เปิดใจ 2 ฮีโร่ หนุ่มแกร็บฟู้ด-วินจยย. เล่านาทีช่วยชีวิต น้องปลาวาฬ ส่งรพ.

น้องปลาวาฬ / เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ซอยรามอินทรา 83 นายวัชระ เกษียร อายุ 33 ปี หนุ่มแกร็บฟู้ดใจดี เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ หลังตัดสินใจจอดรับจอดรับน้องปลาวาฬที่กำลังป่วยชักเกร็ง อาการน่าเป็นห่วงไปส่งที่โรงพยาบาล

นายวัชระ กล่าวว่า ในวันนั้นประมาณบ่ายโมงกำลังขี่รถไปส่งพิซซ่าให้ลูกค้า ขณะกำลังขับขึ้นสะพาน ตรงถนนรามอินทรา กม.8 เห็นรถเก๋งขับปาดหน้า เราจึงได้มาเปลี่ยนมาขับเลนขวา จากนั้นรถคันดังกล่าวก็ขับรถปาดหน้าอีกรอบ จึงได้ชะลอรถแล้วกำลังจะเปลี่ยนเลนหนี แต่เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งโบกรถ แล้วก็ตะโกนขอความช่วยเหลือบอกว่าลูกกำลังไม่สบาย แล้วตนก็เห็นว่าแม่กำลังอุ้มลูกลงจากรถ อาการไม่ค่อยดี แล้วแม่ก็มีอาการตกใจมาก เรามองเด็ก เห็นว่าไม่มีสติแล้ว จึงบอกให้พาขึ้นรถมา

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“ตอนนั้นเองรถของเรามีประเป๋าสำหรับใส่อาหารอยู่ ถ้าเอาออกก็เสียเวลามาก เลยบอกให้แม่นั่งทับอาหารไปเลย เดี๋ยวจะไม่ทัน จากนั้นเราก็รีบขับมา และตอนนั้นรถติดมากเลยนึกขึ้นได้ว่า ปากซอยรามอินทรา 83 มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ จึงได้ขี่ไปที่นั้น เพราะถ้าหากเราจะไปยูเทิร์นรถ ก็กลัวจะไม่ทัน พอถึงที่ปากซอยก็ตะโกนขอให้คนช่วยอุ้มน้องไปส่งที่โรงพยาบาล จากนั้นก็มีวินมอเตอร์ไซค์คนนึงอุ้มน้องแล้ววิ่งข้ามสะพานลอยไปส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา”

นายวัชระ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นก็ไปส่งพิซซ่าให้กับลูกค้าตามปกติ ซึ่งพอถึงบ้านลูกค้าสภาพกล่องพิซซ่าก็ยับเยิน ในใจคิดว่าพิซซ่าหน้าต้องเละเทะมาก ตนก็ไม่กล้าเปิดดู พอส่งกล่องพิซซ่าให้ลูกค้า ลูกค้าก็มองหน้าตนอย่างแปลกใจ พร้อมถามว่ามีอะไรรึป่าว จึงบอกให้ลูกค้าเปิดดูเอาเอง พอเปิดออกมา พิซซ่าก็เละเทะมาก ลูกค้าก็ทำหน้าเซ็ง เราจึงรีบอธิบายให้ลูกค้าฟังว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น แล้วก็ขอโทษไป ลูกค้าจึงบอกกับตนว่า คงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ จากนั้นก็โทรหาทางบริษัทแกร็บฟู้ด เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง เพราะกลัวว่าจะโดนต่อว่า แต่บริษัทบอกว่าจะชดใช้ค่าเสียหาย พิซซ่าให้กับลูกค้าเอง

นายวัชระ กล่าวต่อว่า พอวันต่อมาก็ขี่รถมาที่หน้าซอยรามอินทรา 83 เพื่อมาถามวินมอเตอร์ไซค์ว่าอาการของน้องเป็นยังไงบ้าง แล้วจากนั้นแม่ของน้องปลาวาฬก็โทรมาขอบคุณตน รู้สึกดีใจมากที่เห็นว่าน้องปลอดภัยแล้ว ตอนนั้นตนตัดสินใจถูกที่ช่วยเหลือชีวิตคนไว้ อาหารก็สำคัญ แต่ชีวิตคนสำคัญกว่า คิดว่าอาการยังสามารถอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ แต่ว่าชีวิตคน รอไม่ได้ ที่ผ่านมาเราก็มีโอกาสได้ช่วยเหลือคนแบบนี้บ่อย เช่น ช่วยเข็นรถไปเติมน้ำมันให้ ช่วยเหลือคนรถเสีย เพราะเราเห็นว่าเค้าเดือดร้อน อะไรที่ช่วยได้ เราก็ช่วย

ด้านนายตะวัน ไกรเพชร หนุ่มวินจยย.พลเมืองดี กล่าวว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุตนนั่งอยู่ที่วินแล้วเห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซต์คันหนึ่งจอดแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือให้ช่วยเด็กที่อยู่ข้างหลัง ตอนนั้นเข้าใจว่าสามีภรรยาทะเลาะกัน แต่พอเห็นเด็กสภาพไม่ค่อยดีนัก เหมือนหมดสติแล้ว ตาลอย เนื้อตัวอ่อน เลยรีบวิ่งไปอุ้มขึ้นสะพานลอยไม่ได้ฟังใครเลย ตอนนั้นคิดว่าต้องรีบอุ้มน้องไปส่งที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นก็มีญาติของน้องเดินข้ามสะพานลอยมาหาเรา แล้วขอบคุณ พอเรารู้ว่าเด็กที่เราช่วยอาการปลอดภัยแล้ว เราก็ดีใจมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน