“น้องทราย” นักเรียนสาว ม.5 หายดีแล้ว หลังถูกครูพละปาแก้วกาแฟใส่หน้า จนปากเบี้ยวผิดรูปเสียโฉม ขอบคุณ “ปวีณา” และร.พ.ยันฮี รักษาจนหาย ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่กล้ามเนื้อยังอ่อนแรงอยู่บ้าง รอให้แข็งแรงกลับมาเหมือนเดิม ขณะที่ร.พ.เผยใช้เวลารักษา 5 เดือน ด้วยการฝังเข็ม กายภาพ บำบัด ใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์ ส่วนครูพละ ปาแก้วผลสอบเบื้องต้นผิดวินัยไม่ร้ายแรง ภาคทัณฑ์ ตัด-ลดขั้นเงินเดือน

จากกรณีน้องทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ถูกครูพลศึกษาปาแก้วกาแฟใส่บริเวณกกหูซ้าย บาดเจ็บและส่งผลต่อระบบประสาท ส่งผลให้ใบหน้าและปากบิดเบี้ยวผิดรูป และหลับตาซ้ายไม่ได้ ต่อมานางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เข้ามาช่วยเหลือ และส่งรักษาที่ร.พ.ยันฮี กทม. ผ่านมาเป็นเวลา 5 เดือน จนอาการน้องทรายดีขึ้น ปากหายเบี้ยวและหลับตาซ้ายได้สนิท

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ร.พ.ยันฮี นางปวีณา หงสกุล เดินทางมาขอบคุณ นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร.พ.ยันฮี และทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญที่รักษาน้องทรายจนหายดี และไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยนางปวีณากล่าวว่าเมื่อ 5 เดือนที่แล้วน้องทรายไม่ได้อยู่ในสภาพนี้ ทางครอบครัวน้องทรายร้องไห้เสียใจ จึงพามาร.พ.ยันฮี แพทย์บอกใช้เวลารักษา 3-5 เดือน จนขณะนี้น้องทรายหายเป็นปกติ เหมือนได้มอบชีวิตใหม่ให้น้องทราย

ส่วนน้องทรายกล่าวว่าขอขอบคุณมูลนิธิปวีณาฯ และทีมแพทย์ร.พ.ยันฮีทุกท่านที่ช่วยรักษา ขณะนี้หายดีแล้ว กลับมาพูดคุยกับเพื่อนได้เหมือนเมื่อก่อน ไม่ต้องอายคนอื่น เข้าสังคมได้เหมือนเดิม แต่กล้ามเนื้อยังอ่อนแรงอยู่บ้าง รอให้แข็งแรงสนิท เวลาล้างหน้าเมื่อก่อนน้ำจะเข้าตา สระผมก็ลำบาก แต่ขณะนี้ทำทุกอย่างได้ปกติ น้ำไม่เข้าตาแล้ว

ขณะที่แม่ของน้องทรายกล่าวขอบคุณทางมูลนิธิปวีณาฯ ที่เข้าช่วยเหลือลูกสาว และรู้สึกดีใจที่ลูกสาวกลับมาเป็นปกติ

ด้านนพ.สุพจน์กล่าวว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือน้องทราย ตอนแรกที่เห็นใบหน้าน้องทราย รู้สึกเห็นใจ จึงยินดีให้ความช่วยเหลือ เพราะอายุยังน้อย ไม่อยากให้เป็น ผู้พิการตลอดชีวิต ขณะนั้นตรวจดูอาการเบื้องต้นพบว่าเกิดจากเส้นประสาทคู่ที่ 7 อักเสบ จากการกระทบกระเทือน ต้องใช้เวลารักษาประมาณ 5 เดือนด้วยการฝังเข็ม กายภาพบำบัด และรักษาด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร.พ.ยันฮีกล่าวต่อว่า จนอาการดีขึ้นตามลำดับ และหายเป็นปกติ สามารถหลับตาได้สนิททั้งตาซ้ายแล้วขวา ยิ้มได้ปกติ แสดงว่าระบบประสาทที่หยุดทำงาน กลับมาทำงานได้ตามปกติ รู้สึกดีใจกับน้องทรายและครอบครัว จากนี้น้องทรายสามารถกลับไปเรียนหนังสือและพักฟื้น 1 เดือนที่บ้านได้ ก่อนกลับมาดูอาการว่าต้องฝังเข็มอีกหรือไม่

วันเดียวกัน นายสุพล จอกทอง ผอ.โรงเรียนสุรนารี 2 ฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและพิจารณาวินัย กรณีครูพละปาแก้วใส่หน้าน้องทราย กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนว่า สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและพยานครบทุกปากแล้ว รอเพียงผลวินิจฉัยจากแพทย์สภา ว่าสาเหตุปากเบี้ยวเกิดจากครูพละปาแก้ว หรือเป็นโรคประจำตัว เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาโทษ จากนั้นนำเข้าสู่ที่ประชุมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.) นครราชสีมา เพื่อลงมติเป็นกระบวนการสุดท้าย ซึ่งผลสรุปเบื้องต้นมีมติเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง มีอัตราโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดขั้นเงินเดือน ส่วนน้องทรายหลังเกิดเรื่องขอย้ายไปเรียนอีกโรงเรียน แต่คงเครียดเลยหยุดกลางคัน หากประสงค์ต้องการจะเรียนต่อก็ยินดีต้อนรับเสมอ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน