รองปลัดยธ.ชื่นชมแม่แพรวา ประสานแบงก์-กรมบังคับคดี ช่วยขายที่ดิน 50 ล้าน

แพรวา – จากกรณีศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจ ในคดีหมายเลขดำ 2266-2278/2559 ที่กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุ น.ส.แพรวาขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารพลิกคว่ำ เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค.53 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน

โดยให้ น.ส.แพรวา พ.อ.รัฐชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา นางนิลุบล อรุณวงศ์ บิดาและมารดาของเยาวชน, นายสุพิรัฐ จ้าววัฒนา ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ซีวิค ,นายสันฐิติ วรพันธ์, น.ส.วิชชุตา วรขจิต และบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย มูลค่า 24 ล้านบาท

ก่อนมารดา น.ส.แพรวา ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแสว่า มีความพร้อมในการจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายให้เหยื่อตามคำพิพากษาของศาล โดยส่งโฉนดที่ดินปราณบุรี-สามร้อยยอด จำนวน 21 ไร่ มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท และโฉนดที่ดินหมู่บ้านเมืองทอง 300 ตารางวา ไปยังนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการ พร้อมระบุว่าให้กระทรวงยุติธรรมจ่ายเงินไปก่อน หากขายที่ดินได้จะนำเงินมาชดใช้คืนให้

ต่อมานายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า หากทางครอบครัวน.ส.แพรวา มีเจตจำนงชัดเจนว่าจะขายที่ดินที่มีอยู่ เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย กระทรวงยุติธรรมพร้อมช่วยดำเนินการให้ โดยติดต่อมายังตนได้เลย ให้นำโฉนดที่ดินส่งมอบที่ตน จะเก็บรักษาไว้ให้เป็นอย่างดี

ส่วนประเด็นที่ให้กระทรวงยุติธรรม สำรองจ่ายเงินผู้เสียหายไปก่อนนั้น ตามระเบียบกองทุนยุติธรรมคงทำไม่ได้ แต่ก่อนหน้านี้กระทรวงได้เยียวยาผู้เสียหายไปหมดแล้วตามพ.ร.บ.ชดใช้และช่วยเหลือเหยื่อและในคดีอาญา

ล่าสุดนายธวัชชัย ยังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องนี้ด้วยว่า “ชื่นชมยินดีต่อแม่น้องแพรวาและครอบครัวที่ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบ”

กรณีคุณแม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่า ไม่มีเจตนาดึงเรื่องให้ยืดเยื้อและไม่ต้องการให้เสียเวลาไปนั่งสืบทรัพย์ให้เสียเวลา พร้อมจ่าย แต่ไม่มีเงินสดในมือ แต่มีหลักทรัพย์เป็นที่ดินเพียงพอกับมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยอนุมัติเงินกองทุนยุติธรรมช่วยเยียวยาผู้เสียหายไปก่อน โดยยอมเป็นลูกหนี้กองทุนยุติธรรมแทน ด้วยการเอาโฉนดเหล่านี้ไปค้ำประกันแทน

จากการศึกษาข้อกฎหมาย ขณะนี้พบว่า ไม่มีกฎหมายรองรับให้กองทุนยุติธรรมสามารถออกเงินให้จำเลยไปก่อน โดยเอาหลักทรัพย์มาค้ำประกันได้ แต่ก็เป็นเรื่องน่าศึกษาและถอดบทเรียนในอนาคต

อย่างไรก็ตามอยากจะขอชื่นชมและขอบคุณคุณแม่ที่เปิดประตูแห่งแสงสว่างในการออกมาแสดงความรับผิดชอบครั้งนี้ อย่างน้อยก็ลดความอึดอัดคับข้องของฝ่ายผู้เสียหายและสังคม

ข้อเท็จจริงที่สังคมยังไม่รับรู้ก็คือที่ดินของคนที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีนั้น ไม่มีมูลค่าเลยครับ เพราะผู้จะซื้อจะคิดไปว่าอาจเข้าข่ายเป็นการช่วยจำเลยในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินและถูกเรียกคืน จึงขายไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันคดีได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

กระทรวงยุติธรรมยินดีเป็นโซ่ข้อกลางในการรับโฉนดที่ดินมาวางที่กระทรวงยุติธรรมในระหว่างการเจรจาทั้งสองฝ่าย ทั้งที่ไม่มีอำนาจในการเก็บหลักทรัพย์ดังกล่าว แต่ก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจของคู่กรณี หรือช่วยประสานงานสถาบันการเงินให้ปล่อยเงินกู้ให้ หรือคุณแม่อาจยินยอมเข้าสู่กระบวนการบังคับคดีตามกฎหมาย โดยนำหลักทรัพย์ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาดแทนที่กรมบังคับคดี แทนที่ตนเองจะเป็นผู้ขายก็ได้ เพราะจากประสบการณ์เคยเห็นมีที่ดินบางแปลงขายโดยกรมบังคับคดีได้มากกว่าเจ้าทรัพย์นำไปขายเองครับ โดยจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน และไม่ต้องไปเสียค่านายหน้าให้ใคร

ขอชื่นชมยินดีอีกครับนะครับที่คุณแม่และครอบครัวที่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบและหาทางออกร่วมกันครับ

อ่านข่าว หัวอกแม่! เผยแพรวาเหมือนตายทั้งเป็น หวั่นคิดสั้น.. หวาดระแวง หย่าสามีแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน