องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา (อสคพ.) รุดกองปราบฯร้องทุกข์ กล่าวโทษให้ตรวจสอบ”พุทธะ อิสระแกนนำกปปส.แจ้งวัฒนะ ทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลพระเครื่องเข้าข่ายอาจมีความผิดหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ ระบุมีการอัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อทั้ง ภปร และ สก มาประดิษฐานด้านหลังวัตถุมงคลได้ขอพระบรมราชานุญาตหรือยัง พร้อมกันนี้ให้พนักงานสอบสวนสอบข้อเท็จจริงว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามมาตรา 112 หมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ อีกทั้งมีการประสะโลหิตระหว่างทำพิธีก็ไม่ใช่แนวทางพุทธศาสนา ด้านเจ้าตัวเตรียมหอบหลักฐานชี้แจงกองปราบฯ พร้อมแจ้งจับอีกฝ่ายด้วย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ที่กองปราบปราม นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา (อสคพ.) เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อนันต์ จริงจิตร รอง ผกก. (สอบสวน) กก.5 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่พระ สุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แกนนำกปปส.แจ้งวัฒนะ ซึ่งทำพิธีปลุกเสกพระเครื่อง “พระนาคปรก” รุ่น “หนึ่งในปฐพี” พบการกระทำดังกล่าวที่ เข้าข่ายอาจมีความผิดหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมภาพถ่ายการประกอบพิธีปลุกเสกพระเครื่องดังกล่าว และเอกสารจากเว็บไซต์ Web- Pra G-Pra.com และเว็บไซต์ญาณทิพย์ www.yantip.com ซึ่งมีภาพการประกอบพิธีปลุกเสกพระเครื่องรุ่นดังกล่าวมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานในการดำเนิน คดีด้วย

นายวิชัยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2552 พระสุวิทย์ ประกอบพิธีปลุกเสกพระเครื่อง “พระนาคปรก” รุ่น “หนึ่งในปฐพี” โดย ที่ด้านหลังของพระเครื่องรุ่นนี้ ยังได้อัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภปร และ สก อุดปรอท (จารนะอ่อนช้อย) อีกทั้งยังมีการใช้เลือดหรือประสะโลหิตของหลวงปู่พุทธะอิสระในการจัดพิธีดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงเช่นกัน

นายวิชัยกล่าวต่อว่า ตนเล็งเห็นว่าการกระทำดังกล่าว อาจจะยังไม่ได้ขอพระบรม ราชานุญาตอัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อมาใช้กำกับพระเครื่อง ในการประกอบพิธีการปลุกเสกโดยการประสะโลหิต นอกจากนี้ยังเป็นการกระทำที่ไม่สมควร ที่ไม่ใช่แนวทางแห่งพระพุทธศาสนา และยังเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายด้วย จึงเข้าร้องทุกข์ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ และหากเป็นความผิดก็ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

เบื้องต้น พ.ต.ท.อนันต์ ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ ก่อนจะนำคำร้องทุกข์กล่าวโทษเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากผู้ร้องไปยื่นที่กองปราบปราม คงต้องให้ตำรวจกองปราบฯดำเนินการตามขั้นตอนไป และหากเรื่องส่งมาถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และถึงตนแล้ว ค่อยมาว่ากัน

นายออมสินกล่าวว่า เบื้องต้นนี้ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนการตรวจสอบของกองปราบฯก่อนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ว่าเป็นอย่างไร เป็นการแอบอ้างหรือไม่ ซึ่ง ก็เป็นกระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงของตำรวจ

วันเดียวกัน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ไปยื่นแจ้งความที่กองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่พุทธะอิสระจัดสร้างพระเครื่องที่อาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง ว่า บทบาทหน้าที่ของ สำนักพุทธฯ คือ การคุ้มครองพระพุทธศาสนา หากทางกองปราบปรามแจ้งขอความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ทาง สำนักพุทธฯ ก็พร้อมให้ความร่วมมือ








Advertisement

ด้านนายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ตามระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ.2539 กำหนดไว้ว่า ในการทำเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญอักษรพระปรมาภิไธย หรืออักษรพระนามาภิไธย ของพระบรมวงศา นุวงศ์ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากทาง เจ้าคณะผู้ปกครองเสียก่อน จากนั้นจึงส่งเรื่องมายังสำนักพุทธฯ และสำนักพุทธฯจะแจ้งเรื่องไปยังสำนักราชเลขาธิการต่อไป ซึ่งกรณีของพุทธะอิสระนั้น หากทางกองปราบปรามประสานขอความร่วมมือมา สำนักพุทธฯ ก็พร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบให้

นายวัธนชัย มุตตามระ หรือแทน ท่าพระจันทร์ คอลัมนิสต์พระเครื่องชื่อดัง กล่าวว่า การสร้างพระเครื่องวัตถุมงคลที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยอัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ หรือพระบรมรูป จะต้องมีการทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากสำนักพระราชวัง และต้องได้รับหนังสือตอบกลับที่ได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว ผู้จัดสร้างวัตถุมงคลจึงจะสามารถดำเนินการจัดสร้างได้ หากไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต จัดสร้างไปโดยพลการก็จะมีความผิดทันที

นายวัธนชัยกล่าวต่อว่า เหตุดังกล่าวจะคล้ายกับกรณีนายสิทธิกร บุญฉิม หรือ เสี่ยอู๊ด ผู้ดำเนินการจัดสร้างพระเครื่องชื่อดัง จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ที่อ้างว่าสร้างขึ้นโดยมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อนำเงินรายได้ไปสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐ มรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

นายวัธนชัยกล่าวว่าต่อมา สำนักพระราชวัง ชี้แจงมีกลุ่มแอบอ้างจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว พร้อมกับนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ ซึ่งการจัดสร้างดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสำนักพระราชวังแต่อย่างใด ครั้นไปตรวจสอบมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปรากฏว่า มูลนิธิก็แจ้งว่าไม่ได้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และการที่ ผู้จัดสร้างนำตราพระมงกุฎไปประทับหลังองค์พระนั้นถือว่าผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ผ่านสำนักพระราชวัง สุดท้ายนายสิทธิกรถูกดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม กรณีพระพุทธะอิสระ ยังไม่สามารถสรุปข้อเท็จจริงได้ คงต้องรอให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบว่ามีความผิดหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอังคารที่ 11 เม.ย. เวลา 09.00 น. พุทธะอิสระ จะเดินทางไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อ ยื่นหลักฐานการขออนุญาตจัดสร้างพระนาคปรก รุ่นหนึ่งในปฐพี แก่พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่มีผู้ร้องขอให้กองปราบปรามตรวจสอบ การจัดสร้างพระรุ่นดังกล่าว พร้อมกันนั้น จะได้ยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษ น.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญานนท์ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดในคดีพ.ร.บ.พรรคการเมืองด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน