สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาทครั้งแรกแก่พุทธศาสนิกชนที่มาเฝ้าสักการะเนืองแน่นวัดราชบพิธฯ ทรงมอบหลักธรรมของพระพุทธองค์ ศีล สมาธิ ปัญญา และความสามัคคี ให้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ ประชาชนปลื้มปีติได้เฝ้าใกล้ชิด หลังจากทางวัดเปิดให้เข้ากราบสักการะวันละ 2 รอบ เช้าและบ่าย จนถึง 15 ก.พ. เผยศรัทธาในพระจริยาวัตรอันงดงามสมถะ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย พระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผยทรงกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุภาพเรียบร้อย ห้ามใช้คำหยาบคาย และทรงไม่รับปัจจัยเด็ดขาด เตรียมจัดทำบัตรคิวเข้ากราบสักการะเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ศิษยานุศิษย์จัดเตรียมเหรียญตราสัญลักษณ์สมเด็จพระสังฆราช “ออป” 10,000 เหรียญ พร้อมหนังสือพระนิพนธ์ในสมเด็จพระสังฆราช รวม 10,000 ชุด แจกจ่ายประชาชน นายกฯกำหนดนำคสช.-ครม.เฝ้าถวายสักการะ 14 ก.พ.นี้

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พุทธศาสนิกชนจำนวนมากทยอยเดินทางมารอเฝ้าถวาย สักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากเป็นวันแรกที่ทางวัดเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะแสดงมุทิตาภายในพระอุโบสถ โดยประชาชนพร้อมใจแต่งกายด้วยชุดสุภาพสีดำและสีขาว ส่วนใหญ่เตรียมพานพุ่มดอกไม้และพวงมาลัยมารอถวายด้วย เจ้าหน้าที่จัดให้ประชาชนนั่งรอบนเสื่อเป็นแถวยาวบริเวณหน้าพระอุโบสถ พร้อมทำแนวกั้นเป็นทางพระดำเนินขึ้นพระอุโบสถ

ต่อมาเวลา 09.10 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จจากตำหนักอรุณ ลงพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร โดยขณะที่สมเด็จพระสังฆราชเสด็จผ่าน พุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่รอถวายสักการะตลอดสองข้างทางต่างเปล่งเสียง “สาธุ” และก้มลงกราบ สมเด็จพระสังฆราชทรงแย้มพระโอษฐ์ ยกพระหัตถ์ขวาแสดงถึงพระเมตตาต่อประชาชน

จากนั้นสมเด็จพระสังฆราชเสด็จเข้าสู่พระอุโบสถทางประตูกลาง ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระอังคีรส ประธานพระอุโบสถ เสด็จขึ้นประทับพระอาสน์ ซึ่งทอดอยู่หน้าเบญจา ผินพระพักตร์ออกหน้าพระอุโบสถ พร้อมพัดยศและเครื่องประกอบพระอิสริยยศประดิษฐานใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น ก่อนประทานพระโอกาสให้พุทธศาสนิกชนเฝ้าถวายสักการะ

ในช่วงบ่ายผู้แทนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เชิญพานพุ่มดอกไม้มาถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราช นอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์จากหลายวัดเดินทางเข้าถวายสักการะอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายแม้แดดจะร้อนแต่ประชาชนยังคงศรัทธาแรงกล้า กางร่มเข้าคิวต่อแถวรอเฝ้าถวายสักการะด้วยความปลาบปลื้มที่จะได้เฝ้าถวายสักการะอย่างใกล้ชิด ต่างบอกเล่าถึงความเลื่อมใสศรัทธาต่อสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ถึงพระจริยาวัตรอันสมถะงดงาม ไม่หรูหราฟุ่มเฟือย ไม่เคยต้องมัวหมองเรื่องเงินทองให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ทรงดำรงพระองค์อยู่ในศีลธรรมและเคร่งครัดในพระธรรมวินัย

นางเบญจา แม่ทิพย์ ชาวกรุงเทพมหานคร เผยว่า เดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตั้งใจเดินทางมาแสดงมุทิตาสักการะสมเด็จพระสังฆราชในวันนี้และยิ่งเมื่อเห็นพระจริยาวัตรที่งดงามและเรียบง่ายของพระองค์ยิ่งปลื้มปีติมากขึ้น

พระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า สมเด็จพระสังฆราชกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติต่อประชาชนที่มาสักการะด้วยความสุภาพเรียบร้อย ห้ามใช้คำหยาบคายต่อประชาชนเด็ดขาด และอยากให้พุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาได้เข้าสักการะทุกคน นอกจากนี้ยังมีพระประสงค์ให้ประชาชนนำเพียงดอกไม้พวงมาลัย ผ้าไตร มาสักการะเท่านั้น ส่วนอาหารให้นำมาถวายได้ก่อนเพล โดยพระองค์จะไม่รับปัจจัยเด็ดขาด

ทั้งนี้ทางวัดจัดให้พุทธศาสนิกชนเฝ้าถวายสักการะ 2 รอบ รอบเช้าเวลา 09.00-10.30 น. เเละรอบบ่ายเวลา 14.00-16.00 น. โดยจัดแบ่งให้เฝ้าครั้งละ 10 คน และจะเปิดให้เฝ้าถวายสักการะไปจนถึงวันที่ 15 ก.พ. หลังจากนั้นหากมีคณะหรือองค์กรใดจะเข้าถวายสักการะ จะจัดเวลาให้ตามสมควร แต่ควรมาหลังเวลา 14.00 น. ส่วนหน่วยงานราชการที่มาเป็นหมู่คณะจะต้องลงทะเบียนเพื่อเฝ้าสักการะตามลำดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสืบเนื่องจากวันแรกนี้มีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาเฝ้าสักการะสมเด็จพระสังฆราชคับคั่งจนแน่นวัด เจ้าหน้าที่วัดจึงเตรียมจัดทำบัตรคิวการเข้าสักการะในวันต่อไปเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมกันนี้ได้ปั๊มตราประทับที่หลังมือของทุกคนเพื่อป้องกันการเวียนเฝ้าถวายสักการะซ้ำ ภายในวัดยังตั้งโรงทานเพื่อแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้ประชาชนด้วย

ด้านศิษยานุศิษย์จัดเตรียมเหรียญตราสัญลักษณ์สมเด็จพระสังฆราช “ออป” จำนวน 10,000 เหรียญ พร้อมหนังสือทิศ 6 และ สังคหวัตถุ 4 พระนิพนธ์ในสมเด็จพระสังฆราช เมื่อครั้งทรงเป็นพระมหาวาสน์ และพระจุลคณิศร ได้รับพระราชทานรางวัลที่ 1 ในการประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก พระราชพิธีวิสาขบูชา พ.ศ.2474 และ พ.ศ.2483 หนังสือสมเด็จ พระสังฆราชเจ้าและสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธฯ และหนังสือพระประวัติสมเด็จ พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ รวม 10,000 ชุด เพื่อแจกจ่ายประชาชน

เวลา 15.00 น. ประชาชนยังคงทยอยเข้าถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชเนืองแน่น แถวยาวจากถนนอัษฎางค์ (เลียบคลองหลอด) ผ่านหน้าวัดราชบพิธฯ ไปถึงถนนเฟื่องนคร แล้วย้อนกลับเข้าประตูวัดต่อไปยังพระอุโบสถ ในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่เปิดให้เข้า สักการะเวลา 14.00-17.00 น. แต่ประชาชนยังคงเดินทางมาไม่ขาดสายโดยไม่สามารถเข้าสักการะได้หมดทุกคน

เวลา 15.59 น. ทางวัดประกาศเครื่องกระจายเสียง ขอให้ประชาชนที่อยู่ภายในวัดเงียบสงบและนั่งให้เรียบร้อย เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชจะเสด็จออกประทับด้านหน้าพระอุโบสถ เพื่อประทานพระโอวาทแก่พุทธศาสนิกชนที่มารอเฝ้าสักการะ

จากนั้นเวลา 16.08 น. สมเด็จพระสังฆราชเสด็จออกด้านหน้าพระอุโบสถประทับพระอาสน์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชื่นชมพระบารมี ก่อนประทานพระโอวาทเป็นครั้งแรก ความว่า “ขออำนวยพรแก่สาธุชนทุกคนที่ได้มีศรัทธาและมาประชุมพร้อมกันด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยกุศล ท่านทั้งหลายได้มาในวันนี้เพื่อมาอำนวยพรหรือมาแสดงมุทิตาแก่อาตมาที่ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ขออนุโมทนาสาธุการ ขอบใจ อุบาสก อุบาสิกาทุกท่าน ท่านทั้งหลายมีธรรม ความดีความงามประจำใจอยู่ และขอให้รักษาความดีความงามที่มีให้คงอยู่ตลอดไป ท่านทั้งหลายเป็นอุบาสก อุบาสิกา เพราะฉะนั้นขอให้รักษาจิตใจที่เลื่อมใสศรัทธาในพระรัตนตรัยให้คงที่ไว้ หลักธรรมสำคัญ 3 ข้อที่พระพุทธองค์ทรงสอนและขอให้ยึดถือเป็นประจำ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา คือทำกาย วาจา ใจให้เป็นปกติ นึกถึงสภาวะธรรมที่ว่างเป็นปกติ มีสมาธิ ปัญญาก็เกิดขึ้นตามลำดับ ฉะนั้นขอให้นึกถึงหลักธรรมที่พระพุทธองค์ได้สอนเราไว้ 3 ข้อง่ายๆ ทุกคนก็จะมีความสุขใจ

อนึ่ง ในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้ทรงสร้างวัดราชบพิธฯ ในสมัยของพระองค์ มีภาษิตอยู่บทหนึ่ง ซึ่งอาตมาขอมอบภาษิต “สัพเพสัง สังฆะภูตานัง สามัคคี วุฑฒิ สาธิกา ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้สำเร็จ” ให้รักษาคำนี้ไว้และนำไปปฏิบัติ เพราะความพร้อมเพรียงนำความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้ ขณะนี้ประเทศเรากำลังต้องการการพัฒนา ขอให้ท่านนึกถึงสุภาษิตนี้รวมถึงศีลทั้ง 3 ข้อ หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจและยึดถือศีล สมาธิ ปัญญา มีความสามัคคี เท่านี้ประเทศชาติของเราก็จะเจริญรุ่งเรือง”

จากนั้นเวลา 16.27 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จออกทางประตูด้านหน้าพระอุโบสถ วนซ้าย ฝั่งกระทรวงมหาดไทย และเสด็จกลับเข้ามาอีกครั้ง เพื่อสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ก่อนเสด็จกลับพระตำหนักอรุณ โดยมีพุทธศาสนิกชนเฝ้าส่งเสด็จอย่างเนืองแน่นตลอดเส้นทาง

พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าใน วันที่ 14 ก.พ.นี้ เวลา 08.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะนำคสช.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งหมดเข้าเฝ้าถวาย สักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

“เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายกฯ สั่งการให้ครม.และคสช.เตรียมตัวให้พร้อม เพราะไม่อยากเป็นการรบกวนสมเด็จพระสังฆราช จึงต้องการให้ทั้งครม.และคสช.เข้าเฝ้าถวายสักการะทั้งคณะรอบเดียวกันเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของนายกรัฐมนตรีรวมถึง ครม.และคสช.ด้วย” พ.อ.หญิงทักษดากล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน