กสม.จี้ชันสูตรพลิกศพ “ชัยภูมิ ป่าแส” ใหม่ หาร่องรอยว่าถูกทำร้ายก่อนวิสามัญฯ หรือไม่ หลังลงพื้นที่หาข้อ เท็จจริงทหารวิสามัญฯ นักกิจกรรมชาวลาหู่ โดยอ้างว่ามียาเสพติดในครอบครอง อังคณาเผยพยานถูกข่มขู่ ต้องนำไปแจ้งความ เตรียมประสานกระทรวงยุติธรรมคุ้มครองพยาน “เตือนใจ” เผยชัยภูมิทำอาชีพเสริมขายกาแฟสุขภาพ ถึงมีรายได้มีเงินโอนเข้ามาในบัญชีทุกเดือน แต่ก็เป็นหลักพันบาท จี้ ผบช.ภาค 5 ที่เปิดเผยข้อมูลว่าค้ายานำหลักฐานมาชี้แจง ขณะที่ขอให้แม่ทัพภาค 3 เอาวงจรปิดนาทีวิสามัญฯ ให้สังคมได้เห็น อย่าให้เป็น น้ำผึ้งหยดเดียว ด้าน ผบ.กกล.ผาเมืองแถลงยันให้ความเป็นธรรม ย้ำมีวงจรปิด แต่ยังไม่เปิด ด้าน ตร.ที่คุมคดีก็ระบุยังไม่เห็นวงจรปิด ส่วนแพทย์ที่ชันสูตรตอบไม่ได้มีร่องรอยถูกทำร้ายหรือไม่ ให้รอผลเป็นทางการ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 มี.ค. ตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประกอบ ด้วยนางอังคณา นีละไพจิตร กสม. และนางเตือนใจ ดีเทศน์ อนุกสม. ลงพื้นที่ บ้านกองผักปิ้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ วัย 17 ปี ที่ถูกทหารวิสามัญฆาตกรรม โดยระบุว่ามียาเสพติดในครอบครอง และพยายามปาระเบิด ใส่เจ้าหน้าที่ จนสร้างความคลางแคลงใจในสังคม เป็นเหตุการณ์องค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ เรียกร้องรัฐบาลคลี่คลายเรื่องให้ชัดเจน

นางอังคณากล่าวว่า การเดินทางมาลงพื้นที่เพื่อให้รับฟังข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือกรณีได้รับร้องเรียนว่านายไมตรี จำเริญสุขสกุล ประธานกลุ่มรักษ์ลาหู่ จ.เชียงใหม่ ถูกข่มขู่คุกคาม ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากนายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนชาวลาหู่ นักกิจกรรม ทางสังคม และประธานเครือข่ายเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมือง ถูกทหารวิสามัญฆาตกรรม เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยหลังเกิดเหตุมีผู้ชายสองคนมาหานายไมตรีที่บ้านพัก พร้อมกับข่มขู่ว่าไม่ให้นายไมตรีพูดอะไร และห้ามให้ข่าวต่อสื่อมวลชน ต่อมาเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา นายไมตรีได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเดินอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน แต่เมื่อออกมาก็พบลูกกระสุนปืน 1 นัด ไม่ทราบขนาด มาวางอยู่ที่บริเวณขอบกำแพงห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน

นางอังคณากล่าวต่อว่า ดังนั้น เราจึงลงพื้นที่มาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะถือว่านายไมตรีเป็นพยานสำคัญคนหนึ่งในคดีการเสียชีวิตของนายชัยภูมิ อีกทั้งยังเป็นคนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนด้วย เบื้องต้นตนแนะนำ ให้นายไมตรีไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.นาหวาย และขอให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองพยานด้วย

ทั้งนี้นายไมตรีทำหน้าที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงของนายชัยภูมิ ซึ่งนอกจากเป็นพี่เลี้ยงให้แก่นายชัยภูมิแล้ว ยังเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็กลาหู่ที่อยู่ ในชุมชนด้วย จากนี้ไป กสม. จะประสานงานไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวง ยุติธรรม (ยธ.) ในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือด้านการคุ้มครองพยานด้วย เพื่อให้ดูแลในเรื่องนี้ อีกทั้งการที่คดีนี้จะคลี่คลายได้ต้องยอมรับว่าต้องให้ความสำคัญกับพยาน ซึ่งพยานต้องมีความมั่นใจในความปลอดภัยในการที่จะให้การเป็นพยานในชั้นศาลด้วย

นางอังคณากล่าวอีกว่า นอกจากจะได้พบกับนายไมตรีแล้ว ยังพบกับพยานผู้เห็นเหตุการณ์อีกรายหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องการให้เปิดเผยชื่อ เพราะมีความกลัวและไม่กล้าไปให้การกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งบุคคลดังกล่าวยื่นหนังสือถึงกสม. เช่นกัน โดยอยากให้มีการคุ้มครองพยาน ส่วนเรื่องที่ไม่กล้าไปให้การกับเจ้าหน้าที่นั้น เราต้องดูว่าจะมีการสืบพยานแบบไม่ให้เห็นหน้าได้หรือไม่ หรือจะให้มีการ สืบพยานล่วงหน้าหรือไม่ โดยเราจะต้องไปดูรายละเอียดก่อน อีกทั้งการคุ้มครองพยานนั้น ก็ต้องสร้างความไว้ใจให้เขาได้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า กสม.ต้องเข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหาอีกรายที่ถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับคดีของนายชัยภูมิด้วยหรือไม่ นางอังคณากล่าวว่า เรื่องการเสียชีวิตของนายชัยภูมิ กสม.เป็นผู้หยิบยกประเด็นขึ้นมา และอยู่ในอำนาจหน้าที่ โดยนายชาติชาย สุทธิกลม กสม. ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะเข้าไปพบกับผู้ที่ถูกจับกุมและเป็นพยานในคดีนี้ด้วยหรือไม่ ต้องดูว่านายชาติชายจะมีการวางแนวทางการตรวจสอบอย่างไร ทั้งนี้ เราจะนำข้อมูลที่ได้จากลงพื้นที่ในวันนี้ไปนำเสนอให้ กสม. ในเรื่องของการคุกคามคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อเข้าเป็นอนุกรรมการในการตรวจสอบ ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ หลังจากนั้นก็จะเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว ข้องเข้ามาให้ข้อมูล ส่วนจะมีการวางแผนการทำงานและเรียกเจ้าหน้าที่อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอนุกรรมการ

ด้านนายไมตรีกล่าวว่า ในวันนี้ตนเดินทางไปลงบันทึกประจำวันแล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ นั้น ทางทนายความของตนจะเป็นคนพูด ส่วนประเด็นที่นายชัยภูมิมีธุรกิจขายกาแฟออนไลน์ทำให้มีข้อสงสัยถึงข้อมูลที่มาของเงินนั้น ตรงนี้เราให้ข้อมูลกับทนายไปแล้ว คงต้องให้ทนายเป็นคนพูด แต่เราก็มีหลักฐานที่ชัดเจนที่สามารถอธิบายที่มาของเงินได้ รวมถึงเรื่องรถยนต์ด้วย

นางเตือนใจ ดีเทศน์ อนุกรรมการสิทธิฯเผยว่า จากการพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน ทราบว่าชัยภูมิเป็นเด็กกตัญญูต่อแม่ พ่อเลิกไปตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็หาเงินมาให้พ่อเลี้ยงกับแม่ เด็กมีพรสวรรค์ แต่งเพลง ทำกิจกรรม ต้องการให้เด็กลาหู่ห่างไกลยาเสพติด และรักความเป็นลาหู่ และสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่พิสูจน์มาไม่น้อยกว่า 5 ปี เสียดายที่ถูกวิสามัญฯ ในฐานะอนุกก.สิทธิ์ด้านชาติพันธุ์ อยากให้สังคมไทยให้ความเป็นธรรม ไม่มองเหมารวมว่าคนชาติพันธุ์ต้องเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในแต่ละสังคมก็มีคนดีและคนไม่ดี ชัยภูมิพยายามทำให้ เห็นว่าเยาวชนต้องไกลจากยาเสพติด

นางเตือนใจกล่าวอีกว่า ข้อมูลที่ได้พบว่านายชัยภูมิทำธุรกิจกาแฟเพื่อสุขภาพ ร่วมกับพี่ที่อุปการะเขา ดังนั้น บัญชีของเขาจะมีเงินเข้ามาบ่อยๆ แต่ไม่ถึงหลักหมื่น เป็นแค่หลักพัน เป็นรายได้จากการขายกาแฟ แต่ถ้าผบช.ภาค 5 มีหลักฐานก็ขอให้เปิดเผยข้อมูลต่อสังคม ส่วนเรื่องระเบิดคนในพื้นที่ก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ดังนั้น เรื่องเอาระเบิดไปปาคงไม่น่าถูกต้อง โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันเกิดเหตุนายไมตรีที่เป็นพี่อุปการะนายชัยภูมิทราบเหตุ ก็พยายามจะเข้าไป แต่ก็ถูกกันไม่ให้เข้า จนกระทั่งวันที่ 18 มี.ค.ถึงจะส่งศพที่ชันสูตรแล้วกลับมา

“มีคำถามว่าเป็นไปได้หรือไม่หากดูจากภาพถ่ายว่านายชัยภูมิช่วยทหารเปิดกระโปรงรถด้านหน้า เมื่อไม่พบก็กลับไป แต่กับมีการทำร้ายร่างกาย จึงขอให้ตรวจสอบอย่างโปร่งใส ตอบสังคมให้ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่านายชัยภูมิจะมีความผิดในคดียาเสพติด ก็ต้อง เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ผ่านศาล ไม่ใช่การวิสามัญฯ มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์มีชีวิตอยู่ จึงขอให้แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยข้อมูล ให้เอาภาพวงจรปิดที่ระบุว่าดูแล้วออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นไฟลามทุ่ง หรือน้ำผึ้งหยดเดียว เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมก็ควรจะเปิดเผยให้สังคมได้รับทราบทั้งหมด? นางเตือนใจกล่าว

เมื่อถามว่าต้องมีการชันสูตรศพใหม่หรือไม่ นางเตือนใจบอกว่า เมื่อมีข้อสงสัยว่ามีการซ้อมทรมานก่อนเสียชีวิตหรือไม่ ก็ควรชันสูตร ศพที่ฝังอยู่ใหม่อีกครั้ง

ส่วนเรื่องอายุของนายชัยภูมิ นางเตือนใจระบุว่า จากการสอบถามพบว่าน่าจะอายุไม่เกิน 18 ปี แต่อาจจะมีความผิดพลาดจากการสำรวจข้อมูล ยกตัวอย่างผู้ใหญ่บ้านหญิงคนหนึ่งในพื้นที่ก็อายุในบัตรไม่ตรงกับอายุจริงถึง 5 ปี

ที่กองกำลังผาเมือง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร ผบ.กกล.ผาเมือง พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ นพ.พงษ์ศักดิ์ โสภณ รองผอ.โรงพยาบาลนครพิงค์ นายธรรมฤทธิ์ สีตะปะดล รองอัยการจังหวัดเชียงใหม่ และนายเพิ่มเกียรติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ปลัดอำเภอเชียงดาว ร่วมแถลง ความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ

โดยพล.ต.จิรเดชกล่าวว่า ตามข้อมูลที่ได้รับรายงานยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ประเมินจากสถานการณ์ที่ผู้เสียชีวิตพยายามต่อสู้ขัดขืนการตรวจค้นจับกุมและมีอาวุธแล้ว จึงยับยั้งเหตุตามยุทธวิธี ส่วนการสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นทางกองทัพภาคที่ 3 แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนของคดีความตามกฎหมายก็มีการดำเนินการไปตามขั้นตอน เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเป็นพลทหารที่เป็นคนยิงเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว และยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในพื้นที่ ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว ข้องจะดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายอย่างแน่นอน ส่วนประเด็นภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุที่มีการเรียกร้องให้นำมาเปิดเผยนั้น เวลานี้ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ

พ.ต.อ.ธีรพลกล่าวว่า ผบ.ตร.และผบช.ภาค 5 กำชับให้ควบคุมดูแลคดีนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้ความจริงปรากฏและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ โดยมอบหมายให้พ.ต.อ.มงคล สัมภวะผล รองผบก.ภ. จว.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวน คดีนี้ที่จะแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การครอบครองยาเสพติดและต่อสู้ขัดขืน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ 2.การเสียชีวิตโดย เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ และ 3.การชันสูตรพลิกศพ โดยในส่วนของการชันสูตรพลิกศพนั้น หากทางญาติยังติดใจสงสัยสามารถร้องขอ ให้มีการชันสูตรพลิกศพใหม่ได้

พ.ต.อ.ธีรพลกล่าวว่าที่มีข่าวออกมาว่ามีคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดที่จุดเกิดเหตุนั้น พนักงานสอบสวนยังไม่เห็นเลย แต่ถ้าใคร มีภาพหรือคลิปหรือเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ก็ขอให้ส่งมาให้พนักงานสอบสวนหรือตำรวจได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก ตอนนี้ยังไม่เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดตามที่มีการให้ข่าวกันแต่อย่างใด

นพ.พงษ์ศักดิ์ ในส่วนของโรงพยาบาลนำศพมาชันสูตรพลิกศพ หลังจากที่มีการตรวจพิสูจน์ในที่เกิดเหตุไปแล้วโดยเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่ายตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นพบบาดแผลกระสุนปืนที่แขนซ้าย แฉลบเข้าสีข้างด้านซ้ายถูกหัวใจและปอดจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่ง มีร่องรอยกระสุนปืน 1 นัด ส่วนพบว่ามีร่องรอยการทำร้ายร่างกายก่อนที่จะถูกยิงหรือไม่นั้น ระหว่างนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการน่าจะแล้วเสร็จภายใน 3-4 วันนี้

พ.ต.อ.มงคล หัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้อย่างละเอียดและจะมีการสอบปากคำพยานทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของผู้ที่มีข้อมูลหลักฐานใดๆ ที่เป็นความจริงและเป็นประโยชน์ต่อ คดีนี้สามารถนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ได้

ส่วนกรณีนายชัยภูมิว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่อย่างไรนั้น กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดเช่นกัน ซึ่งเบื้องต้น มีการตรวจสอบพบเอกสารหลักฐานที่นายชัยภูมิ นำไปใช้เปิดบัญชีธนาคาร ระบุว่าเกิดเมื่อปี 2539 และมีอายุ 21 ปี แล้ว ไม่ใช่ 17 ปี ส่วนรถยนต์ที่ใช้ซุกซ่อนยาบ้าและถูกตรวจยึดนั้น ล่าสุดสอบปากคำผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถแล้ว ทราบว่าก่อนหน้านี้ได้ขายไปโดยโอนลอยให้กับเต็นท์รถ ทั้งนี้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้มากนัก อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่หนักใจและจะทำคดีให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน