ดาราหนุ่ม เผชิญหน้าอดีตผอ. คู่กรณีค้ำประกันแม่ ลั่นพร้อมชดใช้แทน เชื่อถูกใส่สีตีไข่

ดาราหนุ่ม / จากกรณีที่ อดีตผอ.ท่านนึงโพสต์ขอความเป็นธรรม ระบุว่าเคยค้ำประกันให้อาจารย์หญิงท่านหนึ่ง ปัจจุบันเป็นแม่ของดารา แต่ปรากฎว่าแม่ดาราไม่ยอมจ่ายหนี้ ทำให้ผู้ค้ำประกัน 7 รายเกิดปัญหา ทั้งโดนยึดบ้าน จ่ายหนี้แทน บางรายตรอมใจเสียชีวิต บางรายต้องเป็นอัมพฤกษ์ จนเรื่องนี้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม

ล่าสุดรายการโหนกระแสวันที่ 4 ก.ย. โดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัดออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.45 – 14.25 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “นายวินัย สังขวรรณะ” อดีต ผอ.โรงเรียนผาปูน หนึ่งในผู้ค้ำ ซึ่งเผชิญหน้า “นายกิติพัฒน์ รัตนเศรณี” หรือ “แมงมุม” นักแสดงอิสระ ลูกชายคู่กรณี กันจะจะกลางรายการ

ไม่พลาดข่าวสาร แอดไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อนปัจจุบันยังสอนอยู่มั้ย?
วินัย : “ไม่ได้สอนครับ ไม่ได้เป็นผอ. เป็นชาวบ้านธรรมดา”

เหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น?
วินัย : “จริงๆ เกิดมาสิบกว่าปีแล้ว แม่ดาราคนนี้เขาย้ายไปจากนครสวรรค์ เป็นครูด้วยกัน ย้ายไปจากกำแพงเพชร ไปอยู่อ.อมก๋อย ตอนนั้นมีโครงการพัฒนาชีวิตครู เพื่อทำให้ครูมีชีวิตดีขึ้น ก็เข้ากู้ โดยรวมตัวขอเข้ากลุ่ม กลุ่มเรามี 7 คน เขายื่นกู้ไปปี 2545 แต่พอปี 46 เขาย้ายมานครสวรรค์”

ในปี 44 แม่ดาราเป็นครู ย้ายมาจากกำแพงเพชร ย้ายไปอยู่อ.อมก๋อย ไม่ได้สอนที่เดียวกัน เหมือนตั้งเป็นโครงการชื่อว่า?
วินัย : “โครงการพัฒนาชีวิตครู ให้ครูรวมกลุ่มกันเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครู เหมือนกู้ออมสิน สกสค. ประสานกับออมสินแล้วออมสินปล่อยกู้ แล้วให้ครูดูแลกันเอง”

ดูแลกันเองคืออะไร?
วินัย : “หนึ่งมีอาชีพเสริมอะไรบ้างช่วยได้ จากดอกเบี้ยเอาที่อื่นมาแพง เอาจากออมสินก็จะถูกกว่าและมีส่วนต่างอีกหน่อย”

แม่ดาราท่านนี้ ต้องการกู้เงินจากโครงการนี้ ทำยังไง?
วินัย : “ก็ขอเข้ากลุ่ม แต่ตอนนั้นหลายคนไม่อยากให้เข้าเพราะเขามาจากต่างถิ่น ผมก็ได้คุยกับนายกลุ่มว่าเป็นครูด้วยกัน น้องเขาย้ายมาตัวคนเดียว ก็คงไม่มีปัญหาอะไร เป็นครู ก็ช่วยๆ กันไป”

กู้ไปเท่าไหร่?
วินัย : “ที่ยื่นกู้ไปก็ 1.6 ล้านบาท แต่เขาน่าจะได้รับอนุม้ติประมาณ 1.4 ล้าน ถึง 1.5 ล้าน”

วิธีการกู้ในครั้งนั้น ยังไง ต้องมีหลักประกันหรือยังไง?
วินัย : “ในระเบียบจริงๆ ให้สมาชิกค้ำกันเองไม่เกิน 4 แสนบาทต่อคน หมายความว่าคนนึงกู้ ถ้าเอาบุคคลค้ำไม่เอาหลักทรัพย์ ทั้งหมดก็รับผิดชอบแค่ 4 แสนบาท”

7 คน ไม่ใช่คนละสี่แสน?
วินัย : “ไม่ใช่ครับ รวม แต่ที่มันเกิน เขาต้องเอาหลักทรัพย์ตัวเขาเองจากแม่ดาราคนนี้ ต้องเอาบ้านมาจำนองกับธนาคารด้วย รวมยอดทั้งหลักทรัพย์และบุคคลค้ำก็ประมาณ 1.4 ล้าน”

บ้านหลังนั้นที่คุณแม่ดาราเอาไปวางไว้ 1 ล้าน มีของครู 7 คนสี่แสน แต่เวลาเขาคิดมาเขาไม่ได้แยก เขารวมเลย เพราะฉะนั้นถ้าตัวต้นคือคุณแม่ดาราไม่จ่าย ผู้ค้ำรับหมด ไม่ใช่แค่ 4 แสน แต่เวลากู้ กู้ได้ 4 แสน?
วินัย : “ครับ หลังจากนั้นปี 46 หรือ 47 เขาก็ย้ายมา แลกสับเปลี่ยนกัน จากครูนครสวรรค์ ก็มาอมก๋อย แม่ดาราคนนี้ก็มาอยู่นครสวรรค์ อยู่ได้สองปี เขาก็ขาดส่ง ก็เดือดร้อนกลุ่ม เขาก็โทร.มา ธนาคารก็ทวงมาที่ 7 คน โดยเฉพาะที่ผม โทร.มาขอให้ช่วยหน่อย เราก็ปรึกษากันเพื่อไม่ให้ระบบมันเสีย เพราะในระบบเราทำเอ็มโอยูกับธนาคาร สกสค. เราไม่ได้ตั้งกฎเอง สกสค. กับออมสินเป็นผู้กำหนด เราเข้าไปอยู่โครงการ”

โครงการนี้ลักษณะเหมือนผอ. จะกู้เอง จะมีสามาชิกในโครงการที่เป็นครูค้ำประกันเหมือนกัน แม่ดาราก็ไปค้ำประกันให้คนอื่นด้วยเหมือนกัน แต่ไม่มีปรากฎ?
วินัย : “ใช่ครับ แต่คนอื่นเขาดี เขาไม่หนีหนี้ ทุกคนก็ใช้หนี้กันตามปกติจนหมดแล้ว มีเขาคนเดียวที่หนีไป นอกนั้นเขาไม่หนี ทั้งหมดเขากู้กัน 5 คน อีก 2 คนไม่ได้กู้ แต่คนที่กู้เขาชำระหนี้ตามปกติ”

ต่อให้คำประกันก็สบายเพราะคนอื่นไม่ได้หนีหนี้?
วินัย : “ครับ ไม่มีผลกระทบต่อแม่ดาราคนนี้”

เจ็ดคนมีใครบ้าง?
วินัย : “มีผอ. สีมา ตอนนี้เป็นอัมพฤกษ์ เขาน่าจะวิตก ตัวแกเป็นหนี้อยู่แล้ว โดนบังคับคดีขายทอดตลาดบ้านไปครั้งนึง หลังแม่ดาราคนนี้ย้ายไป หายไปเลยแกก็เครียดอีกว่าจะโดนภาระตรงนี้อีก ก็เลยล้มและเหมือนเส้นเลือดในสมองแตกเข้ารพ.”

มาจากเรื่องนี้?
วินัย : “ผมก็คิดว่าน่าจะมีส่วนด้วย เมื่อวานคุยกัน แกบอกว่ามีส่วน”

มีใครอีก?
วินัย : “ก็มีผม เป็นคนที่สอง โดนบังคับคดีขายทอดตลาด”

เดือดร้อนนี่คือเขาทวงหนี้เรา แม่ดาราไม่จ่ายแล้วเราทำยังไง?
วินัย : “เมื่อเขาไม่มีชำระหนี้ ตอนแรกเขายังไม่หนี เขายังอยู่ เขาบอกให้ช่วยหน่อย เราก็ปรึกษาคณะกรรมการว่าเราเอาเงินกลุ่มสมาชิกทั้งอำเภอมาฝากกันเดือนละร้อย มีข้อต่อรองกับธนาคาร ถ้าสมาชิกกู้ไปแล้ว คุณประพฤติดี ส่งดี ธนาคารจะคืนให้ 1 บาท ดอกเบี้ยปีนึงสองสามแสน แต่เงินที่แม่ดาราคนนี้เป็นเงื่อนไขของธนาคาร บอกว่าถ้าไม่ส่งปุ๊บ เปอร์เซ็นต์ที่จะได้ก็จะไม่ได้ กลุ่มเลยบอกว่าจะได้ตั้งสามแสน เพราะแม่ดาราบอกว่าขายบ้านได้จะใช้คืนอยู่แล้ว ตอนนี้ขอให้ได้ใช้หนี้ก่อน เราก็เอาไปใช้ สามปีด้วยกัน ปีนึงห้าหมื่นบ้าง หกหมื่นบ้าง แต่สุดท้ายไม่ได้ ผมก็ต้องกู้สหกรณ์มาใช้เอง เพราะโดนครูทั้งอำเภอบีบ เพราะผมเป็นผู้ใหญ่ต้อรับผิดชอบตรงนั้น ต้องกู้สหกรณ์ ในส่วนที่ผมโดน หลังจากที่คำสั่งพิพากษามาแล้ว พิพากษาปี 2553 ผมก็พยายามติดตามแม่ดารา แต่ติดตามไม่ได้ ไม่รู้เขาอยู่ไหน เขาไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้าน แต่คนที่ 7 สำเริงเขาเสียชีวิตไปแล้ว”

สองท่าน ผอ.สีมา, ผอ.วินัย, ภรรยาท่านคือครูเพ็ญพร, ผอ. พายัพ ผอ.ศิวภพ, อ.ใหญ่มินเกษียณแล้ว และสุดท้ายผอ.สำเริง เสียชีวิต ทำไมถึงเสีย?
วินัย : “จะพูดปรักปรำเขาก็ไม่ได้ เมื่อคืนนี้ทางญาติเขาไม่รู้ก็ไลน์มาระบาย ว่าญาติเขาเองก็ไม่รู้เลย แต่เคยเห็นครั้งนึงได้รับหนังสือจากธนาคาร ก็เครียดพอสมควร แต่จะเป็นเหตุผลเสียชีวิตด้วยเหตุผลนี้ก็ไม่ใช่ แกชอบขับมอเตอร์เตอร์ไซค์ อมก๋อยมันหนาว แกขับขึ้นดอยแล้วไปน็อกบนดอย เสียชีวิต”

หนี้ตกที่ไหน?
วินัย : “หนี้ไปตกที่พี่รำไพ ซึ่งเป็นภรรยาผอ.สำเริง รับสภาพหนี้แทน โดนคำพิพากษาด้วยว่าต้องชดใช้แทนผอ.สำเริง ได้หนังสือก็เครียด น่ามีผลกระทบโดยตรง ตายไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว”

หนี้ก้อนนี้ล่ะ?
วินัย : “ถ้าตามกฎหมายก็ต้องไปสืบต่อ แต่ธนาคารยึดคนที่มีรายชื่อก่อน ก็ยึดบ้านผมได้แล้ว”

ผอ.วินัยทำไมต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ในมุมเขาเป็นแม่ดารา?
วินัย : “จริงๆ แล้วผมไม่มีเจตนาตรงนี้เลยด้วยความสัตย์จริง เขาหนีไป ผมก็ลืมไปแล้ว ผมตามประมาณ 3 ปี พอปี 59 มีคนบอกว่าเจอครูคนนี้อยู่กรุงเทพฯ ผมรู้เพราะตร.เขาบอกว่าลูกดารา ตั้งแต่นั้นก็โอเค ผมเจอแม่วันนั้นที่กรุงเทพฯ ตามจนเจอปี 59 ไม่เคยเจอเลยตั้งแต่ปี 46 ผมก็ดักที่สถานีโรงพักคันนายาว เขาไปทำร้านผ้าม่านตรงข้ามสถานีตำรวจคันนายาว พอเขาจอดรถ ผมก็ย่องไปด้านหลัง เขาเห็นผมก็ตกใจ เพราะไม่เจอกันนานสิบกว่าปี ผมก็ทักทำไมต้องหนี ทำไมทำกับพี่แบบนี้ ตอนแรกเขาตกใจบอกว่าไม่ได้หนี แต่หนูก็ต้องหาทางออกมาตั้งตัวก่อน มุมมองผมไม่ได้อะไรมาก เลยบอกว่าหลังจากนั้นผมถูกยึดบ้าน บังคับคดี มีกำหนดขายทอดตลาด”

ผอ.ต้องรับผิดชอบเท่าไหร่?
วินัย : “ณ วันนี้ยอดหนี้มีอยู่กว่า 1.38 ล้าน ตามหลักต้องเจ็ดคนหาร แต่ธนาคารไม่ใช้ระบบแบบนั้น เขาเจอบ้านใครก็ยึดก่อน ไปเจอบ้านผอ.ศิรภพ ก็ยึดก่อนแต่ไม่พอ เขาประเมินได้สามแสน เขาก็ต้องมาดูบ้านหลังที่สองใครอยู่ใกล้ที่สุดง่ายที่สุด เขามาเจอบ้านผม เขาประเมินบ้านผมล้านห้า กับอีกสามแสน ก็เป็นล้านแปด มันคุ้มกับล้านสามเขาก็หยุดแค่นั้น ก็บ้านผมนี่แหละ ผมโดนหนักกว่าเขาเพื่อน”

ต้องขายทอดตลาดมั้ย?
วินัย : “ผมต้อสู้กับธนาคารมาหลายปี พ่อตาผมเป็นอัมพาต แม่ยายต้องฟอกไตเดือนสามครั้งแกจะไปอยู่ไหน ผมก็วิ่งกู้เงินสารพัดเอาบ้านไว้ได้ แต่มีปัญหาคือเราไม่ได้เงินตามจำนวนที่ธนาคารต้องการ”

เราต่อสู้ได้ เอาบ้านหลังนี้ไปขายทอดตลาด 2 ล้านก็อาจได้กลับมาอีก 5 แสน ก็ใช้วิธีนั้น สุดท้ายขายได้เท่าไหร่?
วินัย : “ผมไม่ได้ขาย ผมต้องเอาบ้านไว้ใช้ บ้านหลังนี้มันขายไม่ได้ ถึงผมอยากขายเพราะผมกู้เงินมาสร้างและติดธนาคารธอส. โดนสองเด้ง แต่ธอส.ผมเต็มใจเพราะเป็นหนี้ของผมเอง ผมชดใช้ไปเรื่อยๆ”

ทำยังไง?
“กู้ต่อ แต่กระบวนการสู้มันยาวนานมาก เงินก็ต้องใช้ ผมก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ สุดท้ายผมต้องไปศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอให้มาช่วยไกล่เกลี่ยว่าผมรวมกัน 4คน มีเงินต้นแล้ว ขอใช้ที่ห้าแสนสองหมื่นสี่พันบาท ปี 60 ผมเกษียณ ผมก็มีเงินก้อนเกษียณผมนั่นแหละ เอามาใช้ในส่วนตรงนี้”

มาที่นี่ เห็นบอกจนมาก?
วินัย : “จนมาก ผมเจอแม่ดาราสองครั้งก็คุยดวยดี แต่เขาบอกว่าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา ในภาวะที่เราเครียดบ้านจะโดนยึด เราก็มีทะเลาะกันบ้าง ก็ว่าเขาไปบ้าง สิบกว่าปีให้เราทุกข์ทรมานตามหาเขา ต้องเสียเงินหลายๆ อย่าง เฉพาะตัวเขา พอไปถึงคุณดาราผมไม่เคยเจอเขา ก็ยังคุยกับแฟนเขา ที่ผมติดต่อว่าให้มาช่วยหน่อยผมลำบากมาก”

เขาว่าไง?
วินัย : “เขาบอกว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่เขา ผมก็ติดต่อผู้จัดการ ตอนแรกโทรมาหาผมก่อน คุยดีว่าเห็นใจ ตอนหลังปฏิเสธบอกว่าไม่เกี่ยวกับเขาเป็นเรื่องแม่ ครั้งที่สามขอให้ช่วยหน่อย แต่เขาก็ปฏิเสธอีก เขาก็บอกให้ผมไปจัดการเอง จะทำอะไรก็ทำไปเลย”

อยู่กับคุณแมงมุม กิตติพัทธ์ คุณคือดาราที่เราพูดถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกยังไง?
แมงมุม : “ผมคิดว่าจากหนึ่งไปสิบ ผมว่ามันยังมีบางช่วงที่ค่อนข้างแย้งกันอยู่ แต่กรณีนั้นผมไม่ขอยุ่งดีกว่า รายละเอียดและข้อเท็จจริงต่างๆ ผมไม่รู้ละเอียดขนาดนั้น เพราะกรณีนี้ทางครอบครัว แม่หรือใครก็ตามแต่ ก็ค่อนข้างแคร์ผม ค่อนข้างปิดกัน”

ตัวแมงมุมไม่ได้อยู่กับคุณแม่มาตั้งแต่เด็ก?
แมงมุม : “ใช่ครับ”

คุณแม่ไม่ได้ดูแลตั้งแต่กี่ขวบ?
แมงมุม : “พ้นอนุบาลหนึ่งก็ส่งผมมาเชียงใหม่อยู่กับคุณตาคุณยาย น้าเป็นคนเลี้ยง คุณพ่อแยกกับคุณแม่ ผมอยู่กับคุณตาคุณยายตั้งแต่เด็ก”

เรื่องคุณแม่กับเหล่าผอ.รู้มั้ย?
แมงมุม : “ผมเพิ่งรู้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่เกิดการคุกคามทางเฟซบุ๊ก ผมลงรูปก็จะมีเมนต์มารุมผมเยอะมากเหมือนผมเป็นคนผิด ผมก็ไปถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ก็ไม่ได้เล่า เล่าแค่ผิวเผินในกรณีว่ามีอะไรลึกซึ้งและมากกว่านั้น”

แมงมุมไม่ได้อยู่กับคุณแม่แต่มีการติดต่อกัน?
แมงมุม : “ใช่ มีการติดต่อ กินข้าวกันบ้าง ส่งเงินให้แม่ใช้ แต่เพิ่งมาเริ่มหลังผมมาอยู่กรุงเทพฯ แต่ผมก็ไม่ได้อยู่กับแม่ ก็ยังอยู่กับคุณน้า”

ประเด็นที่เกิดขึ้น ที่เป็นข่าว กระทบกับเรมมั้ย?
แมงมุม : “จริงๆ แล้วผมปิดกล้องพอดี เพราะผมเป็นฟรีแลนซ์ กระทบมั้ยกระทบจิตใจครอบครัวมากกว่า แม่ผมแยกตัวออกไป แต่คุณยายผม เขาค่อนข้างเซนซิทีฟในเรื่องนี้ ครอบครัวคุณน้าก็ห่วงสภาพจิตใจผมว่าเป็นยังไง เอาจริงๆ ผมเป็นคนทำธุรกิจทำงานเยอะมากๆ เอาง่ายๆ 24 ชม. ผมทำงาน 25 ชม. เรื่องนี้ระคายผมตลอดเวลา รบกวนผมตลอดเวลาในด้านจิตใจ”

ขอสรุปตรงนี้ ทางผอ.เองแกบอกโคตรจนเลย ผลพวงเยอะแยะมากมาย ทางฝั่งนี้เขามองว่าเกิดจากคุณแม่ เราอาจเพิ่งรู้เมื่อ 3 ปีก่อน ทางนี้เคยติดต่อไปแล้ว ใครเป็นคนพูดว่าไม่ใช่ส่วนรับผิดชอบของเรา?
แมงมุม : “ผมบอกทางผจก.ผมไป ผจก.เขาก็พูดชัดเจน เขาไม่ได้พูดว่ายังไงให้ไปจัดการเอาเอง แต่เขาพูดว่าให้ไปทำตามกระบวนการทางกฎหมายให้ถูกต้อง เพราะผมเองไม่ได้รู้เรื่องอะไร ถ้าผมจะช่วยแม่ผม ผมมีสิทธิ์รู้ใช่มั้ยครับ ว่าผมจะรับผิดชอบในส่วนไหนได้บ้าง เพราะยังไง ถ้าแม่ผมถูกฟ้องขึ้นมา ผมให้สัมภาษณ์ทุกที่ว่าผมก็ต้องซัปพอร์ตแม่อยู่ดี”

วินัย : “ผมส่งเอกสารมาทั้งหมด ทั้งคำพิพากษา ยืนยันว่าตรงนี้มันเป็นกระบวนการทางศาลไปแล้ว มีคำพิพากษา มีการจ่าย สิบกว่าปีแล้ว แต่แม่ของแมงมุมไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการ สิ่งที่บอกว่าไม่รู้อะไร ก็สิ่งที่บอกไปนั่นแหละก็ควรจะรู้ตั้งแต่ตอนนี้ ว่าเขาไปกู้จริงๆ มีหลักฐานจริงๆ แล้วก็ชัดเจน”

ผู้จัดการแมงมุมที่คุยคือคนเก่า กี่ปีแล้ว?
วินัย : “น่าจะหลังคุยกับแม่เขาไม่รู้เรื่องแล้ว ประมาณสองปี เมื่อปี 60”

วันนี้เป็นเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย มีคำพิพากษามาแล้ว ในส่วนความเป็นลูก ยืนยันว่าจะช่วยดูแลเรื่องนี้?
แมงมุม : “ยืนยันครับ แต่อย่างที่บอก ผมอยากรู้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริงกันแน่ เพราะไม่มีใครพูดความจริงกับผม แม้กระทั่งครอบครัวผม แล้วสิ่งที่ผมได้รับรู้มามันมีการใส่สีตีไข่เยอะมาก ถ้าผมจะรับผิดชอบ ผมขอดูข้อเท็จจริงได้มั้ยครับ เพราะผมเชื่อในกระบวนการยุติธรรม”

ข้อเท็จจริงคืออะไร?
แมงมุม : “คือการที่ศาลต้องสั่งมา ว่าเรื่องเป็นมายังไง มีการดำเนินการอีกครั้ง เพราะตอนนั้นผมไม่รู้เรื่อง วันนี้ผมออกมาแสดงความรับผิดชอบแล้ว ตอนนี้กระแสในโซเชียลบอกว่าให้ผมเอาเงินไปช่วย ใช่ ผมพูดตลอดว่าผมรับผิดชอบ แล้วผิดเหรอที่ผมอยากรู้ข้อเท็จจริง”

ยินดีชดใช้ แต่ขอรู้ข้อเท็จจริง?
แมงมุม : “ครับ ตามที่กระบวนการุยติธรรมว่ามา”

วินัย : “กระบวนการุยิตธรรมมันเดินไปไกลแล้ว เรื่องสิบปีแล้ว แต่ถ้าแมงมุมบอกว่ากระบวนการเริ่มใหม่ แล้วอีกกี่ปีครับ เราทุกข์ทรมานมาเป็น 10 กว่าปีแล้ว เรื่องทั้งหมดอยู่ในคำพิพากษาหมดเลย ไปดูได้ในเรื่องรายละเอียดต่างๆ หากอยากรู้ว่ากู้ยังไง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน