แพทย์แผนไทย ชี้ เหตุคนท้องนวดเสี่ยง เผยท่านวดที่ทำให้ถึงขั้นแท้ง!
จากกรณี สาวท้อง 6 เดือน ช็อกคาร้านนวด ทำให้แท้งลูก ส่วนตัวเองยังอาการสาหัสนั้น เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองโฆษกกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดของการนวด ว่า ทำอย่างไรบ้าง หากเป็นการกดจุดฝ่าเท้าจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่หากเป็นการเค้นน่อง เป็นเรื่องน่ากังวล เพราะผู้หญิงท้อง มดลูกจะใหญ่ขึ้น กดเส้นเลือดที่อยู่ในท้อง ซึ่งมีเส้นเลือดที่ต่อมายังน่อง ขา อาจมีเลือดตกค้างเดินไม่สะดวก ทำให้เกิดลิ่มเลือดขึ้นในเส้นเลือด หากนวดเค้นมากๆ ลิ่มเลือดจะวิ่งไปตามเส้นเลือด อุดปอด หรือ สมองได้ ขณะนี้กำลังประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพื่อขอข้อมูลเพิ่ม
“ต้องไปดูก่อนว่า ร้านนวดที่ไปรับบริการเป็นร้านนวดที่ขออนุญาตเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และเกี่ยวกับบุคลากร หรือหมอนวด เป็นผู้ที่ผ่านการอบรมตามมาตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เพราะปกติสถานประกอบการที่เป็นร้านนวด หมอนวดต้องผ่านการอบรมหลักสูตรอย่างน้อย 150 ชั่วโมง ซึ่งก็ต้องไปสืบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ดังนั้น ในรายละเอียดเกี่ยวกับร้านนวดอาจต้องรบกวนสอบถามทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เพราะดูแลโดยตรง” นพ.ขวัญชัย กล่าว
นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า ข้อแนะนำสำหรับพี่น้องประชาชนในการตัดสินใจเลือกการนวดนั้น จะมีคำถามว่า ผู้ที่เป็นหญิงตั้งครรภ์จะนวดได้หรือไม่ นวดได้ เพียงแต่ต้องเลือก เพราะเมื่อท้อง ร่างกายเราเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง และหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเสี่ยง ที่กระทบกระเทือนต่อสุขภาพได้ จึงต้องเลือกอย่างเหมาะสม
ดังนั้น หากอายุครรภ์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึง 3 เดือน ไม่ควรนวด เพราะการนวดจะกระตุ้นให้แท้งลูกได้ เพราะจะกระตุ้นให้มดลูกรัดตัว เสี่ยงแท้งลูกได้ ดังนั้น ช่วง 3 เดือนแรกต้องยกเว้นอย่านวด แต่หากเกิดอาการเจ็บป่วยและจำเป็นต้องนวดจริงๆ ต้องไปนวดกับหมอแผนไทย อย่านวดตามร้านทั่วไป
ส่วนอายุครรภ์ 6 เดือนขึ้นไป มดลูกจะไปกดเส้นเลือดดำ เส้นเลือดแดงไปกดในท้อง ในลำไส้ ก็ไม่ควรไปนวดร้านนวดทั่วไปเช่นกัน หากจำเป็นก็ต้องเป็นหมอแผนไทยมีการร่ำเรียนมา 800 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย จึงอยากฝากเตือนหญิงตั้งครรภ์ ปัจจุบันมีร้านนวดเพื่อการผ่อนคลาย จะดูแลโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะมีกฎหมายเฉพาะ ต้องมาขออนุญาตขึ้นทะเบียน ควรติดใบอนุญาตให้สังเกตได้
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ช่วงก่อน 3 เดือน และ 6 เดือนขึ้นไปไม่ควรนวด แต่ระหว่างนั้น คือ ช่วง 3 เดือนถึง 6 เดือนอาจนวดได้ แต่ก็ย้ำว่าต้องไปนวดกับแพทย์แผนไทยที่ผ่านการอบรมเท่านั้น” นพ.ขวัญชัย กล่าว
รองโฆษกกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการนวดกล่อมท้อง ก็มีการทำในสมัยโบราณ เพื่อให้เด็กในครรภ์อยู่ในท่าที่เหมาะที่จะคลอด ซึ่งผู้ทำต้องเป็นหมอพื้นบ้าน ที่ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมการแพทย์แผนไทยฯเท่านั้น จึงจะทำได้ แต่ประเด็นการนวดกล่อมท้องคนละประเด็นกับเคสที่เกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ เพราะเคสเชียงใหม่เขาไปนวดฝ่าเท้า ที่สำคัญการนวดกล่อมท้องก็ไม่ค่อยมีกันมาก เพราะคนทำต้องเชี่ยวชาญกันจริงๆ และมีใบประกอบวิชาชีพ
นพ.ขวัญชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การนวดไทย เป็นองค์ความรู้จากบรรพบุรุษของเรา ใช้องค์ความรู้มาเป็นพันๆ ปี ปรากฏในเอกสารกฎหมายตราสามดวง มีตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีกรมนวดฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา เสนาบดีดูแลกรมนวดมีศักดินาสูง เห็นได้ว่า ในสมัยโบราณก็มีการใช้การนวดไทยในการดูแลสุขภาพของคนไทยมาแต่โบราณแล้ว ซึ่งการนวดไทยจะเป็นการบำบัดรักษาโดยพื้นฐานของเส้นประธานสิบ เป็นเส้นทางเดินของพลังงาน หรือเส้นทางเดินของเลือดและลม เป็นการแก้ไขปัญหาการอุดตัน การเดินไม่สะดวกของลม
ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นหมอนวดจะทำการบำบัดรักษาได้ ต้องมาเรียนรู้ บนพื้นฐานเส้นประธานสิบ ซึ่งเรามีหลักสูตรเบื้องต้นคือ 150 ชั่วโมง ซึ่งร้านนวดทั้งหลายต้องผ่านหลักสูตรนี้เป็นอย่างน้อย ก็จะเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลาย ถัดขึ้นไปจะเป็นการนวดเพื่อบำบัดอาการ 20 กลุ่มอาการ 330 ชั่วโมงขึ้นไป และถัดขึ้นไปเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นแพทย์แผนไทยต้องอบรมอย่างน้อย 800 ชั่วโมง และยังมีหลักสูตรต่อยอดขึ้นไปอีก 1.300 ชั่วโมง เรียกว่าเป็นปริญญาเอก ดังนั้นการนวดจึงเป็นเรื่องที่ต้องอบรม ต้องผ่านการรับรอง ซึ่งมีทั้งประโยชน์ และมีความเสี่ยง หากทำโดยคนไม่มีความรู้ก็จะเสี่ยงอันตรายได้