เปิดใจหลานแท้ๆของ หลวงพ่อคูณ เผยเหตุผลทำไมต้องลอยอังคารที่แม่น้ำโขง เล่าบารมีหลวงพ่อขณะธุดงค์ที่ประเทศลาว ทำชาวบ้านประหลาดใจ ระบุท่านเน้นย้ำให้ความดี-เสียสละ และรู้จักให้

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 ม.ค. ที่ศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษกอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) นายประทีป ลิ้มชูวงษ์ อายุ 63 ปี และ นายบุญเทิด ลิ้มชูวงษ์ อายุ 60 ปี ครูเกษียณอายุราชการ ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ โดยสายเลือด กล่าวถึงหลักธรรมคำสอนและความสนิทชิดเชื้อที่มีในฐานะเครือญาติ พร้อมทั้งจุดประสงค์ของพินัยกรรมที่หลวงพ่อคูณไม่ประสงค์ให้นำสรีรสังขารกลับไปประกอบพิธีกรรมยังบ้านเกิด จ.นครราชสีมา

นายบุญเทิด กล่าวว่า ทางครอบครัวเข้าใจวัตถุประสงค์ที่หลวงพ่อคูณต้องการบริจาคร่างกายเป็นครูใหญ่ เพราะสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ได้เข้าไปพบและท่านได้พูดติดตลกว่า “มึงเป็นครู กูก็อยากเป็นครูใหญ่” เพราะท่านมองว่าคนเราเมื่อตายไปก็นำไปเผาเป็นเถ้ากระดูกไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเอาไปบริจาคให้นักศึกษาได้นำใช้ประโยชน์ พวกเขาก็ยังสามารถนำวิชาไปช่วยผู้คนได้อีกมาก

นายบุญเทิด กล่าวต่อว่า แม้ในตอนแรกญาติๆ จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดที่พินัยกรรมไม่ได้ระบุให้นำร่างกลับไปทำพิธียังบ้านเกิด แต่เมื่อนานไปจึงเข้าใจว่า เหตุผลข้อแรกท่านให้ความสำคัญกับเรื่องฐานะของครอบครัวที่ไม่ค่อยดี อาจเป็นภาระให้กับเขาได้ จึงตัดสินใจให้คณะแพทยศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการ เพราะมีความพร้อมมากกว่าทั้งด้านบุคลากร สถานที่ นอกจากนี้ จ.ขอนแก่น ยังมีพรมแดนใกล้กับประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า หลวงพ่อคูณจึงอยากให้ผู้ที่ศรัทธาจากต่างแดนเดินทางเข้ามากันได้อย่างสะดวก

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายบุญเทิด กล่าวอีกว่า พวกตนรู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้เป็นหลานของพระอาจารย์ชื่อดังที่มีคนเคารพศรัทธามาก แต่บางครั้งในความเป็นสายใยทางครอบครัวก็อาจไม่ได้อยู่ใกล้ชิดมากเท่าที่ควร เพราะเมื่อมีลูกศิษย์ หรือคนที่เคารพนับถือหลวงพ่อคูณ บากบั่นเดินทางไกลมาหาท่าน ทางเราก็จะยอมให้เขาได้เข้าไปพบหลวงพ่อก่อน และรอจนกว่าจะมีโอกาส

“สำหรับหลักธรรมคำสอนของหลวงพ่อคูณ ท่านจะเน้นย้ำให้ทำความดี เสียสละและรู้จักให้ผู้อื่นที่ด้อยโอกาสกว่า ที่สำคัญยังต้องเป็นคนซื่อสัตย์ดังภาษิตที่ว่า “คดในข้อ งอในกระดูก” จะได้อยู่ร่วมกันในสังคมได้” นายบุญเทิด

นายบุญเทิด กล่าวต่อว่า เมื่อรู้สึกไม่สบายใจก็มักจะชอบเดินทางไปพบท่าน ถ้าเทียบกับต่างประเทศคงเป็นเหมือนหมอจิตแพทย์ คอยแนะนำให้ นอกจากนี้ หลวงพ่อคูณยังชอบเด็กและรักเด็กๆ มาก ส่วนของโปรดที่ท่านชอบนั้น ส่วนมากจะเป็นปลา เพราะหาง่ายและเป็นสัตว์ที่ออกลูกครั้งละมากๆ ไม่เบียดเบียนเหมือนเวลากินสัตว์ใหญ่ โดยท่านจะชอบน้ำพริกปลาร้า ปลาดุกย่าง กล้วยน้ำว้าและน้อยหน่า

นายบุญเทิด กล่าวว่า หลวงพ่อคูณเคยเล่าให้ตนฟังว่า ตอนที่ท่านธุดงค์ที่ประเทศลาว ได้มีโอกาสเดินไปเจอสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่ โดยวันหนึ่ง หลวงพ่อคูณได้ออกไป บิณฑบาตในช่วงเช้า ปกติแล้วจะเลี้ยวซ้ายเพื่อไปหาชาวบ้าน แต่ครั้งนี้ท่านเลือกเดินเลี้ยวขวา ซึ่งก็ไปพบเจอกับหมู่บ้านแห่งหนึ่งกลางเขา ก็เห็นชาวบ้านใส่บาตรตามปกติ แต่เมื่อพูดด้วยก็ไม่ยอมพูดด้วย

หลานหลวงพ่อคูณ กล่าวอีกว่า หลักจากนั้นก็กลับมาบนเขา นั่งสมาธิตามปกติ ทำแบบนี้ได้ 3-4 วัน ก็มีชาวบ้านเดินขึ้นมาหาบนเขา แล้วสอบถามว่า ท่านไม่ได้ไปบิณฑบาตที่หมู่บ้านเลยแล้วเอากับข้าวที่ไหนกิน ซึ่งหลวงพ่อก็ตอบกลับไปว่า “หลวงพ่อได้ไปบิณฑบาตทุกเช้าและก็มีกับข้าวกินปกติ”

“ชาวบ้านเกิดความสงสัยว่า หลวงพ่อเดินไปทางไหน เมื่อทราบว่า ได้เดินเลี้ยวขวาไปบิณฑบาต ก็บอกหลวงพ่อว่า ทางที่เดินไปนั้น เป็นป่าช้า หลวงพ่อจึงตอบกลับไปว่า ก็ไม่เห็นมีอะไร ก็มีกับข้าวกินเป็นจำนวนมาก ซึ่งวางทิ้งไว้ มดก็ไม่ตอมและไม่มีสัตว์อื่นมากินเลย เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านรู้สึกประหลาดใจและเชื่อว่า บุญบารมีของหลวงพ่อ ทำให้แม้กระทั่งวิญญาณก็อยากออกมาใส่บาตรกับท่าน” นายบุญเทิด กล่าว

ด้าน นายประทีป กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังทราบว่าท่านอ่านใจคนออกได้ด้วย เนื่องจากมีเหตุการณ์หนึ่ง มีกลุ่มอาจารย์เดินทางเข้ามากราบหลวงพ่อคูณ แต่มีเพียงอาจารย์ท่านเดียวที่ไม่ยอมมากราบ หลวงพ่อคูณจึงพูดขึ้นมาว่า “มึงไม่มากราบกู เพราะว่ากูนั่งไม่สุภาพใช่ไหม” ทันใดนั้นอาจารย์คนดังกล่าว จึงตกใจที่หลวงพ่อคูณอ่านใจของตนเองได้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก

“สำหรับจุดลอยอังคาร ที่หลวงพ่อคูณเลือกเป็นที่ บริเวณพระธาตุกลางน้ำ แม่น้ำโขง จ.หนองคาย เพราะเป็นจุดที่หลวงพ่อคูณใช้เส้นทางนั้นในการข้ามแม่น้ำโขงไปยังประเทศลาวเป็นประจำ” นายประทีป กล่าว

__________________________________________

อ่านข่าวหลวงพ่อคูณทั้งหมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน