รู้แล้วรีบบอกต่อเลย! สะเดา สมุนไพร ผักพื้นบ้านต้านโรคมะเร็ง ประธานศูนย์ข้อมูลยาฯ เผยเพิ่มภูมิคุ้มกัน-ต้านอนุมูลอิสระสูง แนะนำเมนูเด็ดกับผักพื้นบ้านช่วยต้านโรค

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นพ.สรรพงศ์ ฤทธิรักษา ประธานศูนย์ข้อมูลยาสมุนไพรการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันมะเร็งโลก ในปัจจุบันประชาคมโลกให้ความสำคัญกับโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้น เพราะถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนควรทำความรู้จัก โรคมะเร็ง เป็นโรคที่ใช้ระยะเวลานานหลายปีในการก่อให้เกิดโรค

นพ.สรรพงศ์ กล่าวต่อว่า โดยมีสาเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น การได้รับรังสี อิออนไนซ์ สารเคมีที่เป็นพิษ อาหารและน้ำดื่ม รวมถึงพันธุกรรม วิถีการดำเนินชีวิต และสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทย พบว่ามีแนวโน้มอัตราป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี และกว่าร้อยละ 70 เกิดจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ

“ดังนั้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันภาวะการเกิดโรคดังกล่าว โดยใช้หลักทางธรรมชาติ การบริโภคอาหารในชีวิตประจำวันของมนุษย์ด้วยผักพื้นบ้านต้านโรค จึงขอแนะนำผักพื้นบ้านริมรั้วที่มีสรรพคุณช่วยต้านโรคมะเร็ง เช่น สะเดา มะระขี้นก ขี้เหล็ก ย่านาง ตำลึง บัวบก ดอกแค มะรุม ขมิ้นชัน ฟักข้าว กระชาย ฯลฯ ซึ่งผักเหล่านี้เป็นพืชสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ต้านการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยปรุงเป็นอาหาร” นพ.สรรพงศ์ กล่าว

นพ.สรรพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเมนูที่แนะนำในช่วงฤดูกาลนี้คือ สะเดาลวกจิ้มน้ำพริก สะเดาน้ำปลาหวาน เนื่องจากช่วงนี้สะเดาออกผลผลิตมามากมีขายในตลาดทุกท้องที่ สะเดามีวิตามินและสารสำคัญต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีสรรพคุณแก้ไข้ เจริญอาหาร ลดการอักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยต้านมะเร็ง

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นพ.สรรพงศ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับวิธีการลวกสะเดาตามภูมิปัญญาพื้นบ้านทำได้ง่ายๆ คือ ลวกในน้ำเดือดหรือน้ำข้าวร้อนๆ ประมาณ 1 นาที เพื่อลดความขม หากต้องการเก็บสะเดาไว้รับประทานนานๆ ให้นำสะเดาที่ลวกไปตากแดดให้แห้งสนิท เก็บไว้ในภาชนะที่สะอาดและโปร่งแสง เมื่อต้องการจะรับประทานก็นำมาลวกน้ำร้อนอีกครั้ง

“นอกจากเมนูอาหารจากสะเดาช่วยต้านมะเร็งแล้ว ยังมีเมนูจากผักพื้นบ้านอื่นๆ ที่ช่วยได้ เช่น แกงขี้เหล็ก มะระขี้นกผัดไข่ แกงส้มดอกแค แกงส้มมะรุม แกงจืดตำลึง ฯลฯ นอกจากนี้ก็ควรที่จะออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ ช่วงนี้แนะนำให้ ออกกำลังกายภายในบ้านด้วยท่ากายบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตน สามารถศึกษาวิธีการได้ที่เว็บไซต์กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และควรทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียด เช่น การสวดมนต์ ทำสมาธิ ฟังเพลง เป็นต้น ช่วยให้จิตใจเบิกบาน” นพ.สรรพงศ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน