“เบนซ์ เรซซิ่ง”พร้อมเมียดาราสาว “แพท ณปภา” รุดพบตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่บช.ปส.บ่าย วันนี้ เคลียร์โยง”ไซซะนะ”ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ หลังตำรวจขยายผลพบรถลัมโบร์กินีที่ใช้เป็นของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมบุกค้นห้องพักไม่พบตัวหนุ่มแว้น พบเพียงเมียสาวท้องแก่อยู่คนเดียว ด้านตำรวจชี้ในชั้นนี้ยังไม่พบว่าทั้งสองคนเกี่ยวข้องกับขบวนการ เพียงแต่เกี่ยวพันกับรถยนต์สปอร์ตหรูที่ใช้ ปส.ปูพรมค้นทั่วกรุง-ปริมณฑลยึดทรัพย์สิน-ยาเคของเครือข่ายมูลค่ารวม 200 ล้าน พร้อมหิ้ว”แป๊ะ บางกรวย”เจ้าของบ้านที่ซุกยามา สอบเค้น ด้านผบช.ปส.แฉไซซะนะมีรถที่สปป.ลาวกว่า 5 พันคัน คาดเอาไว้แจก เครือข่ายที่ทำยอดได้ตามเป้า อีกทั้งมีกลุ่มดาราเสพยาลดความอ้วนที่ติดตามจับตาอยู่จำนวนหนึ่ง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่สำนักงาน ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. และผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 60/2” ติดตามเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่อาจมีความ เชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาชาว สปป.ลาวที่ถูกจับกุมตัวได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนหน้านี้ รวมถึงขบวนการค้ายาเสพติดของเว่ย เซียะ กัง ด้วย

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านเเอเรีย 51 ใต้อาคาร ธนดลแมนชั่น ภายใน ซ.อินทามระ 51 แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งเป็นร้านของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง สามีของแพท ณปภา ตันตระกูล นางเอกสาวชื่อดัง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบจักรยานยนต์ 1 คัน และปืน 2 กระบอก พร้อมลูกกระสุนปืน และปลอกกระสุนปืน 3 ปลอก จากการตรวจสอบเลขทะเบียนปืนไม่มีรอยขีดข่วน หรือรอยแก้ไขตัวเลข มีนายอัครกิตติ์เป็นผู้ครอบครองของมรดกตกทอดจากบิดา

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ได้เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งก่อนหน้านี้ตรวจสอบพบว่านายณัฐพลได้โอนเงินมาให้นายอัครกิตติ์ และให้การซัดทอดว่านายอัครกิตติ์เป็นผู้ดูแลเงินและทรัพย์สินทั้งหมด แต่ในชั้นนี้ยังไม่ถือว่านายอัครกิตติ์เป็นผู้กระทำความผิด จึงอยากจะให้เข้ามาชี้แจงทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ภายใน 30 วัน หากพบว่าหลักฐานที่นำมามอบให้ไม่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดก็จะคืนทรัพย์ทั้งหมด อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่านายอัครกิตติ์ได้ขับรถยนต์ลัมโบร์กินีออกจากแมนชั่นไป เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 1 ก.พ.

ด้านนายศิรินทร์ยากล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องจากนายณัฐพลมีความเชื่อมโยงกับนายอัครกิตติ์ โดยมักจะนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดมาซื้ออุปกรณ์แต่งรถ และซื้อจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่านายอัครกิตติ์เกี่ยวข้อง กับเครือข่ายของนายไซซะนะหรือไม่ แต่อยู่ระหว่างสืบสวนจากพยานหลักฐานต่างๆ

ขณะที่พล.ต.ท.สมหมายกล่าวว่า สำหรับนายอัครกิตติ์นั้นเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของนายไซซะนะ แต่นายณัฐพลมีความเชื่อมโยงกับนายไซซะนะอย่างชัดเจน เพราะมีการทำธุรกิจยาเสพติดร่วมกัน ส่วนนายณัฐพลกับนายอัครกิตติ์นั้นมีความเชื่อมโยงกันเรื่องของทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่านายอัครกิตติ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยหรือไม่ โดยนายไซซะนะได้นำเงินมาฟอกเป็นรถยนต์ ซึ่งก็คือรถยนต์ลัมโบร์กินี ที่นายอัครกิตติ์ได้ขับออกไปจากบ้านพักเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา เพราะนายณัฐพลรับว่ารถคันนี้เป็นของนาย ไซซะนะ ทุกครั้งที่นายไซซะนะเดินทางมาเที่ยว เมืองไทยนายณัฐพลจะมาเอารถลัมโบร์กินี ที่ฝากไว้กับนายเบนซ์ไปรับ และเมื่อไม่ต้องใช้จะนำมาฝากเช่นเดิม ส่วนนายณัฐพลกับนายอัครกิตติ์ไปรู้จักกันได้อย่างไรนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนก่อน แต่ทั้งสองคนนี้ต้องรู้จักกันแน่นอน ไม่เช่นนั้นนายอัครกิตติ์จะเอารถยนต์ของนายไซซะนะมาได้อย่างไร

พล.ต.ท.สมหมายกล่าวต่อว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบรถยนต์ลัมโบร์กินีคันดังกล่าว พบว่าแผ่นป้ายทะเบียนรถที่ติดอยู่ที่รถลัมโบร์กินีในขณะนี้เป็นของชาวลำพูน แต่จากการตรวจค้นภายในที่พักของนายอัครกิตติ์เมื่อช่วงเช้ามืด พบสมุดจดทะเบียนลัมโบร์กินีที่เป็นชื่อของนายอัครกิตติ์เป็นผู้ครอบครอง ทะเบียน กจ 51 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารถดังกล่าวถูกโอนมาเป็นชื่อนายอัครกิตติ์อย่างถูกกฎหมาย ทั้งที่แท้จริงแล้วป้ายทะเบียนที่สวมอยู่ของรถลัมโบร์กินีนั้นเป็นทะเบียน กจ 51 ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนของรถโฟล์ก ที่ จ.ลำพูน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบ ทั้งนี้ เบื้องต้นจากการตรวจสอบธุรกิจของนายอัครกิตติ์นั้นยังไม่พบว่าทำธุรกิจอื่น มีเพียงธุรกิจที่เกี่ยวกับรถยนต์นี้เท่านั้น อย่างไร ก็ตาม ขณะนี้นายอัครกิตติ์ยังไม่มีความผิด เพียงแต่แค่มีการรับทรัพย์สินของนายไซซะนะ ไว้ จึงต้องรอให้เข้ามาให้ข้อมูลถึงที่มาที่ไปของ ทรัพย์สินดังกล่าวก่อน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปทางแม่ของนายอัครกิตติ์แล้ว เพื่อให้ประสานให้เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ แต่หากพบว่ารับดูแลทรัพย์สินแทนจริงก็จะถูกข้อหาสมคบต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับนางเอกสาว แพท ณปภา จะเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างในเรื่องนี้ พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า เกี่ยวข้องในฐานะที่เป็นภรรยาของนายอัครกิตติ์ ถ้านายอัครกิตติ์ มีสิ่งของผิดกฎหมายครอบครอง และนางเอกสาว แพท ณปภา เอาไปครอบครอง หรือ มีอะไรที่ร่วมกันรับผิดชอบอยู่ เขาก็ต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตามขั้นตอนเราต้องสอบปากคำนางเอกสาว แพทณปภา ในฐานะพยานก่อน

เมื่อถามต่อว่าจากการสืบสวนยังพบว่ามีดารานักแสดงเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ต.ท.สมหมายกล่าวว่า มีเกี่ยวข้องอีกหลายกลุ่ม เพราะจากการที่ติดตามมานั้นพบว่าดาราหลายคนไปเสพยา เพราะฉะนั้นเป็นไปได้อยู่แล้ว ต้องยอมรับว่ามีจริงๆ เพราะตอนนี้เขาเสพยาเสพติดบางชนิดเพื่อลดความอ้วน ซึ่งขอ ไม่ประมาณว่ามีกี่คน

ถามถึงกรณีของนายณัฐพลว่าเป็นผู้ที่เกี่ยว ข้องกับยาเสพติดในระดับไหน พล.ต.ท. สมหมายกล่าวว่า นายณัฐพลเป็นคนกรุงเทพฯ ภรรยาของนายณัฐพลเป็นพนักงานเสิร์ฟ อยู่แถวนวมินทร์ ซึ่งมีพฤติการร่ำรวยโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยนายณัฐพลถูกจับกุมเมื่อปี 2553 และถูกอายัดทรัพย์สินไปแล้ว ต่อมาเมื่อปี 2555 ก็ถูกออกหมายจับอีกครั้ง ซึ่งการจับกุมครั้งนี้เป็นการจับกุมตามหมายจับเมื่อปี 2555

พล.ต.ท.สมหมายกล่าวต่อว่า สำหรับเครือข่ายยาเสพติดมีอยู่อีกกว่า 100 เครือข่าย กระจายอยู่ทุกแห่ง เครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะเป็นอันดับต้นของอาเซียน ปัจจุบันเลยประเทศมาเลเซียไปแล้ว รวมถึงส่งไปยังสหรัฐอเมริกากับประเทศเกาหลีด้วย ซึ่งนายไซซะนะรวยมากถึงขนาดมีรถหรู 5,000 กว่าคัน ซึ่งขายรถยนต์ด้วย ซึ่งที่ประเทศลาวของนายไซซะนะมีรถหรูจอดอยู่จำนวนมาก ส่วนจะนำไปแจกให้กลุ่มพ่อค้ายาเสพติดที่ขายได้ตามเป้าด้วยหรือไม่นั้นก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ เครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะยังมีคนมีสีเทาไปเกี่ยวข้อง นอกจากของกลุ่มดาราและไฮโซอีกด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้

สำหรับการระดมกวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 39 เป้าหมาย ตามแผนปฏิบัติการ ชัยยะ สยบไพรี 60/2 ผลการจับกุมขบวนการ ผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ดังนี้ 1.จับกุม ผู้ต้องหาได้ 3 ราย คือ นายณัฐพล นาคคำ, น.ส.อรัญญา สิงห์ผงาด และนายชัยวัฒน์ ชูสาย หรือแป๊ะ พร้อมทั้งตรวจยึดของกลาง เป็นยาเสพติด เคตามีน 21.72 กิโลกรัม ราคาขายส่ง 650,000 บาทต่อกิโลกรัม และราคาขายปลีก 1,500 บาทต่อกรัม รวมราคาขายส่ง 13,013,000 บาท และราคาขายปลีก 30,030,000 บาท ยาไอซ์ 5.97 กรัม ยาบ้า 1 เม็ด ยาอี 2 เม็ด

นอกจากนี้ ยังตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 จำนวน 13 รายการ ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำ หนัก 3 บาท 1 เส้น ราคาประเมิน 60,000 บาท, สร้อยข้อมือ หนัก 1 บาท 1 เส้น ราคาประเมิน 20,000 บาท, แหวนทองคำ หนัก 1 บาท 1 วง ราคาประเมิน 20,000 บาท, สร้อยทอง หนัก 121.18 กรัม 1 เส้น, สร้อยข้อมือ หนัก 75.75 กรัม 1 เส้น, สร้อยคอทองคำ หนัก 7.59 กรัม 1 เส้น, เฟอร์นิเจอร์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า ราคาประเมิน 200,000 บาท, เงินในบัญชีธนาคารของน.ส.อรัญญา 100,000 บาท, รถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู ทะเบียน ธต 5315 กทม. 1 คัน ราคาประเมิน 300,000 บาท

รถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ 1 คัน ราคาประเมิน 1,200,000 บาท, รถตู้ โตโยต้า ทะเบียน ฮง 1007 กรุงเทพมหานคร 1 คัน, จักรยานยนต์ บิ๊กไบก์ 2 คัน ราคาประเมิน 800,000 บาท, วัวพันธุ์ 63 ตัว และม้า 2 ตัว ราคาประเมิน 685,000 บาท ทั้งนี้ ยังมีทรัพย์สินอีกหลายรายการ ที่อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียด รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สินที่ตรวจยึดไว้ประมาณ 200 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนผังยุทธการ ชัยยะสยบไพรี 60/2 ที่บช.ปส. ได้นำมาแสดงให้สื่อมวลชนเห็นถึงความเชื่อมโยงของเครือข่ายดังกล่าว คือ เริ่มจากยาเสพติดล็อตใหญ่ ที่อยู่แนวชายเแดนประเทศเพื่อนบ้านมาสู่เจ้าของยาเสพติด จากนั้น ผ่านมาที่คนลำเลียง ซึ่งทั้งสองคนนี้ยังไม่ทราบตัวบุคคล จากคนลำเลียงส่งมาให้กับผู้ค้า โดยหนึ่งในผู้ค้าคือนายณัฐพล และเครือข่าย โดยนายณัฐพล จะให้เครือข่ายเปิดบัญชีไว้ เมื่อลูกค้าสั่งของมาที่นายบอย จากนั้นนายณัฐพลก็จะเอาของให้ โดยที่ลูกค้าจะโอนเงินให้กับนายณัฐพลให้เปิดไว้เมื่อได้เงินมาแล้ว ก็นำเงินไปซื้อทรัพย์สินผ่องถ่ายให้กับผู้ครอบครอง ซึ่งอาจเป็นพรรคพวกของนายณัฐพลเพื่อให้ถือครองทรัพย์สินดังกล่าวแทน โดยเงินบางส่วนก็จะโอนไปให้เครือข่ายที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้จำนวนหลายราย และโอนไปให้กับผู้ค้า ยาเสพติดรายใหญ่

สำหรับนายณัฐพลมีการผ่องถ่ายทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านวิดีอพาร์ทเม้นท์ ซ.ประดิษฐ์มนูธรรม 23-25 เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ซึ่งนายณัฐพลเคยอยู่ให้ลูกน้อง ทำสัญญาเช่า และอีกที่คือที่หมู่บ้านเดอะ เทอเรส 18/79 หมู่บ้านเทอเรส ซ.รามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ ซึ่งนายณัฐพลเคยเช่าอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการ นำเงินไปซื้อรถยนต์หรู และทองรูปพรรณอีกหลายรายการ

ด้านพล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส. เปิดเผยว่า 1 ในเป้าหมายที่ตำรวจจู่โจมตรวจค้น คือ ร้านแอเรีย 51 ร้านแต่งรถบิ๊กไบก์และแต่งรถซิ่ง ที่ตั้งที่ในธนดลแมนชั่น ภายในซอยอินทรามระ 51 ซึ่งเป็นร้านแต่งรถของนายอัครกิตติ์หรือเบนซ์ เรซซิ่ง พบเพียงรถบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ทะเบียน 5กท 411 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของดาราสาวจอดอยู่ใต้อาคาร ส่วนรถหรูลัมโบร์กินี กัลลาโด รุ่น SuperLeggera LP 570-4 สีเทาดำ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาทนั้นนายอัครกิตติ์หรือเบนซ์ ขับออกไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้น สำหรับห้องพักดังกล่าว แพท ณปภาพักอยู่บนห้อง ซึ่งสร้างความตกใจให้แก่นางเอกสาวอย่างมาก

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกชุด เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 33/11 หมู่ 6 ต.บางขุนกอง อ.บาง กรวย จ.นนทบุรี และจับกุมนายชัยวัฒน์ ชูสาย หรือแป๊ะ พร้อมยึดโคเคน 20 ก.ก. มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ที่นำมาพักไว้ เพื่อรอแบ่งไว้ขาย โดยนายชัยวัฒน์สารภาพว่ามาเช่าประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในราคาเดือนละ 14,000 บาท เพื่อเอาไว้พักยาเสพติด ทำมาแล้ว 5 ครั้ง ได้ค่าจ้าง 8 แสนบาท ตอนกลางวันจะทำอาชีพขับรถให้โรงพยาบาล และ ส่งยาเสพติดในตอนกลางคืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสัมภาษณ์ดาราสาว แต่ยังไม่รับสาย แต่ล่าสุดเมื่อเวลา 10.45 น. แพทได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก เป็นภาพยืนอยู่หน้ารถเบนซ์ มีผู้หญิงอีกคนโอบกอดแล้วลงแคปชั่นสั้นๆ ว่า “รัก”

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าตัวบอกแต่เพียงสั้นๆ ว่า “ตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์เลย อยากรู้เรื่องทั้งหมดก่อนเพราะตอนนี้อ่านแต่จากข่าว ค่อนข้างงง รวมถึงรอคุยกับพี่เบนซ์ด้วย เพราะยังไม่ได้คุยกัน แค่ได้คุยกับคุณแม่ของพี่เบนซ์ ซึ่งคุณแม่ก็ให้แพทรอคุยกับพี่เบนซ์เอง ถ้าตามที่ตำรวจบอกว่าพี่เบนซ์ไม่ได้เกี่ยว ข้องกับเรื่องยาเสพติดแพทก็โล่งใจ เพราะถ้าเกี่ยวข้องก็คงต้องขอบาย ส่วนเมื่อเช้าที่ตำรวจบุกเข้าไปที่ห้องแพทกำลังนอนอยู่ก็ตกใจ ส่วนพี่เบนซ์ออกไปแว้นตามปกติแบบนี้ทุกคืนอยู่แล้ว เลยไม่ได้คิดอะไรเพราะตอนเช้าเขาก็จะกลับมาปลุกค่ะ”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากเดิมที่ในวันที่ 3 ก.พ. “แพท-ณปภา” จะแถลงข่าวนั้น ล่าสุดได้ยกเลิกไปก่อน เนื่องจากต้องพูดคุยกับทางผู้ใหญ่ ถ้ามีความคืบหน้าอะไรดาราสาวจะแจ้งให้ทราบอีกที

ล่าสุดได้มีการเปิดภาพของ “แพท” หลังจากที่ถูกตำรวจเข้าตรวจค้นตั้งแต่เมื่อคืน โดยแพทได้โพสต์ภาพคู่กับ Keng Brightup เพื่อนคนสนิท ซึ่ง Keng Brightup ได้โพสต์ข้อความว่า “ตอนนี้รอเรื่องจริงกันก่อนนะทุกคน ตอนนี้น้องใกล้คลอดแล้วอีกแค่ 10 วัน ไม่ควรที่จะต้องมามีเรื่องเครียดรับรู้ ซึ่งเหตุ การณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น น้องยังไม่ทราบสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เนื่องจากน้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แพทเลยไม่สามารถตอบเรื่องที่เกิดขึ้นได้ หรือให้ข่าวใดๆ ได้ คงตอบได้แค่ “ไม่รู้” รบกวนพี่ๆ สื่อทุกคนทุกสำนัก รอฟังจากพี่เบนซ์ นะครับ ปล. พาดหัวข่าวแรงไป ตกใจ กล้วยทอด !!!”

ต่อมาเวลา 14.30 น. นายอนุชา ตันตระกูล อายุ 53 ปี พี่ชายของแพท ณปภา ได้เดินทางมาเพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจ พร้อมเปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าวว่าวันนี้มาเยี่ยมน้องสาวเพราะเป็นห่วง อีกไม่กี่วันก็จะคลอดแล้ว อยากมาให้กำลังใจ ทั้งนี้หลังจากรู้เรื่องก็แทบช็อกว่าเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร ได้พยายามติดต่อแพทแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ในเรื่องส่วนตัวของแพททางครอบครัวไม่เคยเข้าไปยุ่ง เพราะเคารพในเรื่องส่วนตัว และเห็นว่ารักกันดี แพทเป็นคนฉลาด และระมัดระวังตัวเองมาโดยตลอด ส่วนตัวเบนซ์ตนเคยเจอแค่ 2 ครั้ง รู้จักกันแค่ผิวเผิน ตอนนี้ตนเชื่อในตัวแพท และเชื่อว่าแพทไม่รู้เรื่องมาก่อน เพราะถ้ารู้เรื่องเบนซ์คงไม่ได้เข้ามาในชีวิตแพท ส่วนสภาพจิตใจของแพทตอนนี้น่าจะแย่ คนกำลังจะเป็นแม่คน แต่มาเกิดเรื่องแบบนี้ หลังจากนี้เรื่องของแพทกับเบนซ์นั้นจะดำเนินต่อไปอย่างไร ก็ต้องให้ทั้งคู่ตัดสินใจ เพราะทางผู้ใหญ่บอกว่าตอนนี้เบนซ์ยังไม่ใช่ ผู้ต้องหาเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยที่ครอบครองทรัพย์สินของผู้ต้องหาเท่านั้น ซึ่งก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะถ้าเบนซ์เป็นคนผูก ก็ต้องเป็นคนแก้ ตอนนี้เป็นห่วงแพทและหลาน มากกว่า เพราะเป็นคนในครอบครัว ส่วนเบนซ์ตอนนี้ก็ยังเป็นคนในครอบครัว ก็อยากให้ออกมาพบเจ้าหน้าที่ออกมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “เก่ง” เป็นผู้จัดการของแพทได้เดินทางลงมาหลังจากขึ้นไปเยี่ยมแพท ณปภา และได้พูดคุยกับนายอนุชาก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถพร้อมกับพูดว่า “ไม่ให้สัมภาษณ์” และขับออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น.นายอนุชากล่าวภายหลังได้เข้าพบกับแพท ว่า สำหรับเรื่องสินทรัพย์ของเบนซ์ยืนยันว่ามีหลักฐานว่าได้ซื้อมา ซึ่งตนได้พูดคุยกับเบนซ์แล้ว และ ได้นัดหมายกับผู้ใหญ่ในป.ป.ส.วันที่ 3 ก.พ. เวลา 15.00 น. จะไปพบที่ ป.ป.ส. เพราะวันเดียวกันนี้ เย็นมากแล้ว ถ้าสอบสวนจะดึกจนเกินไป ส่วนแพทก็ฝากขอบคุณทุกคน และขอโทษไม่สะดวกคุยกับทุกคน ขอพักก่อน พรุ่งนี้จะไปพร้อมกันที่ ป.ป.ส.

“ผมคุยกับเบนซ์ 2-3 รอบแล้ว ซึ่งเบนซ์ ยืนยันว่า ซื้อมามีที่มาที่ไป โดยผู้ใหญ่ทาง ป.ป.ส. ก็อยากพูดคุยกับเบนซ์ก่อนว่า เกี่ยว ข้องกับผู้ต้องหายาเสพติดอย่างไร เพราะเบนซ์ ไปมีส่วนเรื่องรถ ซึ่งเบนซ์ ก็พูดว่า ซื้อมาขายไปทำกำไร ตามปกติ ปีก่อนก็ซื้อมาขายไป ประมาณ 20 คัน ส่วนตัวผมเชื่อ แต่ผู้ใหญ่ ก็ต้องการหลักฐานยืนยัน ส่วนแพทก็ไม่ได้เครียดหลังจากได้พูดคุยกับสามีแล้ว ซึ่งเบนซ์ ก็เครียดเพราะว่าคบกับบอยในฐานะนักแต่งรถ ไม่ทราบว่าไปเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ เลยเครียดว่าพลาดที่ไปคบคนแบบนี้ ผมเชื่อว่า เบนซ์ไม่กล้าโกหกผม” นายอนุชากล่าว

นายอนุชากล่าวต่อว่าด้านแพท ก็เชื่อสิ่งที่เบนซ์พูดล้านเปอร์เซ็นต์ ส่วนเมื่อคืนที่เบนซ์ หายตัวไป ก็ออกไปแว้นตามปกติ เช้ากลับมาเห็นตำรวจจำนวนมาก ก็คงเตลิดไป แต่เบนซ์ ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาอะไร

จากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำรถลัมโบร์กินี ทะเบียน กจ 51 กรุงเทพมหานคร ที่เบนซ์ขับออกไปจากที่พักมาที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อตรวจสอบทะเบียนรถ ผู้ครอบครอง และการเสียภาษี รวมทั้งตรวจสอบด้วยว่ามีการนำเข้ามาภายในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี จึงตามไปตรวจสอบและพบรถคันดังกล่าวที่คาร์แคร์ย่านราม อินทรา

พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ เบนซ์ ยังไม่ติดต่อขอเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเจ้าตัวพร้อม สามารถเข้ามาพบตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่หากไม่แสดงตัวต่อ เจ้าหน้าที่ภายใน 2-3 วันนี้ก็จะออกหมายเรียกต่อไป

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า แพท ณปภา จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่นั้น พล.ต.ท.สมหมาย ระบุว่า ขณะนี้การตรวจสอบยังไม่ถึงแพท แต่ถ้าหากแพทได้รับโอนทรัพย์สินจากเบนซ์ ก็ต้องนำตัวมาสอบปากคำ และยังคงยืนยันชัดเจนว่า เบนซ์ ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา แค่ถูกซัดทอดว่าเป็นคนนำเงินของนายไซซะนะ มาซื้อรถ หากพยานหลักฐานครบถ้วนจะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันสมคบฟอกเงิน

พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับการประสานจากนายอัครกิตติ์ว่าจะเดินทางมาพบตำรวจที่บช.ปส. ในเวลา 20.00 น.วันที่ 2 ก.พ. ซึ่งได้จัดพนักงานสอบสวนไว้รอสอบถามข้อเท็จจริงทั้งหมด ทั้งเรื่องทรัพย์สินและรถยนต์หรู แต่ล่าสุดได้รับการประสานมาอีกว่าจะเข้ามาพบในวันที่ 3 ก.พ. เวลา 15.00 น. โดยในส่วนนี้เจ้าหน้าที่มีความพร้อม ซึ่งนายอัครกิตติ์สามารถเดินทางมาพบตำรวจ เพื่อชี้แจง ข้อเท็จจริงได้ทุกเมื่อ และตลอดเวลา

ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่นำรถจักรยานยนต์ยี่ห้อเคทีเอ็ม สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ของนายอัครกิตต์มาที่บช.ปส. เพื่อตรวจสอบทะเบียนรถ ผู้ครอบครอง และการเสียภาษี รวมทั้งตรวจสอบด้วยว่านำเข้ามาภายในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจากบุคคลที่สาม ให้มาส่งมอบรถที่บริเวณด้านหน้าสโมสรตำรวจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน