“ปู”โวยปมภาษีหุ้นชินคอร์ป จี้รัฐบาลใช้กฎหมายเป็นธรรม ไม่อยากได้ยิน “อภินิหาร ทางกฎหมาย” “บิ๊กตู่”ลั่นไม่ได้แกล้งใคร เก็บภาษีได้หรือไม่อยู่ที่ศาลตัดสิน ไล่”โอ๊ค”ให้ไปชี้แจงศาล “วิษณุ”ยันมีช่องเรียกภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ “เหลิม”เบิกความคดีจำนำข้าว ยัน”ปู”ไม่ละเลย ศาลขอนแก่นออกหมายเรียกน.ศ. ละเมิดอำนาจศาล กรณีเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิประกันตัว “ไผ่ ดาวดิน” ป.ป.ช.มีมติฟันรองปลัดกทม. คดีรถ-เรือดับเพลิงฉาว

“บิ๊กตู่”เจอป้ายเหน็บ-หน้าม.เกษตรฯ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษ “การขับเคลื่อน Thailand 4.0 ด้านเกษตรอาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจเข้มบุคคลที่ร่วมงาน โดยเฉพาะกระเป๋าเจ้าหน้าที่จะรื้อค้นอย่างละเอียด ดูแม้กระทั่งข้อความในกระดาษและใบเสร็จต่างๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 16 มี.ค. มีการขึงป้ายผ้าบริเวณสะพานลอยถนนงามวงศ์วาน หน้ามหาวิทยาลัย 2 ผืน ข้อความ “Thailand 4.สูญญญ..” และ “รัฐบาลคนดียุคภาษีอาน” โดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ติดตั้ง ขณะที่เว็บไซต์ www.deklanghong.com ได้เผยแพร่ภาพข่าวและป้ายดังกล่าว พร้อมระบุสาเหตุน่าจะมาจากพล.อ.ประยุทธ์ มาปาฐกถา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่ง ว่า ถ้าทุกคนช่วยกันความขัดแย้งก็จะลดลง ถ้าทุกคนช่วยกันปรองดองก็จะปรองดองทั้งหมด คนไทยละเอียดอ่อน มีฟีลลิ่ง รักใครก็รักจริง เกลียดใครก็เกลียดจริง เกลียดไม่เลิก เราต้องปรับตัวด้วยเหตุผล รักใครต้องรักด้วยเหตุผล เหมือนผู้หญิงต้องรักด้วยสมองอย่าใช้แค่ความรู้สึก หรือรูปร่างหน้าตา ต้องใช้สติปัญญาในการรักคน ตนมีประสบการณ์มาก่อน

สางโกงไม่ไว้หน้าจนมีเพื่อนน้อย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันว่าตนกับรัฐบาลทุกคนพยายามแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น หลายคนอ้างตนก็มี ซึ่งไม่เคยรู้จักใคร ไม่เคยมีใครไปหาที่บ้าน รัฐมนตรีก็ไม่พบใคร ได้ข้อมูลมาไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีผู้หญิงคนหนึ่งไปกินข้าวที่โรงแรม บอกวันนี้สั่งอาหารที่นายกฯ ชอบทั้งนั้นเลย ตนยังไม่รู้ว่าชอบอะไรแล้วมันรู้ได้อย่างไร พูดอีกว่านายกฯคงอยากทาน เดี๋ยวโทร.ไปถามดีกว่าแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมา โทร.จริงหรือไม่ไม่รู้ คนแบบนี้เยอะ อ้างคนนี้อ้างคนโน้นจนเละไปหมด ตนไม่ทำเรื่องเหล่านี้เด็ดขาด มีทั้งรัฐมนตรีและรองนายกฯ โดนหมดทุกคน รู้จักทุกคน สนิททุกคน เป็นสายคนนี้คนโน้น ขับรถผ่านบ้านก็บอกรู้จักกันแต่ก่อนอ้างเฉพาะเข้าซอยบ้าน วันนี้จอดปากซอยรู้จักแล้วนายกฯ สั่งมาแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยระบบเครือญาติยังมีอยู่ ทุกคนมีเพื่อน ดีหรือไม่ดีก็เพื่อนช่วยมันหน่อย คนไทยคิดแบบนี้ วันนี้ตนทำแบบนั้นไม่ได้ เพื่อนตนเหลือน้อยที่สุด เหลือที่เป็นรัฐมนตรีไม่กี่คนนอกนั้นทิ้งตนหมดแล้ว

เปรยอยู่ต่อจนงานเสร็จ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนอาจไม่เก่งวิชาการแต่อาจจะเก่งเรื่องการทำให้เป็น รูปธรรม ทหารทำได้แค่นี้ ตนต้องอ่านหนังสือมากๆ การคิดแบบทหารบางทีก็ทำให้เกิดได้เร็วขึ้น เพราะทหารถ้าทำงานไม่เสร็จกลับบ้านไม่ได้ ถ้าเข้าไปยึดที่หมายไม่ได้ กลับบ้านไม่ได้ ตายอยู่ที่นั่น นี่คือนิสัยทหาร ตนจึงต้องทำทุกอย่างให้เสร็จเดินไปข้างหน้าให้ได้ สู่ที่หมายสุดท้ายคือมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน วันนี้ปัญหาข้างทางเยอะต้องกำจัดไปให้ได้ แก้ด้วยความเข้าใจกัน

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณี ระบุบนเวทีมีคนแอบอ้างว่า “มีมาตั้งนานแล้ว หนังสือพิมพ์ที่เขียนกันมามีอะไรบ้าง ทั้ง นายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรีโดนหมด เขียนไปทำไมถ้าไม่มีหลักฐาน เอาหลักฐานมา ให้ดูตนจะสอบให้จริงๆ คราวหลังจะเปิดไล่หนังสือ พิมพ์ใครเขียนว่าตรงนี้มันข้างคนนี้ โกงเงินตรงนั้นตรงนี้ คนใกล้ตัว หามาใกล้ตัวคือใคร อย่าเขียนอย่างนี้ เดี๋ยววันหน้าเขาพาดพิง เขาเล่นงานใช้กฎหมายไปปิดปากอีก ปัดโธ่ ทั้งขึ้นทั้งล่อง”

ไล่โอ๊คเตรียมชี้แจงในศาล

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกรณีนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ระบุยังมีนักการเมืองอีกหลายคนที่เข้าข่ายต้องเรียกเก็บภาษีว่า เดี๋ยวเจ้าหน้าที่เขาก็สอบกัน นายกฯ คงไม่ลงไปสอบเอง แต่หากใครส่งเรื่องมาตนจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ อยากบอกว่าพอเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็จะเกิดอีกหลายเรื่องตามมา ทุกคนก็จะมาเร่งเหมือนทุกคนตัดสินหมดแล้วมันไม่ได้ หากมีข้อมูลขอให้ส่งมาจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เช่น คดีนี้เขาสอบแล้วโยงไปอีกอันหนึ่งเขาก็จะสอบต่อ

“ไม่ได้เป็นการแกล้ง เพราะมีตรวจสอบหลายหน่วยงาน เพียงแต่รัฐบาลคอยอำนวยความสะดวกให้ปฏิบัติการและติดตามว่าเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว นั่นคือหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่จะตีความว่าตัดสินกันแล้วก็ฮั้วกันอีก ไม่ผิดอีก ไม่ใช่ มันอยู่ที่หลักฐานและหลักการในการพิจารณา บางเรื่องผิดก็คือผิดบางเรื่องดูแล้วผิดแต่ไม่ผิดถึงมีอาชีพทนายความ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่านายพานทองแท้ ชินวัตร โอดครวญว่าคดีจบไป 8 ปีแล้วรัฐบาลจะเอาอะไรอีก นายกฯ กล่าวว่า “ช่างเขา นายพานทองแท้จะมาพูดอะไรกับผม ไปเตรียมพูดกับศาลโน่น” เมื่อถามว่าเหตุใดข้าราชการที่เกี่ยวข้องไม่เรียกเก็บภาษี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขากำลังสอบอยู่ ตนเป็นคนสั่งให้ตั้งกรรมการสอบเอง ยังไม่มีรายงานกลับมาเพราะเพิ่งสั่งไปโดยการสอบต้องใช้เวลา แต่เบื้องต้นเขามองกฎหมายคนละฉบับ คนละวิธีการ แล้วแต่มุมมอง แต่มุมมองเผอิญไปเข้าข้างนี้เข้าข้างโน้นมันเลยเกิดปัญหา จึงบอกว่าอะไรก็ได้ทำให้มันชัดเจนกว่าที่ผ่านมาแล้วกัน ตนไม่ได้รังแกใคร ถ้าไม่ผิดคือไม่ผิด ฉะนั้นอย่ามาตอบโต้กันทางสื่อเลยขี้เกียจตอบโต้

ปมหุ้นชินทำเพื่อประโยชน์ชาติ

เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ว่า ขอร้องบุคคล กลุ่มบุคคลที่พยายามหรือมีเจตนาบิดเบือนการทำงานของรัฐบาลและคสช. จับเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องส่วนตัวมาทำให้สังคมสับสนเพื่อประโยชน์ของตน ขอร้องให้ยุติได้แล้ว สื่อโซเชี่ยล มีเดียขอให้เข้าใจรัฐบาลและคสช.ด้วย ตนไม่ต้องการให้ทุกคนมาเชียร์แต่ขอให้ข่าวหรือเสนอข่าวโดยใช้ข้อเท็จจริง เสียใจที่มีคนไทยบางคนบางกลุ่มไม่เข้าใจแล้วสร้างความ เสียหาย ไปประจานที่ต่างประเทศโดยไม่พูดถึงปัญหาที่ตัวเองทำไว้ โยนความผิดต่างๆ ให้รัฐบาล เป็นคนไทยหรือเปล่า หากฟังคำบิดเบือนมากโดยไม่พิจารณาให้ถ่องแท้มันก็เหมือนการกินยาพิษ กินยาผิดซอง โรคเก่าก็แก้ไม่ได้ โรคใหม่ตามมาอีก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเด็นที่สังคมสนใจคือกรณีภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ป เป็นการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศ ฝ่ายกฎหมายประชุมร่วมกันสรุปว่าต้องดูก่อนเป็นการโอนและซื้อขายหุ้นที่กระทำโดยสุจริตหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาศาลฎีกาฯเคยตัดสินแล้วว่ามีการโอนกันหลายทอด มีเจตนาที่แยบยล แสวงประโยชน์จากช่องว่างของกฎหมายจนมีผลกำไร วันนี้สังคมเองก็เชื่อว่าไม่สุจริตเพราะเลี่ยงภาษี

เรียกเก็บภาษีได้หรือไม่อยู่ที่ศาล

นายกฯ กล่าว่า อีกประเด็นคือการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวทำให้ประเทศเสียรายได้ ในขณะที่อยู่ในตำแหน่ง มีอำนาจ มีหน้าที่ต้องรักษากฎหมาย รักษาผลประโยชน์ของชาติจึงต้องมีคุณธรรมจริยธรรมมากกว่าบุคคลทั่วไป ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อสู้กันให้ถูกต้อง ถ้าพบว่าไม่สุจริตก็ต้องสร้างมาตรฐานเดียวเหมือนกับนิติบุคคลอื่นๆ ที่ซื้อขายหุ้นแล้วต้องเสียภาษีตามกฎหมาย โดยให้ผู้เกี่ยวข้องทั้ง สตง., ป.ป.ช., ปปง., ป.ป.ท. และกรมสรรพากร กระทรวงการคลังไปหารือกันและศึกษาข้อเท็จจริงโดยรายละเอียด

นายกฯ กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องนี้มีความอ่อนไหว ต้องโปร่งใส เป็นธรรม ไม่ขัดหลักนิติธรรม และไม่ให้ใช้มาตรา 44 ขยายเวลา ขยายอายุความ ใช้กระบวนการยุติธรรมตามปกติในการประเมินภาษีจากเจ้าของหุ้นที่แท้จริงโดยตรง สิ่งที่เกิดตามมา คือ 1.กรมสรรพากรต้องประเมินภาษีก่อนสิ้นมี.ค.นี้ 2.กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการสอบ สวนทุกขั้นตอนเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้หน่วยราชการ อื่นๆ และ 3.ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาล ผู้ถูกประเมินภาษียังมีสิทธิ์อุทธรณ์ภายใน 30 วัน เป็นวิธีการปกติแล้วก็สู้ในศาล สุดท้ายการจะเรียกเก็บภาษีได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับศาล ทุกอย่างต้องชัดเจนขึ้น รัฐบาลไม่สามารถช่วยใคร เข้าข้างใครได้ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม

นายกฯกล่าวว่า เมื่อได้ข้อยุติตัดสินออกมาแล้วทุกคนต้องเชื่อถือ เชื่อมั่น เคารพการตัดสินของศาล อย่าเอะอะโวยวายอีก ขอให้ใช้เหตุผลอย่าใช้ความรู้สึก รวมทั้งกรณีสินบนโรลส์-รอยซ์ ไม่ได้มองเพียงว่าเราจะแก้ปัญหาแล้วหาคนมาลงโทษได้อย่างไรเท่านั้น เราต้องสร้างความชัดเจนให้สังคมด้วย

ไล่เช็กอีก 60 นักการเมืองเลี่ยงภาษี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีสตง. แจ้งกรมสรรพากรให้เรียกเก็บภาษีจากนักการเมือง 60 คนในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เสียภาษีไม่ถูกต้องว่า สตง.ไม่ได้รายงานเรื่องมาที่ตน แต่ระบุว่ากรณีลักษณะเดียวกับการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ ชินวัตร ก็จะดำเนินการให้เหมือนกัน ซึ่งรัฐบาลจะใช้กรณีหุ้นชินคอร์ปเป็นบรรทัดฐานพิจารณาคดีอื่นๆ และให้ศาลเป็นผู้ตัดสินว่าถูกหรือผิด ตนคงไม่ถามไปที่สตง.เพราะไม่ถือว่าเป็นปัญหาและไม่อยากรู้ด้วย และทำไปทำมาตนอาจมีชื่ออยู่ในนั้นด้วยก็ได้

เมื่อถามว่านายพานทองแท้ ระบุจะเอาอะไรจากครอบครัวตนอีก นายวิษณุกล่าวว่า น่าเห็นใจ อกเขาอกเรา เมื่อถามว่านายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายนายทักษิณ ระบุกรณีนี้ไม่ต้องเสียภาษีเพราะซื้อขายหุ้นในตลท. และคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ระบุว่าหุ้นยังเป็นของนายทักษิณ นายวิษณุกล่าวว่า จะพูดทำไมให้กรมสรรพากรเขารู้ ทำไมไม่เก็บเงียบๆ แล้วเขียนส่งศาล

วิษณุใช้หุ้นชินเป็นบรรทัดฐาน

นายวิษณุกล่าวว่า การที่กรมสรรพากรไม่เรียกเก็บภาษีจากนักการเมืองเพราะที่ผ่านมามีความเข้าใจในอีกแบบหนึ่ง บ่อยครั้งที่กรมสรรพากรประเมินว่าเรื่องใดไม่ต้องเสียภาษี แต่เวลาผ่านไประยะหนึ่งอธิบดีกรมสรรพากร คนใหม่กลับประเมินว่าเรื่องนั้นจะต้อง เสียภาษี ซึ่งใช้กฎหมายฉบับเดิมแต่อยู่ที่การตีความต่างกัน

นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องนี้มีการตั้งข้อสังเกตหลายประการ ถ้ารัฐบาลเพิกเฉยละเลยจนขาดอายุความก็ถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือกัน ผิดมาตรา 157 แต่พอเริ่มดำเนินการถูกมองไล่บี้ จี้คนคนเดียว ถูกต่อว่าได้ไปตั้ง 4.6 หมื่นล้านบาทแล้วยังไม่พอยังจะเอาอีก ถูกมองว่ากลั่นแกล้ง ขัดหลักนิติธรรม รัฐบาลจึงไม่หลวมตัวไปออกมาตรา 44 แต่ให้ดำเนินการตามกฎหมายปกติ เรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ป นายกฯ ให้แนวทางว่าให้ดูเจตนาการซื้อขายหุ้นว่าสุจริตหรือไม่ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าสุจริตทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องทำอะไรต่อ หากไม่สุจริตก็ต้องดำเนินการ

“คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยไว้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่สุจริต ศาลจึงสั่งยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทนั้น เมื่อตั้งต้นว่าไม่สุจริตแล้วก็ต้องเสียภาษี ผมถามที่ประชุมว่าถ้าสังคมถามว่าได้ไป 4.6 หมื่นล้านยังไม่พออีกหรือจะตอบอย่างไร คำตอบอย่างเอกฉันท์คือเป็นคนละเรื่อง คนละส่วนกัน เพราะการ กระทำผิดกับการเสียภาษีถือเป็นคนละส่วน เช่น โจรขโมยของถูกตัดสินจำคุก 10 ปี กับการไล่บี้ให้คืนทรัพย์ก็เป็นคนละส่วนกัน ถ้าไม่ดำเนินการก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รัฐบาลพบว่าวิธีดำเนินการแต่จะทำได้หรือไม่อยู่ที่ศาลตัดสิน ผมถามที่ประชุมว่าเป็นไป ได้หรือที่เราจะไม่รู้ว่าคดีนี้จะจบอย่างไร คำตอบคือไม่เคยมีบรรทัดฐานในเรื่องนี้ เมื่อหาบรรทัดฐานไม่ได้ก็ต้องเอาคดีนี้เป็นบรรทัดฐาน” นายวิษณุกล่าว

เล็งเก็บภาษี 2 ช่วงการขาย

นายวิษณุกล่าวว่า หากศาลมีคำสั่งให้ต้องจ่ายภาษี กรณีหุ้นชินคอร์ปต้องเก็บภาษีที่เจ้าของทรัพย์สิน ยกเว้นแต่จะมีการพิสูจน์ทราบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทจำหน่ายจ่ายโอนซึ่งสามารถนำกลับมาได้ และหากทรัพย์สินของนายทักษิณ อยู่ต่างประเทศการได้คืนก็คงยาก อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการออกแบบประเมิน นายทักษิณสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันจนเมื่อมีการตัดสินแล้ว หากนายทักษิณยังไม่พอใจก็อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้อีก

เมื่อถามว่าภาษีที่เรียกเก็บมาจากส่วนไหน นายวิษณุกล่าวว่า 4.6 หมื่นล้านบาทที่ยึดไปแล้ว ถือเป็นภาษีที่เกิดจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงเป็นคำถามว่าเมื่อมีการซื้อขายหุ้นในตลท.ต้องเสียภาษีหรือไม่ เมื่อข้อ 2 (23) กฎกระทรวงฉบับที่ 26 ระบุไม่ต้องเสียภาษี แต่มีอีกช่องทางที่จะเรียกเก็บภาษีได้ นอกจากนี้ได้ให้สรรพากรไปพิจารณาเผื่อจะสามารถเรียกเก็บภาษีได้ทั้ง 2 ช่วงคือ ตอนที่แอมเพิล ริช ขายหุ้นให้นายพานทองแท้ และน.ส. พินทองทา ชินวัตร หุ้นละ 1 บาท กับ ช่วงที่ 2 คือ ตอนที่นายพานทองแท้และน.ส. พินทองทา ขายหุ้นให้เทมาเส็ก

ปูเสียงสั่น-วอนรบ.อย่าไล่ล่า

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเดินทางมาศาลเพื่อสืบพยานในคดีโครงการรับจำนำข้าว ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลเดินหน้าเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ ว่า คดีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษายึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 4.6 หมื่นล้านบาท ไม่ทราบว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ได้ใช้อำนาจหรือกฎหมายที่ตัวเองมีอยู่มาใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อหาอภินิหารทางกฎหมายในการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้เห็นใจกันบ้าง หวังว่าผู้รักษากติกาและกฎหมายจะคำนึงถึงความยุติธรรมและบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาค เท่าเทียมกัน อย่าให้กฎหมายเป็นเพียงกฎหมายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อไล่ล่า

“ไม่ใช่แค่ครอบครัวหรือผู้ที่มีผลกระทบเท่านั้น เชื่อว่าประชาชนทุกคนคงอยากฟังคำชี้แจงจากรัฐบาลอย่างชัดเจน เราคงไม่อยากได้ยินคำว่าอภินิหารทางกฎหมาย เราอยากเห็นการใช้กฎหมายด้วยความสุจริตและเป็นธรรม อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับดิฉันเรื่องการเรียกเก็บค่าเสียหายจำนำข้าว ทั้งที่คดีในศาลยังไม่สิ้นสุด ดิฉันได้ร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว และถ้ามันเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เกิดความเสมอภาคก็ไม่เห็นว่าอนาคตข้างหน้าจะเดินหน้าไปได้อย่างไร เราเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ปลายทาง อยากให้ผู้ถือกติกาคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวน้ำเสียงสั่นเครือ

หนุนคนกลางร่วมวงปรองดอง

เมื่อถามว่าหากรัฐบาลยังเดินหน้าเก็บภาษี รวมถึงดำเนินคดีต่างๆ ลักษณะนี้ สุดท้ายความปรองดองจะเกิดขึ้นหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงต้องไปถามผู้ที่ถือกติกาและผู้ที่จะวางกติกาเรื่องความปรองดองว่าความหมายของคำว่าปรองดองวันนี้หมายถึงอะไร

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยเสนอตั้งกรรม การกลางเพื่อเดินหน้าการปรองดอง น.ส. ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี วันนี้หากรัฐบาลต้องการพูดแบบเปิดใจก็อยากให้ผู้เป็นกลางมาร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อจะได้ไม่มองว่ารัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง และเพื่อทุกคนจะได้เชื่อมั่นว่าคณะกรรมการที่เป็นกลางนั้นจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ถือเป็นแนวคิด ที่ดี ตนสนับสนุนแนวคิดนี้

“ป้อม”คุยกก.เตรียมปรองดอง20มีค.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีสตง. แจ้งกรมสรรพากรให้เรียกเก็บภาษีจากนักการเมือง 60 คน ที่เสียภาษีไม่ถูกต้อง อาจส่งผลต่องานของรัฐบาลในการสร้างความปรองดอง ว่า สตง.คงดำเนินการตามกฎหมายไม่ได้เน้นว่าต้องดำเนินการกับใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าจะทำก็ต้องทำให้เสมอภาคทั้งหมด หากไม่เรียกเก็บก็ต้องไม่เก็บเหมือนกันเพราะเป็นเรื่องกฎหมาย อย่าไปทำให้เป็นประเด็นมันไม่มีอะไร ภาพรวมของการสร้างความปรองดองทุกอย่างเดินไปด้วยดี

เมื่อถามว่าคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองได้เชิญ 46 พรรคมาพูดคุยแล้ว จะเป็นไปตามกำหนดเวลา 3 เดือนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าพูดคุยเสร็จเร็วกว่ากำหนดเวลาก็ดำเนินการขั้นตอนต่อไป วันที่ 20 มี.ค. นี้จะประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานทั้งหมด

กปปส.ย้ำปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง เชิญกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิป ไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย อดีตแกนนำ กปปส. พร้อมแกนนำคือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายถาวร เสนเนียม นายชุมพล จุลใส นายสกลธี ภัททิยกุล นายณัฐพล ทีปสุวรรณ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร และน.ส.จุฑาภัตต เหล่าธรรมทัศน์ เข้าให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะปรองดอง

พล.อ.ต.รังสรรค์ เยาวรัตน์ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงหลังหารือว่า กปปส.เสนอเจตนารมณ์หลักคือ ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยระบุว่าไม่รีบเลือกตั้ง ควรปฏิรูปประเทศให้เสร็จและเป็นรูปธรรมก่อน โดยเสนอให้ปฏิรูปการเมือง ทำการเมืองให้เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ปรับปรุงกฎหมายเลือกตั้งกกต.เพื่อให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม รวมทั้งปฏิรูปกฎหมายปราบปรามการทุจริต ปฏิรูประบบราชการ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม และการปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญ

พล.อ.ต.รังสรรค์กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นในส่วนภูมิภาควันที่ 16-17 มี.ค. ใน 4 กองทัพภาคได้ดำเนินการรวม 37 จังหวัด แบ่งเป็นกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 16 จังหวัดกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 13 จังหวัด กองทัพภาคที่ 3 จำนวน 3 จังหวัด และกองทัพภาคที่ 4 จำนวน 5 จังหวัด แต่ละกองทัพภาคได้จัดทำเป็นกลุ่มเพื่อให้เข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม แต่ละจังหวัดยังดำเนินการไม่ครบทั้ง 4 กลุ่ม และในวันที่ 20 มี.ค.นี้จะเป็นภาคประชาสังคม เชิญสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา ส่วนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนนั้นถือว่าอยู่ในในรายชื่อที่จะเชิญลำดับต่อไป

ไม่ขัดข้องถ้าคสช.อยู่ต่อ

นายสุเทพให้สัมภาษณ์หลังเข้าหารือว่า คำสั่งต่างๆ ของคสช. รวมถึงมาตรา 44 ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศ วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่คสช.มีอำนาจเต็มที่ในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ จะได้ใช้อำนาจปฏิรูปได้อย่างเต็มที่ และประชาชนก็สนับสนุนคสช. เช่นเดียวกับพวกตนแสดงจุดยืนว่าสนับสนุนพล.อ. ประยุทธ์ ให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างเต็มที่และเปิดเผย ไม่มีลับๆ ล่อๆ

เมื่อถามว่ากปปส.เสนอให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หากยังปฏิรูปไม่เสร็จจุดยืนของ กปปส.จะเป็นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่าได้เรียนกับประธานอนุกรรมการว่า เท่าที่รับฟังความเห็นประชาชนในวันนี้ ไม่ได้เรียกร้องให้กำหนดวันเลือกตั้ง แต่ต้องการให้ปฏิรูปเสร็จสิ้นเรียบร้อย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ตนไม่ขัดข้องหากการปฏิรูปยังไม่เสร็จแล้วรัฐบาล คสช.จะต้องอยู่ต่อไป แต่ถ้า อยู่ก็ต้องทำงานและต้องปฏิรูป ถ้ากฎกติกา แข็งแรงพอและยอมรับได้ ผลเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรทุกคนต้องเคารพผลนั้น

มาร์คยันเสียภาษีถูกต้อง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีสตง.เสนอกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษี 60 นักการเมือง ในรัฐบาลตนเองและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า การประเมินภาษีเป็นเรื่องที่สตง.และกรมสรรพากรมีข้อมูลของแต่ละบุคคลในแต่ละยุคอยู่แล้ว กรณีที่เกิดขึ้นเข้าใจว่าสตง.และกรมสรรพากรอาจเห็นว่าภาษีที่แสดงในบางกรณีไม่สอดคล้องกับบัญชีทรัพย์สิน ส่วนรายชื่อทั้ง 60 คนมีใครบ้างนั้นตนไม่ทราบ ขณะนี้กรมสรรพากรยังไม่ได้ติดต่ออะไรมาที่ตน หากกรมสรรพากรจะแจ้งคงแจ้งเป็นรายบุคคล ส่วนตัวตนไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เพราะเสียภาษีถูกต้อง ไม่รู้ว่ามีรายชื่อตนรวมอยู่ใน 60 คนด้วยหรือไม่

เสรีอัดปชป.มือไม่พาย

ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวว่า ข้อเสนอเรื่องปรองดองประเด็นต่างๆ ที่มาจากกมธ.ด้านการเมือง ซึ่งสปท.ที่มาจากตัวแทนกลุ่มหรือฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย นปช. กปปส. ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา พรรคทวงคืนผืนป่าฯ นักวิชาการและฝ่ายอื่นๆ ที่อยู่ในกมธ.ได้เสนอความเห็น ทำให้แนวทางแก้ปัญหามีหลายประเด็นและหลายมุมมอง เพื่อนำไปรับฟังความเห็นคนอื่นหรือฝ่ายอื่นๆ

นายเสรีกล่าวว่า แต่ที่ผ่านมาพรรคประชา ธิปัตย์ไม่ให้ความร่วมมือเสนอความเห็น ต่อกมธ. แต่พอเห็นข้อเสนอกลับวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวเสียดสี ใส่ร้ายให้เสียหาย พรรคประชา ธิปัตย์ต้องใจกว้างรับฟังคนอื่นบ้าง

“การเสนอความเห็นอาจจะตรงใจหรือไม่ตรงใจก็ควรใจกว้างรับฟัง ไม่ใช่เอะอะก็ทหาร สั่งบ้าง เอาใจผู้มีอำนาจบ้าง เก็งข้อสอบบ้าง หากไม่เห็นด้วยก็ควรเสนอสิ่งที่ดีกว่าเข้ามา อย่าทำตัวเหมือนอันธพาลการเมือง เหมือนจระเข้ขวางคลอง มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ พูดจาวนเวียนหาเรื่องคนไปทุกวัน สร้างความ ปั่นป่วน สับสนให้กับคนในสังคมเข้าใจผิดและเกลียดชังกันทุกวัน นี่แหละเป็นตัวอย่างที่ต้องปฏิรูป” นายเสรีกล่าว

หมายเรียกน.ศ.จี้ประกัน”ไผ่”

นางเยาวลักษณ์ อนุพันธ์ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวกรณีเครือข่ายนักศึกษา 4 ภาค จัดกิจกรรมให้กำลังใจและเรียกร้องศาลจ.ขอนแก่น ให้ประกันตัว นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นศาลจังหวัดขอนแก่นออกหมายเรียกนักศึกษา ม.ขอนแก่น ที่ไปทำกิจกรรม 4 ราย ได้แก่ นายพายุ บุญโสภณ นักกิจกรรมกลุ่มดาวดิน คณะนิติศาสตร์ นายฉัตรมงคล เจนเชี่ยวชาญ นักกิจกรรมกลุ่มดาวดิน คณะนิติศาสตร์ น.ส.เอ (นามสมมติ) คณะนิติศาสตร์ และนายณรงค์ฤทธิ์ อุปจันทร์ นักกิจกรรมกลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสำนวนเพื่อดูพฤติการณ์และข้อเท็จจริงว่านักศึกษาละเมิดอำนาจศาลตามข้อกล่าวหาอย่างไร ทั้งนี้ศาลนัดพิจารณาคดีดังกล่าววันที่ 24 เม.ย.นี้

เผยได้สอบวิชาคอมพ์แล้ว

น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ตามที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ มอบให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พื้นที่ 2 จ.ขอนแก่น ประสานกับทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อขอความร่วมมือจัดสอบให้กับนายจตุภัทร์ ที่จะสอบวิชาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นหลักสูตรภาคบังคับที่นักศึกษาทุกคณะต้องเรียนวิชานี้ แต่ศาลยังไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว กรมคุ้มครองสิทธิฯ จึงทำหนังสือประสานการจัดสอบไปยังมหาวิทยาลัยขอนแก่นและทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น

น.ส.ปิติกาญจน์ กล่าวต่อว่า วันนี้ทางมหา วิทยาลัยขอนแก่นได้จัดส่งบุคลากร 2 คน มาจัดสอบวัดความรู้คอมพิวเตอร์ให้แก่นาย จตุภัทร์ ภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ซึ่งการดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนผลการสอบ ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นจะแจ้งให้นักศึกษาทราบโดยตรงหลังจากตรวจสอบเอกสารชุดทดสอบเรียบร้อยแล้ว

ฟันรองปลัดกทม.คดีรถดับเพลิง

รายงานข่าวจากศาลาว่าการกทม.แจ้งว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานป.ป.ช. มีหนังสือด่วนที่ ปช.0015/487 ลงวันที่ 28 ก.พ. ถึงผู้ว่าฯกทม. ให้พิจารณาโทษทางวินัยนายสุวิทย์ (ทรรน์) ศิลาทอง น.ส.สุทิพย์ ทิพย์สุวรรณ พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ และพ.ต.ท.รักศิลป์ รัตนวราหะ ในฐานะกรรมการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพฯโดยวิธีพิเศษ ฐานกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรงและกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง ประกอบพ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 มาตรา 7 อีกทั้งมีมูลความผิดทางอาญา มาตรา 151 และ 157 และความผิดตามพ.ร.บ.เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 แต่ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐได้ขาดอายุความ

ป.ป.ช.สั่งให้ผู้ว่าฯกทม.พิจารณาโทษทางวินัยและส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและให้พิจารณาโทษภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง และสำเนาคำสั่งลงโทษส่งให้ป.ป.ช.ทราบภายใน 15 วันนับแต่วันออกคำสั่ง

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ว่าฯกทม.จะต้องสั่งลงโทษตามมติป.ป.ช.ภายในปลายมี.ค.นี้ ข้าราชการทั้งสี่รายนั้นปัจจุบันเกษียณไปแล้ว 3 ราย เหลือเพียงพ.ต.อ.พิชัยที่เป็นรองปลัดกทม. คาดว่าผู้ว่าฯกทม.ต้องปลดออกตามการวินิจฉัยของป.ป.ช.

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วและได้ให้นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ปลัดกทม.ดำเนินการไปแล้วเมื่อเย็นวันที่ 16 มี.ค. ในอนาคตต้องให้ออกจากราชการ

“เหลิม”พยาน-ปูไม่ได้ละเลยคดีข้าว

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ไต่สวนพยานจำเลยคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

ทนายจำเลยนำพยานขึ้นเบิกความรวม 3 ปาก ได้แก่ นายพิชัย ชุนหวชิร อดีตประธานกรรมการบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) พ.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ รอง ผกก.สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เกี่ยวกับการดำเนินคดี และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว

โดยร.ต.อ.เฉลิมเบิกความว่า หลังป.ป.ช.แนะนำให้รัฐบาลยุติโครงการรับจำนำข้าวรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ นำเรื่องไปปรึกษากับคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจกำหนดนโยบายของรัฐบาลได้ เพราะนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาจะมีผลผูกพันต่อรัฐสภา รัฐบาลจึงไม่สามารถยกเลิกโครงการได้ ผลงานวิจัยทีดีอาร์ไอ ที่ป.ป.ช.นำมาอ้างก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ส่วนที่ ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ทราบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์, คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น ให้รายงานผลอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนยืนยันไม่รู้จักบริษัท สยามอินดิก้า และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ส่วนการตรวจสอบการทุจริตระบายข้าว นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ขณะนั้นรายงานในที่ประชุม ครม.ทางวาจาว่าไม่พบทุจริต แต่หลังจากนั้นไม่นานคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.มีความเห็นว่าคดีมีมูล กระทั่งวันที่ 30 มิ.ย. 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์มีคำสั่งปลดนายบุญทรงออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีข้อบกพร่อง ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดคงไม่ปลด

อัยการซักถามเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ที่บอกว่าเล็กใหญ่จับหมด และคนที่เอี่ยวทุจริตจำนำข้าวจีทูจีเป็นเด็กเจ๊ ด. และถามว่าตลอดเวลาที่เป็นรัฐบาล 2 ปี 8 เดือน จำเลยสั่งดำเนินคดีกับบริษัทสยามอินดิก้าและเสี่ยเปี๋ยง หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ต้องถามว่าเจ๊ ด. ไหน ตนไม่รู้จัก ยืนยันว่าไม่มี ให้สัมภาษณ์ไปหรือไม่นั้นจำไม่ได้ และคำว่าเจ๊ ด.คือใคร

ศาลนัดไต่สวนพยานจำเลยครั้งต่อไปวันที่ 24 พ.ค. เวลา 09.30 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน