ฮือฮา! ชาวบ้านลากอวน ได้ปลาบึกยักษ์ 3 ตัว ตัวโตสุดหนัก 110 ก.ก.ส่งขายแม่ค้าปลา ในตลาดเทศบาลนครพนม ไม่ถึง 2 ช.ม. ร้านอาหารแย่งซื้อ ทำเมนูเด็ดจนเกลี้ยง แม่ค้าปลาชื่อดังเผย จับได้กลางแม่น้ำโขง ใน จ.บึงกาฬ จ.มุกดาหาร และจ.นครพนม 3 ตัว หนักรวมกัน 260 ก.ก. รับซื้อไว้กิโลละ 250 บาท เป็นเงิน 65,000 บาท หลังชำแหละแล้ว ขายกิโลละ 300 บาท ชี้ที่ราคาแพง เพราะเป็นปลาแม่น้ำโขงแท้ๆ เนื้ออร่อยคนชอบกิน แต่หายาก ระยะหลังจับกันไม่ค่อยได้ เมื่อ 10 ปีก่อน เคยรับซื้อตัวใหญ่สุด หนัก 220 ก.ก. ยาว 3 ม. มีภัตตาคารจีนชื่อดัง มาขอซื้อทั้งตัว ให้ราคาแพงถึงกิโลละ 500 บาท

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าว จ.นครพนม รับแจ้งมีชาวประมงพื้นบ้าน สามารถจับปลาบึกขนาดใหญ่น้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัมได้ จาก การวางอวนกลางแม่น้ำโขง ก่อนนำมาขายให้กับแผงขายปลาของนางเด่น คันทักษ์ อายุ 59 ปี ภายในตลาดเทศบาลเมืองนครพนม สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่ขับรถผ่านไปมาที่พบเห็น เพราะปัจจุบันปลาบึกแม่น้ำโขงจัดเป็นปลาที่หากยาก ในรอบ 3 เดือนจะพบเห็นได้แค่ 1-2 ตัวเท่านั้น จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบมีประชาชนจำนวนมากมามุงดูปลาบึกขนาดใหญ่ จำนวน 3 ตัว ที่วางเรียงกันอยู่บนแผงปลา โดยมีบางคนขออุ้มปลาตัวใหญ่ที่มีน้ำหนัก 110 กิโลกรัม เพื่อถ่ายภาพลงในสื่อสังคมออนไลน์ แต่กว่าจะยกขึ้นได้ก็แทบ จะแย่

นางเด่นเปิดเผยว่า ช่วงปลายฝนต้นหนาวใกล้ออกพรรษา จะมีชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ จ.นครพนม จ.บึงกาฬ และจ.มุกดาหาร ออกลากอวนหาปลาในแม่น้ำโขง ได้ปลาหลายชนิดน้อยใหญ่ก็จะนำมาขายให้ตน เพื่อส่งตามภัตตาคาร โรงแรม และร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง ล่าสุดมีชาวประมงจาก จ.บึงกาฬ นำปลาบึกที่ล่าได้จากแม่น้ำโขงมาขายให้น้ำหนัก 110 กิโลกรัม ความยาว 1.5 เมตร จาก จ.มุกดาหาร จำนวน 1 ตัว น้ำหนัก 90 กิโล กรัม ยาว 1.3 เมตร และจาก จ.นครพนม อีก 1 ตัว น้ำหนัก 60 กิโลกรัม ยาว 1 เมตรเศษ มาขายให้กับตน เฉพาะปลาบึก 3 ตัวที่รับซื้อไว้วันนี้ รวมน้ำหนัก 260 กิโลกรัม ตนซื้อในราคากิโลกรัมละ 250 บาท เป็นเงิน 65,000 บาท หากชำแหละแล้วจะขายต่อในราคากิโลกรัมละ 300 บาท

นางเด่นเผยต่อว่าสาเหตุที่ชาวประมงนำปลาบึกมาขายให้ เพราะแม่ค้าพ่อค้าในพื้นที่ไม่กล้ารับซื้อปลาเป็นตัวเพราะใช้ต้นทุนสูง ชาวประมงจึงนำมาขายให้ตน เพื่อชำแหละส่งขายในร้านอาหารหลายแห่ง โดยแต่ละแห่งสั่งครั้งละ 50-100 กิโลกรัม ปรากฏว่าภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง หลังข่าวแพร่สะพัดออกไป ปลาบึก 3 ตัวใหญ่ ถูกซื้อหมดในเวลาอันรวดเร็ว เหลือแต่หัวไว้ให้ลูกค้าทั่วไปได้มาซื้อในราคากิโลกรัมละ 50 บาท หากสับตัดหรือชำแหละให้ก็จะขายให้กิโลกรัมละ 100 บาท

“ฉันรับโทรศัพท์จากร้านอาหารชื่อดังแทบ ไม่ทัน เพราะเป็นปลาที่หายากและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เชื่อว่าผู้ที่ได้รับประทานแล้วจะมีอายุยืนยาว ร้านอาหารนิยมนำไปผัดเผ็ด ผัดฉ่า และต้มยำ บางรายก็จะสั่งเฉพาะท้องติดมันนิดๆ นำไปทำห่อหมกอีสาน เนื่องจากเนื้อปลาชนิดนี้มีลักษณะคล้ายเนื้อหมูสามชั้น มีชั้นหนัง ไขมันและเนื้อ รสชาติอร่อยมากที่สุดในบรรดาปลาตระกูลหนัง โดยเฉพาะปลาธรรมชาติที่ล่าได้จากแม่น้ำโขง” นางเด่นกล่าว

แม่ค้าขายปลารายใหญ่ยังกล่าวด้วยว่า ตั้ง แต่มีอาชีพขายปลาในตลาดมาแต่วัยสาวอายุ 18 ปี เคยรับซื้อปลาบึกขนาดตัวใหญ่ที่สุดน้ำหนักมากถึง 220 กิโลกรัม ความยาว 3 เมตร เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่ทันจะชำแหละขายหน้าเขียง ก็มีภัตตาคารอาหารจีนชื่อดัง มาขอซื้อไปทั้งตัว ให้ราคากิโลละ 500 บาทเลย ทีเดียว

ด้าน น.ส.พรรณิดา เพ็ชรนนท์ อายุ 27 ปี ลูกสะใภ้นางเด่น กล่าวว่า มีหน้าที่ชำแหละช่วยแม่ของสามี ในรอบ 2 ปีจะมีชาวประมงที่หาปลาจาก จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ และอ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ใส่รถกระบะมาขายส่งให้หน้าเขียง ตัวโตที่สุดที่เคยเห็นน้ำหนัก 170 กิโลกรัม ผู้เฒ่าผู้แก่และชาวประมงเล่าให้ฟังว่า ปลาชนิดนี้มักจะอาศัยอยู่ตามโขดหินเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขง ชอบกินพืชตะไคร่น้ำ และพบว่าเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ที่ผ่านมาชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ จ.นครพนม จับปลาบึกได้น้อยมาก ไม่เหมือนกับ 2 จังหวัดที่กล่าวข้างต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน