สลดเขาใหญ่ หมีควายร่วงเฮลิคอป เตอร์โหม่งพื้นตายคาที่ หลังออกจากป่าไปรบกวนชาวบ้านถูกจับมารักษาเมื่อปีที่แล้ว ก่อนถึงกำหนดพากลับเข้าป่า จนท.ฉีดยาสลบจับใส่ตาข่ายห้อยเฮลิคอปเตอร์พาขึ้นบิน คาดระหว่างทางฟื้นจากยาสลบ ก่อนดิ้นจนร่วงสู่พื้นด้านล่าง ยังไม่ชัดดิ้นจนตาข่ายขาด หรือจนท.ตัดตาข่ายเพื่อป้องกันเฮลิคอปเตอร์ตก เผยหลังเกิดเหตุชุดเดินเท้าเข้าหาซาก ก่อนพบร่างแหลกแล้วเผาทำลาย อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวน

วันที่ 25 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่าเกิดอุบัติเหตุหมีควายวัยรุ่น น้ำหนัก 80 กิโลกรัม ร่วงลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่พร้อมสัตวแพทย์ลำเลียงเอาไปปล่อยในป่า ภายหลังจากนำตัวมารักษาอาการบาดเจ็บจนหายแล้ว

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามรายละเอียดเรื่องนี้ไปยังผู้เกี่ยวข้อง แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยทุกคนได้แต่บอกว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุที่คาดการณ์ไม่ถึง ไม่มีใครต้องการให้หมีตาย หากเป็นข่าวเผยแพร่ออกไปเกรงว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเสียกำลังใจ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับผู้บริหารระดับสูงของ ทส.คนหนึ่งให้ รายละเอียดว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่าเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบลูกหมีควายตัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงนำมารักษาอาการบาดเจ็บจนหายเป็นปกติและจะส่งลูกหมีตัวดังกล่าวกลับคืนสู่ป่าดังเดิม

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า วิธีการส่งสัตว์สู่ป่าปกติก็น่าจะใช้วิธีเอาใส่รถแล้วนำไปปล่อย ซึ่งก็ไม่น่าจะลำบากอะไร แต่ครั้งนี้ทราบว่า เจ้าหน้าที่พร้อมสัตวแพทย์นำหมีควายตัว ดังกล่าวใส่เชือกตาข่าย แล้วผูกห้อยไปกับเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งก่อนนำขึ้นไปนั้นสัตวแพทย์ได้ฉีดยาสลบ เพื่อป้องกันไม่ให้หมีเกิดความ เครียด โดยยาสลบนั้นมีฤทธิ์ทำให้หมีหมดสติประมาณ 15 นาที ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในทางวิชาการแล้วหากจะให้ยาสลบที่ทำให้หมีหมดสตินานกว่านี้จะมีผลต่อสุขภาพหมีหรือไม่

“อย่างไรก็ตามระหว่างที่เฮลิคอปเตอร์บินไปไม่นาน และเครื่องลอยลำอยู่กลางอากาศนั้น ยาสลบที่ฉีดให้หมีเกิดหมดฤทธิ์และหมีได้ตื่นขึ้นมาด้วยอาการตกใจพร้อมกับดิ้นอยู่ใน ถุงตาข่ายนั้น เนื่องจากตัวหมีมีน้ำหนักมาก การดิ้นทำให้เฮลิคอปเตอร์แกว่งไปมา นักบินควบคุมเครื่องยากมาก แต่เหตุการณ์ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ที่ให้ข้อมูลมานั้นไม่แน่ใจว่าหมีดิ้นหนักจนเชือกตาข่ายขาดเอง หรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ตัดสินใจตัดเชือกที่ห้อยลูกหมีติดกับเครื่องเฮลิคอปเตอร์ให้ขาดลงมา จนเป็นเหตุให้หมีควายตัวดังกล่าวตกลงมากลางป่าตายคาที่ ทั้งนี้ คาดว่าหากไม่ตัดสินใจตัดเชือกที่ห้อยหมีทิ้งนักบินอาจจะบังคับเฮลิคอปเตอร์ ไม่ได้ อาจจะทำให้เฮลิคอปเตอร์ตก เสียชีวิตหมดทั้งลำก็ได้” แหล่งข่าวคนเดิมระบุ

แหล่งข่าวกล่าวต่ออีกว่า สำหรับหมีควายตัวนี้ก่อนที่จะนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้ติดวิทยุติดตามตัว เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาการดำรงชีวิตของหมีในป่าไว้ อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้เข้าไปเก็บซากหมีตัวดังกล่าวมาแล้วหรือยัง และไม่มีการรายงานเรื่องนี้อย่างเป็นทางการกับผู้บังคับบัญชาแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริง เรื่องนี้ไปยังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ที่ 1 ซึ่งยอมรับว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยระบุว่าไม่อยากทำให้คนที่ตั้งใจปฏิบัติงานเสียกำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากหมีตัวดังกล่าวตกลงไปในป่าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องตรวจหาสัญญาณและเดินเท้าเข้าไปในป่ากระทั่งพบซากหมีตัวดังกล่าว ในสภาพแหลกเหลวไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ จึงทำลายซากโดยการเผา พร้อมนำสัญญาณที่ติดตามตัวกลับคืนมาได้เท่านั้น

ด้านนายวิรัช จตุพนาพร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) กล่าวว่า เรื่องหมีควายที่เสียชีวิตดังกล่าว เป็นขั้นตอนในการทำงานของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ คือเมื่อวันที่ 30 พ.ย.59 หมีควายขนาดน้ำหนักประมาณ 80-90 กิโลกรัม ออกจากป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มารบกวนชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงจับตัวนำมาตรวจโรค และในวันที่ 11-12 ก.พ. เป็นขั้นตอนของการนำกลับคืนสู่ป่าลึกของอุทยานฯ พร้อมกับได้ติดสัญญาณคอร่า (สัญญาณดาวเทียม) ในการติดตามพฤติกรรมอาณาจักรที่อยู่อาศัย การดำรงชีวิตของหมีด้วย เพื่อเป็นประโยชน์ศึกษาทางวิชาการ

“แต่ในการที่จะขนย้ายหมีควายขนาดน้ำหนักกว่า 80-90 กิโลกรัม ไปในป่าลึกเป็นเรื่องลำบาก จึงเป็นเรื่องเศร้าในการทำงาน แม้จะปฏิบัติตามขั้นตอนก็ตาม ได้เกิดความ ผิดพลาดหมีตกใจตกลงมาจากเฮลิคอปเตอร์จนเสียชีวิตดังกล่าว หลังเกิดเหตุได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รายงานสู่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพราะเป็นเรื่องปกติในการขนย้ายสัตว์ป่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องที่ เกิดขึ้น” นายวิรัชกล่าว

นอกจากหมีตัวดังกล่าวแล้วยังมีอีกตัวหนึ่งที่ออกจากพื้นที่ป่าอุทยานฯ และได้จับนำมาตรวจโรครักษา พบว่ามีพยาธิในเลือด อยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช่องกล่ำบน ซึ่งจะต้องนำกลับคืนสู่ผืนป่าธรรมชาติเช่นเดิมต่อไป จะคุมขังเขาไม่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน