เผยปมเหตุสลดไม่แค่เรื่องหญิงชี้ยังมีคนบงการแจ้งข้อหาหนักฆ่าโดยไตร่ตรองตร.ชะอำเผยได้ตัวครบแล้ว 18 โจ๋ คดีไขควงแทงฆ่าโหดน.ศ.หนุ่ม ม.ศิลปากร 3 คนเจ็บ รุดให้การเผยปมฆ่านอกจากเรื่องหญิงแล้วยังเคยมีเรื่องกัน เนื่องจากฝ่ายผู้ตายเข้าไปห้ามกลุ่มผู้ต้องหา ไม่ให้รังแกรุ่นน้องจนผูกใจเจ็บมา ตร.ยันมี หลักฐานครบถ้วน ใครทำอะไร อยู่ตรงไหน ยันดำเนินคดีหนัก “ฆ่าโดยเจตนา และไตร่ ตรองไว้ก่อน” เพราะดูจากพฤติกรรม ชี้ไม่ว่าเป็นลูกใครก็ไม่เว้น ขณะที่บิ๊กอวบสั่งผบก.จว.เพชรบุรี ลงไปติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ด้านแม่-ป้าคนตายบุกโรงพักจี้คดี เชื่อยังมีคนอยู่เบื้องหลัง นอกจาก 18 คนนี้อีก ลั่นไม่เผาศพหากคดียังไม่มีความคืบหน้า

จากคดีสะเทือนขวัญนายธีระพงษ์ ฐิตะฐาน อายุ 24 ปี หรือ ปอนด์ นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี ถูกกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี บุกเข้าไปรุมทำร้ายในหอพัก ก่อนใช้ไขควงแทงศีรษะฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม โดยเพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยกันอีก 4 คนได้รับบาดเจ็บ เมื่อช่วงกลางดึกของคืน วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งต้นเหตุมาจากเรื่องชู้สาว ภายหลังเกิดเหตุนางอารีรัตน์ ชมโลก อายุ 50 ปี มารดาของผู้เสียชีวิตได้นำศพบุตรชายกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ใน อ.ทุ่ง ตะโก จ.ชุมพร พร้อมร้องเรียนผู้สื่อข่าวด้วยกังวลว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะทราบว่าในกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นลูกคนในเครื่องแบบ หลังเป็นข่าว ตร.สภ.ชะอำ สามารถตามจับกุมหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุได้ จนผู้ต้องสงสัยที่เหลืออีก 15 คนรีบชิงติดต่อเข้ามอบตัว โดยทั้งหมดให้การภาคเสธ ก่อนขอประกันตัวออกไป โดยเหลือผู้ต้องหาอีก 2 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 6 มี.ค. พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล ผกก.สภ.ชะอำ เผยว่า ผู้ต้องหาที่เหลือได้เข้ามอบตัวเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 18 รายแล้ว โดยทั้งสองให้การปฏิเสธ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวตามสิทธิ แต่มีข้อแม้ห้ามไปยุ่งกับพยานหลักฐานต่างๆ

พ.ต.อ.ภคินเผยต่อว่า ก่อนจะแจ้งดำเนินคดี กับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ตรวจเช็กจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด และมาร์กจุดตำแหน่งของผู้ต้องหาทั้งหมดไว้อย่างชัดเจน ระบุไปถึง พฤติกรรมของแต่ละบุคคลว่าใครหลังจาก ลงจากรถยนต์แล้วอากัปกิริยาของใครทำอะไรบ้าง เพราะถ้าไม่ละเอียดเดี๋ยวจะมีว่าตัวเอง ไปด้วยแต่ไม่ได้ร่วมกระทำ แม้ว่าผู้ต้องหา จะปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนร่วม แต่ภาพมันฟ้องว่าใครทำอะไร ตำรวจเก็บหลักฐานแม้กระทั่งลายนิ้วมืออย่างละเอียด แม้กระทั่งรถยนต์เก๋ง ทั้ง 3 คัน ที่กลุ่มผู้ต้องหาใช้เป็นยานพาหนะ ไปก่อเหตุ ซึ่งพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การทำร้ายผิดตัวแต่เป็นการจงใจ แม้จะรู้ว่าไม่ใช่นายออฟที่มีความขัดแย้งกันแต่ก็ยังลงมือทำ ถือว่ามีเจตนาชัดเจน ข้อหาที่แจ้งคือร่วมกันทำร้ายร่างกายและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ที่บอกว่าไตร่ตรองไว้ก่อน ก็เพราะว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้ไล่ติดตามมาตั้งแต่ร้านอาหารและสถานที่ต่างๆ นั้นจะแสดงให้เห็นว่าเขาจงใจที่จะกระทำความผิดอย่างอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบสำนวน รวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด ก่อนส่งฟ้องศาลดำเนินคดี

พ.ต.อ.ภคินเผยอีกว่า คดีนี้ไม่หนักใจในการดำเนินคดี ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นลูกใครหลานใครก็แล้วแต่ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ทั้งนี้นอกจากพยานภาพถ่าย พยานบุคคลแล้ว ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยา ศาสตร์ เก็บดีเอ็นเอต่างๆ ไว้ครบถ้วน ส่วนกรอบเวลาในการดำเนินคดีนั้นมีระยะเวลาอยู่ สิ่งไหนที่เป็นพยานหลักฐานที่ตำรวจดำเนินการได้ทันที พนักงานสอบสวนก็สามารถเร่งรัดได้ แต่จะมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับนิติวิทยาศาสตร์หรือการตรวจสอบข้อมูลประวัติต่างๆ ที่ต้องใช้เวลาสักนิดหนึ่ง แต่ก็จะ พยายามเร่งรัดพยานหลักฐานจากส่วนที่เกี่ยวข้องให้ได้เร็วที่สุด จึงขอให้ทั้งพ่อแม่และญาติของผู้เสียชีวิตไว้ใจได้ ตำรวจทำงานและแจ้งข้อหาอย่างตรงไปตรงมา ใครทำผิดโดนหมด ส่วนใครเป็นลูกใคร ลูกตำรวจ ลูกหลานนักการเมือง เมื่อทำผิดก็ไม่มีการยกเว้นใดๆ ขอให้มั่นใจการทำงานของตำรวจได้

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เดินทาง ไปติดตามความคืบหน้าในคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ซึ่งในเวลาต่อมา กลุ่มเพื่อนๆ ของนายธีระพงษ์ผู้ตายได้เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันนางอารีรัตน์ ชมโลก พร้อมด้วย นางอรุณี ดีสุวรรณ มารดาและป้าของนายธีระพงษ์ เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรชะอำพร้อมด้วยทนายความอาสา เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากรจำนวน 3 คน ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บ เดินทางมาที่ สภ.ชะอำ และเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 18 คนในข้อหาพยายามฆ่าด้วย โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากปมทะเลาะเรื่องหญิงระหว่างนายออฟเพื่อนผู้ตายกับคนในกลุ่มผู้ต้องหาแล้ว ยังพบว่ามีเรื่องขัดแย้งอื่นอีก โดยครั้งหนึ่งกลุ่มเหยื่อเคยเข้าไปห้ามปรามไม่ให้กลุ่มผู้ต้องหารังแกรุ่นน้อง ทำให้พวกกลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจและเก็บความแค้นเอาไว้

เบื้องต้น นางอารีรัตน์และนางอรุณี เปิดเผยว่า พอใจในผลงานติดตามสืบสวนคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนำมาสู่การจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ซึ่งมีผู้ลงมือก่อเหตุแทงน้องเสียชีวิตอยู่ในกลุ่มด้วย แต่ตนได้ข้อมูลจากเพื่อนน้องปอนด์ว่ายังมีบุคคลอื่นที่นอกเหนือจาก 18 คน ร่วมในขบวนการก่อเหตุครั้งนี้ และคาดว่าจะเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง โดยบุคคลดังกล่าวเป็นลูกผู้มีอิทธิพลและคนมีสี อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ยังห่วงเรื่องความปลอดภัยของเพื่อนของน้องปอนด์ซึ่งเป็น ผู้บาดเจ็บและเป็นพยาน เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งหลายคนเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลได้รับการประกันตัว และอาจมีการข่มขู่พยานอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าไปดูแลเรื่องความปลอดภัย

นางอรุณีกล่าวว่า ครอบครัวยังไม่สามารถทนรับกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของน้องปอนด์ได้ เนื่องจากพฤติกรรมการก่อเหตุเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ ได้รับทราบจากเพื่อนของน้องปอนด์และจากสภาพศพน้องปอนด์พบว่ามีการใช้ไขควงแทงที่หลังน้องปอนด์เป็นแผลฉกรรจ์ 4 รู จากนั้นผู้ลงมือก่อเหตุได้ขึ้นคร่อมหลัง ใช้ไขควงดังกล่าวแทงที่ศีรษะเป็นแผลลึกฉกรรจ์ เหล็กไขควงปักคาศีรษะ ก่อนจะใช้เท้ากระทืบจนเหล็กฝังเข้าไปมิดด้าม ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทำ

ด้าน พล.ต.ต.สุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบข้อมูลเชิงลึก ในคดีดังกล่าวแล้ว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 18 ราย มาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่จะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และขอให้ความเชื่อมั่นกับญาติของผู้เสียชีวิตว่า ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ อย่างแน่นอน ถ้าผิดเราก็ว่ากันไปตามผิด

ขณะที่นักศึกษา 1 ใน 3 ที่ถูกรุมทำร้าย เผยว่าในคืนเกิดเหตุ หลังมีเสียงเรียกจากนอกห้องได้ไปเปิดประตู พบกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมาก พร้อมถามหานายออฟ แต่พวกตนบอกว่าไม่อยู่ จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาในห้องรุมทำร้ายร่างกาย มีอาวุธทั้งมีด ขวด และเหล็กแหลม หลังรุมทำร้ายเสร็จก็พากันออกจากห้องไปแบบเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดเหตุ หลังเห็นเพื่อนถูกเหล็กแหลมเสียบที่ศีรษะ ตกใจรีบพาส่ง โรงพยาบาล และพากันแจ้งตำรวจ ส่วนสาเหตุเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดจากชู้สาว แต่น่าจะเกิดจากที่นายออฟเข้าไปห้ามระหว่างนักศึกษารุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ได้มีเรื่องเขม่นกัน แต่ยังไม่ได้ลงมือทำร้ายกันกับกลุ่มที่ก่อเหตุรุมทำร้าย เหตุเกิดเมื่อกลางเดือนมกราคม ที่ผ่านมา กระทั่งมาเกิดเหตุ กลุ่มที่เคยมีเรื่องกับรุ่นน้องเข้ามารุมทำร้ายร่างกายพวกตน ทำให้เพื่อนต้องเสียชีวิต ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่สำคัญ เพื่อนกำลังจะเรียนจบแล้วเหลือเพียงเทอมเดียว อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา นำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้หมด และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

ต่อมาที่บ้านพักในจ.ชุมพร นางอารีรัตน์เผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ลูกชายเป็นเด็กดีมากขยันเรียนตั้งแต่เด็กๆ ชอบช่วยแม่ทำงาน จะกลับมาบ้านทุกอาทิตย์ กำลังจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ในเทอมนี้ เหลืออีกเพียง 2 เดือนเท่านั้น ในส่วนตัวไม่มีความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้เลย เนื่องจากกลุ่มคนร้ายเป็นลูกของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทั้งทหาร ตำรวจ นักการเมืองท้องถิ่น และคนในตระกูลดังของเพชรบุรี ทราบว่าขณะนี้ได้มีการแต่งคดีและข่มขู่พยานแล้ว อีกทั้งตนมีอาชีพค้าขาย ไม่มีปัญญาสู้รบตบมือ จึงได้แต่ต้องต่อสู้ด้วยการหวังพึ่งตำรวจที่ดีๆ ที่พอไว้ใจได้ อย่างไรก็ตาม จะไม่เผาศพลูกจนกว่าคนร้ายจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และได้รับคำตัดสินจากศาลแล้ว ถ้ายังจับคนร้ายได้มาไม่หมด ก็จะขนศพไปประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน