เปิด 10 ที่ เมืองรอง ห้ามพลาด! สวยเด็ดสุดฟิน กำ 1,500 ที่รัฐบาลเตรียมเปย์ แล้วไปเที่ยวกัน!

จากกรณีกระทรวงการคลังมีแผนเตรียมเปิดโครงการ ยิ่งเที่ยว ยิ่งเท่ ช่วยเปย์ เมืองรอง มีแผนแจกเงิน 1,500 บาท ให้ประชาชนนำไปเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ คาดว่าจะมีการนำเข้า ครม.พิจารณาเร็วๆ นี้

สำหรับผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการเพื่อรับแจกเงินจะต้องเป็นคนไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปนับตั้งแต่วันเริ่มโครงการ รวมถึงต้องลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชันและขอใช้ระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นจะมีการเติมเงินให้คนละ 1,500 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่มีการลงทะเบียนคิวอาร์โค้ดไว้ โดยตั้งเป้าหมายมีคนเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนและรับเงินไปใช้จ่าย 10 ล้านคน โดยมีรายงานว่าผู้ร่วมโครงการจะต้องใช้เงินเที่ยวเมืองรองภายในเดือน มิ.ย.เท่านั้น

ทั้งนี้ ทั้ง 55 เมืองรอง ล้วนมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่น่าท่องเที่ยวอย่างยิ่ง ในวันนี้เราจะยกตัวอย่างมา 10 สถานที่ ที่ละ 1 จังหวัด รวม 10 จังหวัด อันได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน พิษณุโลก หนองคาย สมุทรสงคราม อุบลราชธานี ตราด ระนอง และ ยะลา

เริ่มจากที่แรกคือ จ.เชียงราย วันนี้เราจะพาทุกท่านมาพิชิตสู่ยอดภูที่ถูกขึ้นชื่อว่า “สวยที่สุด” แห่งหนึ่ง ในประเทศไทย นั่นคือ “ภูชี้ฟ้า” อ.เทิง จ.เชียงราย มีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่ ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงทางตะวันออกของจังหวัดเชียงราย อยู่ระหว่างรอยตะเข็บชายแดนไทย–ลาว ลักษณะเป็นหน้าผาสูงเป็นแนวยาวไปตามแนวชายแดน บริเวณปลายสุดของหน้าผามีลักษณะแหลมคล้ายกับนิ้วมือชี้ยื่นออกไปในอากาศ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูชี้ฟ้า” จุดที่สูงสุด อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,628 เมตร เบื้องล่างของหน้าผาเป็นแอ่งหุบเขา เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเชียงตอง แขวงไชยบุรี ประเทศลาว

 

สถานที่ที่สองที่เราจะพาไป คือ “ปางอุ๋ง” หรือ โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) จ.แม่ฮ่องสอน อ่างเก็บน้ำกลางเขา หนึ่งสถานที่น่าเที่ยวช่วงฤดูหนาว ซึ่งถูกขนานนามว่า สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย กันเลยทีเดียว

ปางอุ๋ง มีลักษณะเป็น อ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่บนยอดเขาสูง คำว่า “ปาง” ซึ่งหมายถึงที่พักของคนทำงานในป่า “อุ๋ง” เป็นภาษาเหนือหมายถึงที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่มีน้ำขัง รวมกันเป็น ปางอุ๋ง ที่เที่ยวสุดโรแมนติกอันดับต้นๆ ของแม่ฮ่องสอน ภาพแสงอาทิตย์สาดสะท้อนน่านน้ำ ผสานไอหมอกจางๆ สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนทุกครั้ง

ขอบคุณภาพจาก traveloka

สถานที่ที่สาม “ดอยเสมอดาว” อ.นาน้อย จ.น่าน อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิต ดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า อยู่ในอาณาบริเวณของ “อุทยานแห่งชาติศรีน่าน” เป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นและตก ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาของแม่น้ำน่านตอนใต้ ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยงวง ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำว้า และป่าห้วยสาลี ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล 3 อำเภอ คือ ตำบลส้าน และตำบลน้ำมาบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ และตำบลสถาน อำเภอนาน้อย ตำบลบ่อแก้ว และตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน

สถานที่ที่สี่ “ภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก ซึ่งกินพื้นที่ถึง 3 จังหวัด ได้แก่ “เพชรบูรณ์-พิษณุโลก และ เลย” ซึ่ง ทั้ง 3 จังหวัดนั้นล้วนเป็นจังหวัด “เมืองรอง” ทั้งสิ้น โดยเป็นพื้นที่ที่มีธรรมชาติแปลกและสวยงาม ทั้งยังเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ เป็นยุทธภูมิที่สำคัญ เคยมีประวัติของการต่อสู้เกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมืองของสถานที่นี้อย่างยาวนาน อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจึงเป็นอุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่รักษาไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ของการสู้รบและความสวยงามทางธรรมชาติที่สมบูรณ์

ที่นี่มีลักษณะภูมิอากาศคล้ายภูกระดึงและภูหลวง เนื่องจากมีความสูงในระดับไล่เลี่ยกัน อากาศจะหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวอุณหภูมิจะต่ำประมาณ 4 องศาฯ ฤดูร้อนอากาศจะเย็นสบาย ฝนตกชุกในฤดูฝน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 18-25 องศาฯ สถานที่เด่นทางธรรมชาติของภูหินร่องกล้า ได้แก่ ลานหินปุ่ม ภูแผงม้า ลานหินแตก และ ภูลมโล

ภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า (ภาพจาก เว็บไซต์สำนักอุทยานแห่งชาติ)

ลานหินปุ่ม (ภาพจาก เว็บไซต์สำนักอุทยานแห่งชาติ)

จุดชมวิวภูแผงม้า (ภาพจาก เว็บไซต์สำนักอุทยานแห่งชาติ)

สถานที่ที่ห้า นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ยอดฮิต เป็นอีกหนึ่งจุดหมาย สำหรับคนที่มาเที่ยว จ.หนองคาย นั่นคือ “สกายวอล์กวัดผาตากเสื้อ” จุดชมวิวพื้นกระจกใส Unseen หนึ่งเดียวในประเทศไทยกันเลยทีเดียว!!

เดิมทีนั้น วัดผาตากเสื้อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีทัศนียภาพสวยงามแห่งหนึ่ง อยู่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย วัดตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ท่ามกลางธรรมชาติสมบูรณ์เมื่อมองจากด้านบน ปัจจุบันสกายวอล์กวัดผาตากเสื้อเป็นที่ท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยสามารถเดินทางมาชมวิวทิวทัศน์ของวัดผาตากเสื้อได้ทุกฤดู โดยชมความงามได้จากจุดชมวิวของวัดผาตากเสื้อ บริเวณด้านบนของสกายวอล์กที่ติดตั้งอยู่บนหน้าผา

สถานที่ที่หก เราพาทุกท่านมาที่ดินแดน “อีสานใต้” อย่าง จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่สถานที่ท่องเที่ยวเยอะ! จนเลือกไม่ถูก ดังนั้น วันนี้เราจะพาทุกท่านมาที่ “หาดชมดาว” หาดชมดาว อำเภอนาตาล อุบลราชธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยหาดชมดาวจะเป็นแนวหาดหิน แก่งหิน อันกว้างใหญ่และทอดตัวยาวหลายร้อยเมตรในบริเวณแม่น้ำโขง

ที่หาดชมดาวแห่งนี้จะมีงานประติมากรรมจากแนวโขดหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำผ่านช่องแคบของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจนทำให้เกิดลวดลายที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้ง ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงจะลดลงจนทำให้เห็นโขดหินกลางแม่น้ำโขง จะมีเนินหินรูปทรงต่างๆ ที่มีลวดลายแตกต่างกันออกไป อันเกิดจากกระแสน้ำที่กัดเซาะ

ขอบคุณภาพจาก Tick Pichakorn

ขอบคุณภาพจาก Tick Pichakorn

สถานที่ที่เจ็ด มาเปลี่ยนแนวกันบ้าง จากธรรมชาติสู่ตลาดน้ำชื่อดังที่ใครๆ ก็คงเคยไป นั่นก็คือ “ตลาดน้ำอัมพวา” ในอดีต “เมืองอัมพวา” คือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม มีตลาดน้ำขนาดใหญ่ และชุมชนริมน้ำที่เป็นศูนย์กลาง แต่ผลกระทบของการพัฒนาการคมนาคมทางบกทำให้ความเป็นศูนย์กลางของอัมพวาค่อยๆ หายไป

จนกระทั่ง ปี 2547 ทางเทศบาลตำบลอัมพวาได้ฟื้นฟูตลาดน้ำอัมพวาขึ้นมาอีกครั้งเพื่ออนุรักษ์ความเป็นอยู่ของชุมชนริมน้ำ ซึ่งในปัจจุบันจะหาดูตลาดน้ำแท้ๆ ได้ยาก ให้สืบทอดตลอดไป โดยใช้ชื่อว่า “ตลาดน้ำยามเย็น” ซึ่งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวจะรู้จักในนามของ “ตลาดน้ำอัมพวา” โดยตลาดน้ำอัมพวาจะมีทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่หยุดต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 13.00-22.00 น.

ขอบคุณภาพจาก rivercoco.com

สถานที่ที่แปด เราจะพาท่านไปลอยทะเล โดยไปเกาะที่ขึ้นชื่อว่า “สวย” ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นั่นคือ “เกาะช้าง” จ.ตราด ซึ่งก็อยู่ใน “เมืองรอง” เช่นกัน ซึ่งอยู่ในภาพตะวันออกของประเทศไทยประกอบด้วยเกาะต่างๆ ที่มากถึง 52 เกาะเรียงตัวกัน ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเกาะช้าง และบางส่วนของอำเภอเกาะกูด เกาะที่สำคัญที่สุดคือ เกาะช้าง นอกจากนี้ ยังมีเกาะอื่นๆ ที่ยังคงสภาพความสวยงามตามธรรมชาติ ได้แก่ เกาะคลุ้ม เกาะเหลายาใน เกาะง่าม เกาะไม้ซี้ใหญ่ เกาะหวาย เกาะง่าม บางแห่งมีปะการังใต้น้ำที่คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ เช่น เกาะหวาย และหมู่เกาะรัง ฯลฯ

เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต มีเนื้อที่ 429 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขาสูงมีผาหินสลับซับซ้อน ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่ เขาสลักเพชร มีความสูงประมาณ 744 เมตร สภาพป่าโดยทั่วไปอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา เป็นต้นกำเนิดของต้นน้ำลำธาร ทำให้มีน้ำตกหลายแห่งบนเกาะ ด้านฝั่งตะวันออกของเกาะนั้นมีชายฝั่งที่สวยงามอย่างมาก

ขอบคุณภาพจาก thailand scanme.com

สถานที่ที่เก้า ก็คงจะเป็นทะเล แต่เป็นทะเลฝั่งอันดามัน สถานที่ต่อไปนี้ขึ้นชื่อว่าคือ “มัลดีฟส์เมืองไทย” นั่นคือ “เกาะพยาม” ต.เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง เป็นเกาะใหญ่หนึ่งในสองเกาะของทะเลระนอง เกาะพยามมีพื้นที่ประมาณ 35 ตารางกิโลเมตร ชื่อเกาะพยามมีข้อมูลว่ามาจากคำว่า “พยายาม” ด้วยมีเรื่องเล่าว่า

สมัยก่อนการเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้ แต่ละวันมีเรือออกจากฝั่งเพียงเที่ยวเดียว ถ้าพลาดก็ต้องรอวันถัดไป ในขณะที่ขากลับนั้นก็ต้องอาศัยการโบกเรือที่แล่นผ่านไปแวะกลับฝั่งเป็นหลัก นับเป็นเกาะที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการไปมาหาสู่ ชาวบ้านจึงเรียกเกาะๆ นี้ ว่า “เกาะพยายาม” แต่ในภาษาใต้นิยมพูดห้วนๆ สั้นๆ เกาะพยายามจึงกร่อนเสียงเป็น “เกาะพยาม” มาจนทุกวันนี้

ขอบคุณภาพจาก pailaew.com

สถานที่สุดท้าย ที่สิบ ที่เราจะพาไป “เมืองรอง” ใต้สุดของประเทศไทย “ที่นี่…เบตง”

เบตง เป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ อยู่ในจังหวัดยะลา นับเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย โดยมีลักษณะเป็นหัวหอกยื่นเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาสันกาลาคีรี มีเนื้อที่ประมาณ 1,328 ตารางกิโลเมตร

ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 140 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 1,220 กิโลเมตร ด้วยภูมิประเทศของอำเภอเบตงส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงจึงทำให้เบตงมีอากาศดี และมีหมอกตลอดปี ดังคำขวัญประจำอำเภอที่ว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” และได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ผังเมืองสวยที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว

เขาไมโครเวฟ อ.เบตง จ.ยะลา


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน