณ์ผู้ชอบผจญภัย รวมทั้งเตือนตัวเองด้วย เมื่อเราเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง เราก็ต้องหาข้อมูลให้มาก และเตรียมตัวระวังไว้มากกว่าการเที่ยวทั่วไป

ทั้งหมดนี้ และอีกหลายสาเหตุที่ต้องวิเคราะห์กันต่อไป ทำให้วงการผู้เชี่ยวชาญภัยพิบัติคงต้องปรับตัวกันยกใหญ่ เพิ่มการศึกษาในส่วนต่างๆ ให้ครอบคลุม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน

เมื่อลองดูประเทศไทย จะเห็นว่าสภาพภูมิประเทศของเราต่างจากอินโดนีเซีย สำคัญสุดคือจุดกำเนิดสึนามิ ประเทศไทยไม่ได้มีภูเขาไฟในทะเลเหมือนอินโดนีเซีย ไม่มีการระเบิดแบบฉับพลัน เกาะภูเขาไฟแบบแอคทีฟในทะเล ใกล้เรามากที่สุดก็อยู่ในอินโดนีเซียนั่นแหละครับ และอยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร

หากดูในเรื่องแผ่นดินไหว จุดกำเนิดแผ่นดินไหว (รอยเลื่อนเปลือกโลก) ใกล้เราที่สุดอยู่ทางทะเลอันดามัน บริเวณเกาะสุมาตรา นิโคบาร์ และอันดามัน

อย่างไรก็ตาม ระยะทางยังห่างไปหลายร้อยกิโลเมตร และเป็นทะเลเปิด เราติดตั้งทุ่นเตือนภัยไว้ น่าจะทราบล่วงหน้า (ถ้าทุ่นยังใช้ได้นะครับ) นอกจากนี้ เราจะทราบข่าวก่อน แม้จะเป็นหลัก 2 ชั่วโมง แต่ก็ยังทราบก่อน ไม่เหมือนชาวอินโดหนล่าสุดที่คลื่นเข้ามาแบบไม่ทันรู้ตัว

โดยสรุป เมื่อดูจากจุดกำเนิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด โอกาสที่เกิดสึนามิแบบรุนแรงจนสร้างความเสียหายใน “อ่าวไทย” นับว่ามีน้อยยิ่งนัก และเนื่องจากอยู่ไกลไปถึงอินโดนีเซีย เราจะทราบล่วงหน้าเป็นเวลานานนับสิบชั่วโมง

จึงไม่ต้องตื่นตระหนก เมื่อได้ยินข่าวน้ำลดผิดปรกติในอ่าวไทย เพราะเกิดขึ้นเป็นระยะ และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสึนามิ ก่อนสึนามิเข้า น้ำลดต่ำจริง แต่น้ำลดเพราะคลื่นดูดน้ำไป ลดแล้วแป๊บเดียวแค่ไม่กี่นาทีคลื่นก็เข้า

ไม่ใช่ลดล่วงหน้ากันเป็น 2-3 ชั่วโมงจนเป็นข่าวหรือเป็นภาพในไลน์ส่งมาหาเราได้ ในกรณีทะเล “อันดามัน” เราคงต้องระวังนิด เพราะใกล้กับจุดเสี่ยงแผ่นดินไหว มากกว่าอ่าวไทย

แต่เราจะทราบข่าวล่วงหน้าสักแป๊บ และหวังว่าจะมีการตรวจสอบและซักซ้อมระบบเตือนภัยทั้งในทะเลและบนบกอย่างมีประสิทธิภาพ

ทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติ ผมมักเขียนถึงเสมอ

เพราะถือว่าเมื่อเราสูญเสีย เราควรได้เรียนรู้ เพื่อให้การสูญเสียครั้งต่อๆ ไปน้อยลง และเพื่อให้เราระวังในสิ่งที่ใช่ ไม่ใช่ตื่นตระหนกไปเสียทุกเรื่อง ขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องชาวอินโดนีเซียอีกครั้งครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน