ผงะพบศพคู่ผัวเมียเจ้าของรถปิกอัพที่คนร้ายปล้นไปทำคาร์บอมบ์ หวังถล่มฐานตชด.ที่เทพา จ.สงขลา ถูกคนร้ายมัดมือไพล่หลังทุบด้วยของแข็งทิ้งแม่น้ำเทพา ผบช.ภาค 9 ระดมทีมสืบสวนมือดีประสานตำรวจสงขลา ยะลา และปัตตานี ไล่ล่าคนร้าย ?บิ๊กโด่ง? ยันโต๊ะเจรจาดับไฟใต้ราบรื่น แต่รายละเอียดต้องไปถาม ?บิ๊กโบ้? หัวหน้าคณะพูดคุย เผยแกนนำป่วนใต้กลับใจมอบตัวแล้วกว่า 4 พันคน ขณะที่ บิ๊กป้อม หนุนตั้ง เซฟตี้โซน

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 มี.ค. พ.ต.อ. วีรวุธ สันนะกิจ ผกก.สภ.เทพา รับแจ้งเหตุพบศพถูกมัดมือทิ้งแม่น้ำเทพา บริเวณใต้สะพานรวมใจภักดิ์ ม.5 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมพ.ต.ท.ดุสิน พรหมสิน รอง ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา และ เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ที่เกิดเหตุพบศพนายกาจพน ภูววิมล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191 ม.6 ต.ท่าม่วง และนางฐิตาภา ภูววิมล อายุ 41 ปี ภรรยา ทั้งคู่ถูกคนร้ายใช้เทปกาวปิดตาและมัดมือไพล่หลังเอาไว้และใช้ของแข็งตีที่ศีรษะ ก่อนโยนทิ้งลงแม่น้ำ โดยบนสะพานมีคราบเลือด

เบื้องต้นทราบว่า ทั้งคู่เป็นเจ้าของรถกระบะมิตซูบิชิ สีน้ำตาล ทะเบียน กม 9107 สงขลา ที่คนร้ายนำไปประกอบระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สหุงต้มน้ำหนักรวม 80 กิโลกรัม นำไปจอดทิ้งไว้ด้านหลังสถานีรถไฟ บ้านตาแปด ม.5 ต.ปากบาง อ.เทพา ใกล้ฐานปฏิบัติการ ตชด.433 เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่โชคดีเจ้าหน้าที่ตรวจพบและเก็บกู้ไว้ได้อย่างปลอดภัย

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งคู่หายตัวไป หลังขับรถกระบะคันดังกล่าวออกไปกรีดยางในช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ก.พ. คาดถูกคนร้ายดักปล้นระหว่างทาง ก่อนนำเทปกาวปิดตาและมัดมือไพล่หลัง ใช้ของแข็ง ทุบศีรษะ ก่อนขนร่างไปทิ้งแม่น้ำเทพาจนเสียชีวิตทั้งคู่ จากนั้นนำรถของเหยื่อไปประกอบระเบิด เพื่อหวังดักสังหารเจ้าหน้าที่

ล่าสุดพล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ภาค 9 ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บช.ภาค 9 ร่วมกับ บก.ภ.จว.สงขลา และสภ.เทพา พร้อมประสานข้อมูลจาก บก.ภ.จว.ปัตตานี และบก.ภ.จว.ยะลา ร่วมคลี่คลายคดี เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายเป็นคนนอกพื้นที่เข้ามาทำงานร่วมกับแนวร่วมที่เคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่

วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ยังไม่มีรายงานมาถึงซึ่งข้อเสนอให้มีการจัดพื้นที่ปลอดภัย หรือเซฟตี้โซน ก็เป็นเรื่องดี

ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์เรื่องเดียวกันว่า งานการพูดคุยสันติสุขนั้นถือเป็นงานเฉพาะที่พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะผู้แทนพิเศษ พยายามดำเนินงานให้เกื้อกูลกับนโยบายโดยตรง

“หากถามจากพล.อ.อักษรา จะดีกว่า ได้รายละเอียด ซึ่งตนได้ทราบว่าผลการเจรจาได้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมา อย่างไรก็ตามการพูดคุย เพื่อสันติสุขที่มีความก้าวหน้านั้นทำให้ภาพรวมในสถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้นอยู่แล้ว การเจรจาต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ได้มีแนวทางที่ให้มีการเจรจาต่อไป” รมช.กลาโหมกล่าว

ส่วนที่มีกระแสข่าวโจมตีว่า มีมุสลิมอยู่เบื้องหลังกรณีธรรมกายจะทำให้เกิดปัญหาในภาคใต้หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ปัญหาภาคใต้มีอยู่อย่างที่พวกเราทราบกัน แต่การไปแก้ไขของคณะผู้แทนพิเศษ ตนเองในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษได้ลงไปทำงานด้วยตลอด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ลงไปที่ อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อดูเรื่องการขับเคลื่อนเมืองต้นแบบให้เต็มประสิทธิภาพ มีหลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินโครงการอย่างน้อยการประชุมในครั้งต่อไปขอให้มีการสรุปความชัดเจนของเมืองต้นแบบแต่ละอำเภอนั้นมีแผนงานใดที่ชัดเจน เราก็กำลังทำอยู่ เร่งสรุปความชัดเจนเพื่อเสนอขออนุมัติต่อไป

เมื่อถามว่าแกนนำระดับปฏิบัติการทยอยเข้ามอบตัวตามโครงการของแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ตัวแกนนำระดับแถวหน้าหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแนวทางที่สืบทอดมาจากอดีตแม่ทัพแล้ว ดำเนินการมาด้วยดีและดียิ่งขึ้นซึ่งขณะนี้มีเข้าร่วมโครงการมาถึง 4,000 กว่าคนแล้ว และยังมีทยอยเข้ามา ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้าที่ทางแม่ทัพดำเนินการ ทุกคนมีความตั้งใจ และยังมีโครงการนี้ต่อไปอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน