ยังไม่พบ “พระธัมมชโย” วันนี้ 8 โมงเช้าดีเอสไอ ตร.ลุยค้นต่อวัดพระธรรมกาย ทั้งอาคารสงฆ์ ที่พักฆราวาส มหาธรรมกายเจดีย์ เผยผลปฏิบัติการตรวจค้นวันแรก เป็นที่น่าพอใจ ไม่มีการกระทบกระทั่ง กลุ่มลูกศิษย์ทั้งพระและฆราวาสอยู่ในวัดราว 5 พันคน ก็ไม่ยุยงปลุกปั่น หรือขัดขวาง แต่ทางการข่าวเชื่อพระธัมมชโยยังอยู่ในวัด ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 4 พันนาย ยังคงตรึงกำลังในจุดที่ ตรวจค้น พร้อมกำลังทหารตั้งด่านดูแล รอบนอก ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าพื้นที่ควบคุม ขณะที่คนในที่ไม่เกี่ยวข้องก็ขอให้ออกมา

นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 5/2560 เรื่องมาตรการให้อํานาจกําหนดพื้นที่ควบคุม เพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพในการบังคับใช้กฎหมาย โดยกำหนดให้วัดพระธรรมกาย ตลอดจนพื้นที่โดยรอบวัดเป็นพื้นที่ควบคุม เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้น และจับกุมพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) อดีตเจ้าอาวาสวัด พระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ปราบจลาจล 20 กองร้อย กว่า 3,000 นาย คาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 3 วัน

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่าตลอดทั้งคืนวันที่ 15 ก.พ. ศิษย์วัดพระธรรมกายทยอย เดินทางเข้ามาภายในวัด ส่วนด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารตั้งด่านตรวจเข้มตลอดทั้งคืน สกัดกั้นศิษย์จะเพิ่มจำนวนคนเข้ามาภายในวัด เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น ขณะที่วัดพระธรรมกายปิดประตูทุกประตู มีเพียงประตู 5 และประตู 6 ที่ลูกศิษย์เข้าออก

เวลา 02.00 น. วันที่ 16 ก.พ. มีกำลังทหารกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ตั้งจุดตรวจสกัดเส้นทางเข้าออกวัดทุกเส้นทาง ตรวจค้นรถทุกคันเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันผู้ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ และยังเป็นการป้องกันไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในวัด ยกเว้นแต่ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มทยอยเดินทางมาที่ สภ. คลองหลวง อีกส่วนหนึ่งเดินทางไปยัง บก.ตชด.ภาค 1 ทั้งหมดเป็นกำลังที่มาจาก บช.ภาค 1 บช.ภาค 7 และกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.) และหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด

ต่อมาเวลา 06.30 น. ตำรวจตรึงกำลังหน้าประตู 5 และ 6 ห้ามมิให้บุคคลเข้าพื้นที่ แต่อย่างใด พร้อมทั้งนำป้ายประกาศข้อกฎหมายและฐานความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคสช. มาตั้งให้ประชาชนที่อยู่ภายในรับทราบ ทำให้ลูกศิษย์ไม่พอใจ เพราะไม่สามารถเข้าไปภายในได้ ระหว่างนั้นมีลูกศิษย์วัดสวมหมวก ใช้ผ้าคลุมปิดบังอำพรางใบหน้าออกมาสังเกตการณ์ พร้อมทั้งถ่ายรูปการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ภายในวัดด้านหลังประตู 6 มีกลุ่มพระสงฆ์และลูกศิษย์สวดมนต์อยู่ตลอดเวลา และระหว่างนั้น มีลูกศิษย์วัดส่วนหนึ่งไม่พอใจ และโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ

เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจ และทหารชุดควบคุมฝูงชนปิดล้อมวัดทั้งหมด 7 จุด ไม่อนุญาตให้เข้าภายในวัด อีกทั้งปิดกั้นถนนเลียบคลองแอน ระหว่างคลองสองและคลองสาม เป็นทางเข้าประตู 5 และ 6 ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ เดินทางมาที่ประตู 7 เจรจากับพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัด พระธรรมกาย หลังจากนั้นพระสนิทวงศ์เชิญเข้าไปเจรจาในที่สำนักงานตรงประตู 7 ส่วนประตู 5 พระสงฆ์ที่ออกไปบิณฑบาต ด้านนอก และพยายามจะเข้าไปในวัด แต่ เจ้าหน้าที่ไม่ยอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 ก.พ. พนักงานสอบสวน กก.2. ป. ได้รับการประสานจาก สภ.คลองหลวง ว่านายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ขอเข้ามอบตัวตามหมาย จับของศาลจังหวัดปทุมธานี ในคดีหมิ่นประมาทผู้อื่น และกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

ภายหลังรับแจ้ง พนักงานสอบสวนกองปราบฯ เดินทางไป สภ.คลองหลวง อายัดตัวนายองอาจไว้ดำเนินคดี ตามที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ศรสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รอง สว.สอบสวน กก.2 ป. หลังจากนั้นนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อให้พิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามไปสร้างความวุ่นวาย หรือยุยงปลุกปั่นอีก หลังทำข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อย จึงอนุญาตปล่อยตัวนายองอาจได้

ส่วนที่ดีเอสไอ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะ เวช ผบช.ภาค 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ และ พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ ร่วมแถลงการลงพื้นที่ปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมพระธัมมชโย

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่าที่ผ่านมาเชิญ พระธัมมชโยให้เข้ามอบตัว แต่สุดท้ายก็เลื่อนหลายครั้ง กระทั่งออกหมายเรียก ครั้งแรกอ้างว่าเรื่องติดกิจสงฆ์ ครั้งที่ 2 อ้างเรื่องอาพาธ จึงนำเรื่องสู่ศาลจนนำไปสู่การออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ก็ให้โอกาสว่าหากมอบตัวจะให้ประกัน แต่ก็ไม่มาพบ ดีเอสไอจึงขอหมายค้น แต่มีลูกศิษย์ขัดขวางการทำหน้าที่ และก็ขอหมายค้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงรายงานนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม และจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ คำสั่งหัวหน้าคสช. เพื่อใช้มาตรา 44 ในการดำเนินคดีนี้

ส่วนพล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่าในการตรวจค้นจะทำจนกว่าจะได้ตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้าหมายศาลหมดอายุก็ยังมีมาตรา 44 สามารถดำเนินการได้

ขณะที่ พ.ต.ท.กฤษณะกล่าวถึงการดำเนินคดีพระธัมมชโยในส่วนของตำรวจว่า ดำเนินคดีวัดพระธรรมกายไปแล้ว 300 กว่าคดี แยกเป็น 10 กลุ่มกว่าคดี อยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จ.ตาก จ.เลย และจ.พังงา เป็นคดีประเภทบุกรุกที่ดิน และเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยร้อยละ 70 ของจำนวนคดี เป็นการดำเนินคดีกับ พระธัมมชโย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการกับพระธัมมชโยอย่างไร พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่จะปิดพื้นที่วัดพระธรรมกาย และกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ออกจากพื้นที่ควบคุม จากนั้นจะแสดงหมายค้นและขอเข้าตรวจค้น ขอความอนุเคราะห์ไปพระสงฆ์ และอุบาสกอุบาสิกาที่อยู่ภายในวัดว่าอย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ใครขัดขืนและขัดขวางการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่จะมีความผิดตามกฎหมาย เมื่อตรวจค้นแล้วทางเราจะพิสูจน์ทราบว่าพระธัมมชโยอยู่ภายในวัดหรือไม่ ถ้าอยู่ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย จะเริ่มใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก จะเจรจาก่อน แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่

ต่อข้อถามว่าหากวันนี้ยังไม่สามารถ เข้าค้นวัดและจับกุมพระธัมมชโยได้ จะทำอย่างนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ อธิบดี ดีเอสไอกล่าวว่าใช่ จะทำต่อเนื่อง โดยคำสั่ง คสช. สามารถให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติได้อย่าง ต่อเนื่อง จนกว่าจะแล้วเสร็จ เข้าตรวจค้นได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน และขออภัยประชาชนในความไม่สะดวกเรื่องการจราจรรอบวัดด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องตรวจค้นทุกอาคารภายในวัด หรือเฉพาะเป้าหมาย พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่าจะเอาจุดที่คาดว่าจะอยู่ก่อน เป็นพื้นที่ 196 ไร่ หลีกเลี่ยงความรุนแรง การตรวจค้นในครั้งนี้ปราศจากอาวุธ ทางการข่าวยังระบุว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัด แต่จะพิสูจน์ทราบก็ต่อเมื่อเข้าไปตรวจค้นตามอาคารต่างๆ เรียบร้อยแล้ว

พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวเสริมว่าต้องการให้คนที่อยู่ภายในวัดออกมา และบุคคลที่ ไม่เกี่ยวข้องก็ขอให้ออกมา หากไม่สามารถกลับภูมิลำเนา จะมีรถรับส่งให้ ที่ผ่านมาใช้กฎหมายปกติ แต่ก็มีปัญหา จึงจำเป็นต้องเสนอใช้กฎหมายพิเศษ โดยใช้กำลัง เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และดีเอสไอรวมกว่า 3,000 คน ในการปฏิบัติการครั้งนี้

ต่อข้อถามว่าประเมินเรื่องมือที่ 3 ไว้อย่างไร พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่ากังวลใจอยู่ การที่นำกำลังเจ้าหน้าที่มาจำนวนมากขนาดนี้ ก็เพราะกังวลใจเรื่องมือที่ 3 จะสร้างความวุ่นวายขึ้น และกำชับเจ้าหน้าที่ด้วยว่าไม่มีอาวุธ การปฏิบัติแต่ละขั้นตอนจะชี้แจง ข้อกฎหมายให้ทราบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวว่าเจ้าหน้าที่จะค่อยๆ ทำ ต้องพูดคุยกันให้ชัดเจน ไม่ได้ใช้กำลังเข้าไปบุกจับ ไม่ใช้ความรุนแรง หลักคือเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไป ในพื้นที่ให้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าพระธัมมชโย จะอยู่หรือไม่ แต่เมื่อมีหลายค้นแล้วก็ต้องดำเนินการ ขอให้ไว้วางใจเจ้าหน้าที่จะไม่สร้างความเสียหายต่อบ้านเมือง และความสูญเสียกับประชาชน

พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่ามอบหมายให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ไปดูแล เพราะเป็นเจ้าของเรื่องใช้ตำรวจสนับสนุน ทหารอยู่ภายนอก ไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ทหารจะดูเพื่อไม่ให้เกิดเหตุ นโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ คือไม่ให้เกิดความสูญเสีย หากไม่ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายก็จะถูกโจมตีทุกวัน รัฐบาลถูกกล่าวหาว่าไม่ทำอะไรเลย แต่เมื่อทำกลับถูกโจมตีว่าไปทำวัดพระธรรมกาย จึงต้องค่อยๆ ทำ และต้องไม่เกิดความสูญเสีย

จากนั้นเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ชาญเทพ ผบช.ภาค 1 พ.ต.อ.ไพสิฐ นำกำลังเจ้าหน้าที่ 3 กองร้อย เข้าตรวจค้นบริเวณประตู 8 วัดพระธรรมกาย เป็นประตูแรก และทยอย เข้าตรวจค้นอีกทุกประตู พร้อมเข้าเจรจากับตัวแทนวัด โดย พ.ต.อ.ไพสิฐเปิดเผยผลการเจรจาว่าในเบื้องต้นทางวัดยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น จะเริ่มจากบริเวณประตู 8 ถนนสีขาว ต.คลองสอง อ.คลอง หลวง จะเข้าค้นทุกพื้นที่ของวัด และค้น ทุกประตู จะทยอยเข้าจนกว่าจะค้นจนหมดทุกพื้นที่จนกว่าจะครบ 2,000 ไร่

ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ พล.ต.ท. ชาญเทพ และพล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภาค 1 เดินทางมาที่ประตู 1 เป็นประตูทางเข้าที่ใกล้กับที่พักพระธัมมชโยมากที่สุด พ.ต.อ.ไพสิฐเจรจากับตัวแทนวัด เพื่อขอเข้าไปตรวจค้น และขอให้นำกุญแจมาเปิดประตูให้ ผ่านไป 15 นาที ทางวัดยัง ไม่นำกุญแจมาเปิดให้ พ.ต.อ.ไพสิฐจึงสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่ตัดกุญแจประตู นำเจ้าหน้าที่ ไปตรวจค้นได้สำเร็จ โดยมีพระลูกวัดนำตรวจค้น

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่าบริเวณประตู 7 มีประชาชนอยู่พอสมควร จึงนำเจ้าหน้าที่มาบริเวณประตู 1 เนื่องจากมีคนสวดมนต์อยู่จำนวนหนึ่ง และยังประสานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเข้าตรวจค้นด้วย เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบบังคับของสิทธิมนุษยชน แสดงความบริสุทธิ์ใจในการค้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าตรวจค้นภายในวัด ประตู 1 นั้น เจ้าหน้าที่นำรถเครื่องขยายเสียง และกำลังเจ้าหน้าที่ 2 กองร้อย เข้าค้นภายในวัด โดยบริเวณประตูนี้มีลูกศิษย์นั่งสวดมนต์อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ประเมินว่าทั้งพระสงฆ์และลูกศิษย์ฆราวาส ที่อยู่ภายในบริเวณวัดทั้งหมด มีประมาณ 5,000 คน

เวลา 14.00 น. บริเวณประตู 5 และ 6 ฝั่งถนนเลียบคลองแอน 2-3 ลูกศิษย์ที่เป็น พระสงฆ์และฆราวาสกว่า 200 คนนั่งสวดมนต์ โดยมีตำรวจชุดควบคุมฝูงชนตั้งเต็นท์ปิดกั้นทั้ง 2 ประตู ไม่ให้เข้าไปภายในวัด ส่วนประตู 1 ถนนเลียบคลอง 3 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจยังคงเข้าตรวจค้นภายในบริเวณดังกล่าว มีพื้นที่ 198 ไร่ เป็นจุดใกล้กับกุฏิที่พักของพระธัมมชโยมากที่สุด อีกทั้งยังใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนตรวจสอบพื้นที่โดยรอบด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น มีลูกศิษย์วัดบางส่วนเดินตาม ไปด้วย แต่ไม่ได้ขัดขวางการตรวจค้นแต่อย่างใด บรรยากาศโดยรวมเป็นไปในทาง ที่ดี การตรวจค้นในเบื้องต้นยังไม่พบพระธัมมชโยแต่อย่างใด ที่บริเวณกุฏิสงฆ์มีการก่อสร้างกำแพงสังกะสี 2 ชั้น มีพระสงฆ์ตั้งแถวกีดขวาง และยืนสวดมนต์อยู่ตลอดเวลา กระทบกระทั่งกันเล็กน้อย แต่หลังจากเจรจากันแล้ว จึงยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นต่อไป กระทั่งเวลา 16.00 น. การตรวจค้นเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากวัด

จากนั้นเวลา 17.30 น. ที่สภ.คลองหลวง พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ รองโฆษกดีเอสไอ และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ ร่วมแถลงผลการตรวจค้น โดยพ.ต.ต.วรณัณกล่าวว่า การตรวจค้นใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ และทหารรวม 4,240 นาย ใช้มาตรการ จากเบาไปหาหนัก เริ่มตรวจค้นตั้งแต่เวลา 10.00 น. โดยพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พ.ต.อ.ไพสิฐ พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชาญเทพ และพ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะผบ.เหตุการณ์ เข้าเจรจากับตัวแทนวัดพระธรรมกาย

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า การตรวจค้น แบ่งพื้นที่เป็น 3 จุดคือ โซนเอเป็นพื้นที่วัด 196 ไร่ เป็นพื้นที่สำคัญที่เชื่อว่าพระธัมมชโยพักอาศัยอยู่ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นทั้งหมดแล้ว และไม่พบพระธัมมชโย ส่วนพื้นที่ โซนบีเป็นพื้นที่ของมูลนิธิต่างๆ ของวัด เช่น อาคาร 100 ปี อาคารอุบาสก และอาคารสงฆ์ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตรวจค้น จะตรวจค้นในวันที่ 17 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 08.00 น. และโซนซีเป็นอาคารมหาธรรมกายเจดีย์ และอาคารรัตนวิหารคต

รองโฆษกดีเอสไอกล่าวต่อว่า วันนี้ ตรวจค้น 15-20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด อีก 80 เปอร์เซ็นต์ยังระบุเวลาไม่ได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ เพราะหมายค้นยังมีเวลาอีกหลายวัน ส่วนการตรวจค้นในวันนี้ไม่มีการ กระทบกระทั่ง หรือยุยงปลุกปั่น ขัดขวางเจ้าหน้าที่ และพระธัมมชโยจะยังอยู่ในวัดหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องตรวจค้นให้แล้วเสร็จก่อน แต่จากการข่าวยังเชื่อว่า อยู่ในวัด และยังตรึงกำลังเจ้าหน้าที่บางส่วนไว้รอบวัด

“เจ้าหน้าที่สามารถตรวจค้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่กำชับสั่งการว่าในเวลากลางคืนให้เจ้าหน้าที่ตั้งที่พักในพื้นที่วัด จะให้สับเปลี่ยนกำลังตลอด หลีกเลี่ยงเข้าตรวจค้น ในพื้นที่ในช่วงเวลากลางคืน เพราะจะมีความเสี่ยงหากมือที่สามเข้ามาแทรกแซง การเข้าตรวจค้นถือว่าไม่เสียหน้า เพราะดำเนินการตามกฎหมาย อีกทั้งเราไม่ได้เป็นคู่ ขัดแย้งกับวัด ผลตรวจค้นวันนี้เป็นที่น่าพอใจ” รองโฆษกดีเอสไอกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเข้าตรวจค้นบริเวณกุฏิดาวดึงส์ พบลักษณะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยบ้างหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เก็บร่องรอยหลักฐานเป็นภาพถ่ายทั้งหมดไว้แล้ว ผลการตรวจค้นเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และจากการตรวจค้นยังไม่พบความรุนแรงในพื้นที่ ถึงขั้นที่จะต้องยกระดับความเข้มข้น แต่หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

รายงานข่าวแจ้งว่า มีการโพสต์เผยแพร่ภาพในสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่าเป็นภาพนาทีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอบุกเข้าไปตรวจค้นในห้องพักรักษาตัวของพระธัมมชโย อยู่ในกุฏิดาวดึงส์ โดยภายในห้องดังกล่าวมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ เตียงคนไข้ บนเตียงห่มคลุมด้วยจีวร ดูแล้วลักษณะเหมือนพระสงฆ์อาพาธนอนรักษาตัวอยู่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ เปิดจีวรคลุมออก ปรากฏว่าเป็นเพียงหมอน ผ้าห่มที่นำมาจัดวางไว้เหมือนลักษณะ คนนอน ไม่ใช่พระธัมมชโยแต่อย่างใด

เข้าค้น- ตำรวจเข้าตรวจค้นจุดที่คาดว่าจะเป็นที่พักพระเทพญาณมหามุนีภายในวัด พระธรรมกาย ท่ามกลางพระภิกษุสามเณรร่วมสังเกตการณ์ แต่จากการตรวจค้นรวม 19 จุด ไม่พบพระธัมมชโยแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 16 ก.พ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน