เจ้าของเต็นท์ รถลัมโบร์กินีรุดแจงตร. ปมขายรถหรูให้ “เบนซ์-บอย” ยืนยันรถคันนี้ได้มาถูกต้อง แต่ปัดตอบรู้จักกับ “เบนซ์-บอย” คิวต่อไปสอบเจ้าของทะเบียนรถที่ลำพูน ด้าน ผบช.ปส.ยึดรถหรูอีก 3 คัน เป็นลัมโบร์ฯ-เบนท์ลีย์ ราคาคันละ 20 ล้านจากย่านประชาชื่น-ปริมณฑล สงสัยเกี่ยวข้อง “เบนซ์-บอย” เผยมาเลย์จับ “ไซนุเด็ง มะ” ลูกเขย “มะ สิบล้อ” เอเยนต์ยา ภาคใต้ เจอเงินสดๆ 30 ล้านซุกท่อพีวีซี แฉเป็นแก๊งยาระดับไซซะนะ เตรียมประสานขอสอบปากคำหาความเชื่อมโยง

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่บช.ปส. พล.ต.ท. สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. เผยถึงความคืบหน้าในการติดตามเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดชาวลาวว่า หลังจากนายไผ่ ลิกค์ หรือไผ่ วันพอยท์ ลูกนักการเมือง พร้อมด้วยเจ๋ง วันพอยท์ เพื่อนของไผ่ เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ ในฐานะพยาน โดยระบุแค่เป็นนายหน้าซื้อรถลัมโบร์กินีให้นายบอยและนายเบนซ์ เรซซิ่งเท่านั้น อีกทั้งไม่รู้จักนายไซซะนะ ส่วนเจ๋ง วันพอยท์ให้การรู้จักกับนายบอย เพราะให้ช่วยติดต่อหารถหรูลัมโบร์กินี ล่าสุดตำรวจประสานไปยังนายณัฐวัฒน์ ห่วงมณี หรือเอก บูโน่ เจ้าของเต็นท์รถบูโน่ ออโต คลินิก ย่านพระราม 3 ซึ่งเป็นเต็นท์รถที่ขายรถลัมโบร์กินีให้นายบอยและนายเบนซ์ เพื่อเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากรถลัมโบร์กินีที่อยู่ในความครอบครองของนายเบนซ์มาจากเต็นท์รถแห่งนี้ จึงต้องการสอบถามข้อมูล รวมถึงตรวจสอบเอกสารหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงิน

พล.ต.ท.สมหมายกล่าวต่อว่า ส่วนการที่ทางการสปป.ลาว ตรวจยึดรถหรูกว่า 20 คันของนายไซซะนะนั้น ตำรวจบช.ปส.ได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สปป.ลาวแล้ว โดยเชื่อว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครือข่ายนายไซซะนะเท่านั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมากกว่านี้ แม้การตรวจสอบรถหรูจะพบว่าครอบครองถูกต้องก็ตาม แต่หากเป็นทรัพย์ที่ได้จากการค้ายาเสพติดก็ต้องถูกอายัดไว้ตรวจสอบและต้องตรวจสอบผู้ครอบครองด้วยเช่นกัน

พล.ต.ท.สมหมายกล่าวอีกว่า นอกจากนี้รับรายงานจากทางการมาเลเซียว่าได้จับกุมตัวนายคามะลูดีน บิน อาหว่อง ชาวมาเลเซีย ซึ่งถูกจับภายใต้มาตรการพิเศษเกี่ยวกับ ยาเสพติดอันตราย โดยล็อกตัวได้ที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเชีย เมื่อวันที่ 6 ก.พ. เวลา 21.00 น. จากการตรวจสอบเชื่อว่านายคามะลูดีน เป็นเป้าหมายคนเดียวกับนาย ไซนุเด็ง มะ ลูกเขยของนายมะรินิง จาโก หรือ มะ สิบล้อ หัวหน้าเครือข่ายรับยาเสพติดจากภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวมากว่า 5 ปี จากการจับกุมตรวจค้นพบว่ามีการซุกซ่อนเงินกว่า 30 ล้านบาทไว้ภายในท่อพีวีซี โดยนายคามะลูดีนมีพฤติกรรมรับยาจากภาคเหนือส่งผ่านภาคใต้ผ่านไปยังมาเลเซีย โดยเป็นคู่ค้าระดับเดียวกันกับนายไซซะนะ และยังเคยติดต่อค้ายาเสพติดกับนายอุสะมาน สะแลแมง ผู้ต้องหาที่ทางการไทยเคยออกหมายจับเมื่อปี 2555 และอยู่ระหว่างหลบหนี ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ไทยได้ประสานไปยังตำรวจมาเลเชีย เพื่อขอสอบปากคำนายคามะลูดีนว่ามีความเชื่อมโยงกับนายไซซะนะในระดับไหน

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสืบสวนขยายผลพบว่านายคามะลูดีน บิน อาหว่อง มีบ้านพักอาศัยอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นจุดพักยาเสพติด ก่อนนำส่งไปยังประเทศมาเลเซีย จึงเชื่อได้ว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้

ต่อมาในช่วงบ่าย นายณัฐวัฒน์ หรือเอก บูโน่ เจ้าของเต็นท์รถ เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจ บช.ปส. นานกว่า 2 ช.ม. ก่อนออกมาและเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยนายณัฐวัฒน์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า มาพบตำรวจบช.ปส.ตามคำเชิญ เพื่อให้ปากคำในกรณีขายรถลัมโบร์กินีเท่านั้น โดยเตรียมเอกสารและสำเนาทะเบียนรถเข้ามายืนยันว่า รถลัมโบร์กินีคันดังกล่าวได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีทั้งชื่อผู้ครอบครอง เป็นชื่อของไฟแนนซ์

เมื่อถามว่ารู้จักนายเบนซ์และนายบอยหรือไม่ นายณัฐวัฒน์ปฏิเสธที่จะตอบ คำถาม ก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถและเดินทางกลับทันที

ด้านพล.ต.ท.สมหมายกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังได้อายัดรถต้องสงสัย เป็นรถหรู 3 คัน มูลค่าคันละประมาณ 20 ล้านบาท ที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น และพื้นที่ปริมณฑลอีก 2 แห่ง หลังจากชุดคลี่คลายคดีสืบทราบเบาะแสว่า รถทั้ง 3 คันน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเบนซ์และนายบอย เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องอายัดรถทั้ง 3 คันมาตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่ได้มาจากขบวนการยาเสพติดหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับรถหรู 2 ใน 3 คันที่ถูกยึดมาตรวจสอบล่าสุดนั้น มีพลเมืองดีโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ พบจอดทิ้งไว้ที่อาคารจอดรถคอนโดฯ บ้านประชานิเวศน์ 1 ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. โดยเป็นรถหรูลัมโบร์กินี กัลลาโด สีส้ม อีกคันเป็นรถเบนท์ลีย์ สีดำ ซึ่งทั้ง 2 คันไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน แต่เมื่อตรวจสอบในเชิงลึกพบว่า รถหรูทั้ง 2 คันถูกตำรวจศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ บช.น. ยึดจากการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 2557-2558 พร้อมเช่าพื้นที่ดังกล่าวจอดรถทั้ง 2 คันระหว่างดำเนินคดีเท่านั้น ตำรวจบช.ปส.จึงเตรียมประสานบช.น. เพื่อขอตรวจสอบเอกสารและข้อมูลทางคดีมายืนยันรถหรูทั้ง 2 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 9 ก.พ. ตำรวจบช.ปส. ได้เชิญตัวหญิงสาวซึ่งเป็น เจ้าของรถโฟล์ก ทะเบียน กจ 51 กทม. ซึ่งมีเลขทะเบียนตรงกับรถลัมโบร์กินีของเบนซ์มาให้ปากคำ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง

วันเดียวกัน นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการป.ป.ส. เปิดเผยว่า ได้ลงนามคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์สินชั่วคราวของนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดนายไซซะนะ โดยทรัพย์สินในคำสั่งประกอบด้วย รถลัมโบร์กินี ทะเบียน จห5 ซึ่งเป็นคันเดียวกับที่นายเบนซ์นำมาขับ แต่ถูกสวมทะเบียน, รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน 2กฬ4624, จักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ทะเบียน 4กร249, รถจักรยานยนต์เคทีเอ็ม ทะเบียน 4กษ6071 และอื่นๆ รวม 12 รายการ โดยคำสั่งนี้สืบเนื่องจากบช.ปส. ป.ป.ส. และปปง.ได้ ร่วมกันประชุมก่อนมีมติให้ยึดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ก่อน และส่งเรื่องมายังป.ป.ส.เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อออกคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์สินชั่วคราวไว้ก่อน

นายศิรินทร์ยากล่าวอีกว่า ตามขั้นตอนหลังจากนี้ได้ตั้งเจ้าหน้าที่ทำสำนวนเกี่ยวกับทรัพย์สินขึ้นมา แบ่งเป็นบช.ปส. 2 นาย และป.ป.ส. 2 นาย เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของนายบอย พร้อมทำหนังสือเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินมาชี้แจงถึงที่มาที่ไป โดยใช้ระยะเวลา 30 วัน

เมื่อถามว่าป.ป.ส.ต้องเรียกนายเบนซ์มาให้ข้อมูลอีกหรือไม่ นายศิรินทร์ยากล่าวว่า ต้องเรียกนายเบนซ์มาชี้แจงกับป.ป.ส.ด้วยตัวเองหรือทำหนังสือมา ซึ่งจะเร่งทำหนังสือเรียกตัวเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่สามารถระบุวันได้ ส่วนนายบอยนั้น เจ้าหน้าที่จะไปสอบปากคำในเรือนจำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน