หมอสุภัทร ชี้มารดาประชารัฐ ใช้งบบาน สร้างหนี้ยาว ติงนโยบายหายนะเอาภาษีมาซื้อเสียง

หลัง นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาเปิดเผยนโยบายเด่นของพรรคที่ใช้ในการหาเสียงช่วงนี้ว่า ผ่านโครงการ “มารดาประชารัฐ” อนาคตเด็กไทย จากแม่สู่ลูก นโยบายดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐได้ให้ความสำคัญกับอนาคตของเด็กไทย โดยจะดูแลตั้งแต่มารดาตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอด และจะดูแลต่อไปจนถึงอายุ 6 ขวบ

เพราะจากการวิจัยพบว่า ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเจริญเติบโตของเด็ก คือตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึง 6 ปีแรก ถ้าช่วงเวลานี้เราดูแลเขาอย่างดี เขาจะเติบโตและมีพัฒนาการที่ดี

“มารดาประชารัฐ” จะดูแลตั้งแต่คุณแม่ฝากครรภ์ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 9 เดือน รวมสูงสุด 27,000 บาท ค่าคลอดจำนวน 10,000 บาท หลังจากนั้นจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กอีกเดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่เกิดจนมีอายุครบ 6 ปี เป็นจำนวนเงินรวมสูงสุด 144,000 บาท รวมตั้งแต่ตั้งครรภ์จนเติบโตอายุถึง 6 ขวบ จะเป็นเงิน 181,000 บาทต่อเด็ก 1 คน

ต่อกรณีดังกล่าว นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ซึ่งอีกบทบาทหนึ่งนั้นเป็นนักเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม และพลังงาน โพสต์วิพากษ์วิจารณ์นโยบายมารดา ประชารัฐ ของพรรคพลังประชารัฐ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ความว่า นโยบาย “มารดาประชารัฐ” โดนใจผมมาก มากจนอดที่จะวิพากษ์ไม่ได้

การแข่งกันด้วยนโยบายเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เห็นวิสัยทัศน์และแนวคิดของพรรคนั้นๆ พรรคพลังประชารัฐเสนอนโยบาย “มารดาประชารัฐ” ฟังหลักการเหมือนดูดี ดูแลเด็กทุกคนตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนอายุ 6 ปี ให้เงินค่าดูแลรวม 6 ปีคนละ 181,000 บาท

ผมค้นข้อมูล พบว่าปี 2561 ข้อมูล สธ.ระบุว่ามีเด็กเกิด 702,775 คน คิดง่ายๆว่าปัจจุบันมีเด็กเกิดใหม่ปีละ 7 แสนคน นโยบายนี้จ่ายค่าดูแลเด็กที่เกิดมารวมคนละ 181,000 บาท ดังนั้นเมื่อคูณเลขตามจำนวนเด็กเกิดทุกปี ในแต่ละปีจะผูกพันงบปีละถึง 126,000 ล้านบาท คูณเลขออกมาแล้วมันน่าตกใจครับ พรรคพลังประชารัฐลองคูณเลขดูกันบ้างก่อนปล่อยนโยบายนี้หรือเปล่าผมไม่แน่ใจ

เกาะติดข่าวการเมืองข่าวเลือกตั้ง แค่กดเป็นเพื่อนกับไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เงินแสนสองหมื่นล้านบาทไม่ใช่น้อยนะครับ งบหลักประกันสุขภาพที่ดูแลความเจ็บป่วยคนไทย 47 ล้านคน ที่นายกตู่บ่นนักบ่นหนาว่าเป็นภาระ ใช้เงินปีละ 180,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าคุ้มมาก แต่ก็เห็นอคติบ่นตลอดเมื่อมีโอกาส

ที่สำคัญนโยบายประชานิยมเช่นนี้ แม้จะยุบสภาไปแล้วแต่ภาระการดูแลยังจะตามหลอกหลอนงบรัฐตามพันธะสัญญาที่รัฐให้ไว้ไปถึงอีก 6 ปี

นโยบายหายนะเช่นนี้ไม่ใช่นโยบายรัฐสวัสดิการ แต่คือการผลาญภาษีรัฐ เอาภาษีรัฐมาซื้อเสียงครับ

อ่านต้นฉบับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน