ม.เอกชน โวย! ทีแคส 5 รอบรับเด็กน้อยลง จี้แบ่งกลุ่มท็อปไฟว์ ยกมาตรฐานสู้ม.รัฐ

ม.เอกชน – วันที่ 1 ส.ค. นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเอกชนเป็นสมาชิก 75 แห่ง ว่า มหาวิทยาลัยเอกชนมีจุดเด่นในการรับนักศึกษา โดยเฉพาะนักศึกต่างชาติที่มีสัดส่วนมากกว่ามหาวิทยาลัยรัฐถึง 59% ถือว่ามีศักยภาพในการช่วยการจัดการศึกษา

ตนได้ขอให้มหาวิทยาลัยเอกชนกลับไปดูตัวเองว่าจะอยู่ในกลุ่มใดของประเทศ คือ เป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก มหาวิทยาลัยที่ตอบโจทย์ด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี และมหาวิทยาลัยที่ตอบโจทย์ชุมชนและพื้นที่ เพื่อจะได้พัฒนาให้ตรงจุด

และจัดอันดับตัวเองว่า 5 แห่งแรก ที่ดีที่สุดและต้องการไปต่อระดับโลก มีศักยภาพไม่แพ้มหาวิทยาลัยรัฐ เพื่อจะได้สนับสนุนอย่างเต็มที่ และไปดูว่ามหาวิทยาลัยใดที่มีปัญหา 5-10 แห่งที่ต้องการให้เข้าไปเยียวยา มีที่ใดบ้าง

นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ดูศักยภาพของมหาวิทยาลัยเอกชน เห็นว่ามีศักยภาพในการเป็นต้นแบบ 3 ด้าน คือ ด้านการทำงานการศึกษาต่างประเทศ ทั้งการดึงนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียน และการรุกออกไปสอนที่ต่างประเทศ ด้านการเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม โดยยกระดับวิสาหกิจขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายอว. ในการนำองค์ความรู้เข้าไปยกระดับชุมชน

ทั้งนี้ให้มหาวิทยาลัยเอกชนหารือกับสภาอุตสาหกรรม เพื่อสร้างพลังขับเคลื่อน และด้านการเป็นต้นแบบในการควบรวมหลักสูตร การเรียนข้ามมหาวิทยาลัย และการเรียนออนไลน์ รวมถึงให้ไปดูเรื่องการเปิดหลักสูตรระยะสั้น ให้คนทุกช่วงวัยเข้ามาพัฒนาตัวเอง หรือเรียกว่า ปริญญาจิ๋ว เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต

มหาวิทยาลัยเอกชนขอให้ทบทวนพ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2562 ที่เพิ่งประกาศใช้ แต่ไม่ได้แก้ไขประเด็นสำคัญที่จะช่วยให้มหาวิทยาลัยมีความคล่องตัว รวมทั้งจะหารือกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เกี่ยวกับระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือทีแคส ซึ่งมี 5 รอบ มากเกินไป ทำให้มหาวิทยาลัยเอกชนรับเด็กได้น้อย

“ผมรับจะไปพูดคุยกับทปอ. แต่ก็อยากให้มหาวิทยาลัยเน้นพัฒนาตัวเองให้มีคุณภาพ เพื่อให้เด็กเลือกมาเรียนด้วยคุณภาพของมหาวิทยาลัย” นายสุวิทย์กล่าว

นายพรชัย มงคลวนิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยสยาม ในฐานะนายกสสอท. กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเอกชน ได้เสนอ 5 ประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.อยากให้มีการตั้ง Business industry university หรือมหาวิทยาลัยผู้ประกอบการในมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งจะพัฒนาบุคลากร วิจัย ให้แก่ภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ซึ่งถือเป็น 80% ของธุรกิจทั้งหมดของประเทศไทย

โดยมหาวิทยาลัยเอกชนจะร่วมผลักดันพัฒนาบุคลากร นักธุรกิจด้าน SMEs โดยนายสุวิทย์ รับจะไปหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยเอกชนเข้าร่วม 2.การพัฒนาอุดมศึกษานานาชาติ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเอกชนมีนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนจำนวนมาก จึงอยากให้อว.เป็นหัวหอกประสานงานกับส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มหาวิทยาลัยเอกชนบริการทางการศึกษากับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน

นายพรชัย กล่าวต่อว่า 3.มหาวิทยาลัยเอกชนได้ทำงานวิจัยร่วมกับหน่วยงานต่างๆ แต่ส่วนใหญ่จะต่างคนต่างทำ และอยู่เบื่องหลัง ดังนั้นจึงอยากให้นำความสามารถของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีศักยภาพมารวมกัน เช่น รวมบุคลากรด้านไอซีทีเพื่อทำการวิจัยให้แก่ภาครัฐและเอกชน เป็นต้น

4.อยากให้อว.ลงทุนทรัพยากรด้านการเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของการเรียนรู้ เช่น อินเทอร์เน็ต ฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยให้นักศกษาในมหาวิทยาลัยใหญ่และเล็กสามารถเข้าถึงฐานเรียนรู้ได้อย่างทั่วถึง และที่สำคัญในอนาคตจะได้สร้างการเรียนรู้แบบออนไลน์ต่างๆ ได้ด้วย เช่น โมบายเลิร์นนิ่ง

5.อยากให้อว.แก้กฎระเบียบต่างๆ ที่ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เช่น การพัฒนาหลักสูตร เนื่องจากติดกับกฎระเบียบ ไม่มีความคล่องตัว อย่างไรก็ตาม ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ รัฐมนตรีว่าการอว.เข้าใจ และเห็นว่ามหาวิทยาลัยเอกชนเป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาการศึกษา ยกระดับงานวิจัย และภาคอุตสาหกรรม โดยจะไปหารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน