ตร.จับเพิ่มอีกคดีรุมโทรม บังคับค้ากาม ดญ.14 เป็นน้อง สาว”ไอ้ไก่” กับ “เจ๊บีม” กะเทยแม่เล้า คุมสอบเข้ม จนรับสารภาพ นำเด็กหญิงไปส่งให้ชายสูงวัย ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในราคา 1,500 บาท ก่อนนำเงินมาแบ่งกัน จึงนำตัวไปจุดที่เกิดเหตุ คุมตัวเข้ากทม. สอบขยายผล ก่อนนำส่งฝากขัง สุดท้ายนอนคุก เพราะไร้คนประกัน รอง ผบก.ปคม.เผย รู้ตัวแล้วผู้ซื้อบริการ เร่งกดดันให้ออกมามอบตัวเอง ทนายสงกานต์ นำแม่เด็กหญิงร้องกระทรวงยุติธรรม ขอความคุ้มครองและเยียวยาหลังถูกข่มขู่ เผยเตรียมเข้าพบพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. นำหลักฐานที่มีสีกากีเอี่ยวด้วยมอบให้

จากกรณีด.ญ.วัย 14 ปีถูกรุมข่มขืนกระทำชำเราในร้านเกมและถูกบังคับขายตัว เหตุเกิดช่วงเดือน พ.ย.2559 ในพื้นที่ สภ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ต่อมาญาติผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี แต่ตำรวจมีการแจ้งข้อหาเพียง 1 คน จึงร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ แต่เรื่องเงียบ ก่อนส่งเรื่องร้องเรียนผ่านโลกโซเชี่ยล กระทั่งตำรวจ สภ.ด่านช้างชี้แจงว่าจากการสอบสวนด.ญ.เอ (นามสมมติ) วัย 14 ปี ผู้เสียหายยืนยันว่ามีคนก่อเหตุเพียงนายไก่ (นามสมมติ) คนเดียว หลังเกิดเหตุได้จับกุมนายไก่ นำตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว ต่อมามีการเผยแพร่ข้อมูลจากบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ได้พูดคุยกับเด็กสาวจนทราบว่าถูกวัยรุ่น 5 คนรุมข่มขืน จากนั้นถูกพาไปขายตัวให้กับชายสูงวัยซึ่งเป็นอดีตข้าราชการคนหนึ่งอีกด้วย กระทั่งนาย สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พาญาติเหยื่อเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. จนนำมาสู่การจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งนายไก่อีกจำนวน 4 คน ซึ่งร่วมกันข่มขืนด.ญ.เอ ทั้งที่บริเวณชายหาดกระเสียวและที่ร้านเกม ขณะที่ในส่วนของการถูกบังคับขายตัว สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) รับผิดชอบคดี ซึ่งล่าสุดได้นำตัวน้องสาวของนายไก่และกะเทยแม่เล้าคนหนึ่ง รวมทั้งเพื่อนของด.ญ.เอ มาสอบสวนดำเนินคดี พร้อมเตรียมขยายผลต่อไปถึงผู้ซื้อบริการด้วย ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าคดี เมื่อวันที่ 20 เม.ย. พล.ต.ต. กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. สั่งการให้ พ.ต.อ.ชินพันธ์ พราหมณ์พันธุ์ ผกก.5 บก. ปคม. พ.ต.ท. วันชัย ชัยชูโชติ พ.ต.ท.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา รอง ผกก.5 บก.ปคม. พ.ต.ต.ธนกร จันรอด สว.กก.5 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.นิมิตร แสงอรุณ รอง ผบก. (สอบสวน) ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.นิวัติ มาตะราช ผกก.สภ.ด่านช้าง ร่วมกันจับกุมตัว

นายธนพัตร แสนคำ หรือเจ๊บีม อายุ 31 ปี กะเทยแม่เล้า อยู่บ้านเลขที่ 397 หมู่ 20 ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 973/2560 ลงวันที่ 19 เม.ย. 2560 และน.ส.ปวีณ์สุดา หรือแก้ม ขันซาทะ น้องสาวนายประมวล ขันซาทะ หรือไก่ หนึ่งในผู้ต้องหา อยู่บ้านเลขที่ 193/10 ม.1 ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 972/2560 ลงวันที่ 19 เม.ย.2560 โดยน.ส.แก้ม และนายธนพัตร รับสารภาพว่าได้นำตัวด.ญ.เอ มาขายบริการให้กับชายสูงวัยที่โรงแรมเอพีวิลล่า ในพื้นที่ อ.ด่านช้าง สุพรรณบุรี โดยได้รับเงินค่าตอบแทน 1,500 บาท ก่อนนำเงินไปแบ่งกัน ซึ่งน.ส.แก้มอ้างว่าเด็กเป็นผู้ยินยอมเอง

เบื้องต้นจากการสืบประวัติของเจ๊บีม ซึ่งเป็นขาใหญ่ในการจัดหาเด็กให้วงการนักเที่ยวที่ซื้อบริการทางเพศ โดยเป็นเอเยนต์ส่งเด็กในพื้นที่ด่านช้าง และจะติดต่อเด็กไปขายบริการให้กับลูกค้า มีนางนกต่อไปหาเด็กตามร้านเกมและสถานบริการ โดยจะนำเด็กมาขายบริการครั้งละ 2,000-2,500 บาท จากนั้นจะนำเงินมาแบ่งกัน ทั้งนางนกต่อ ตัวเด็ก และเจ๊บีม หลังสอบสวนจนรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม.ได้นำตัวไปทำแผนฯ ในช่วงเย็นของวันที่ 19 เม.ย. โดยนำไปชี้จุดที่บ้านของนายไก่และที่โรงแรม

ด้าน พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. เผยว่า จะมีการขยายผลกับชายสูงอายุที่ซื้อบริการเด็ก ซึ่งตอนนี้ตำรวจทราบตัวแล้ว และกำลังส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่กดดันให้ออกมามอบตัว ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองรายถูกนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่บก.ปคม. ในกรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 2 ข้อหา “ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดค้ามนุษย์ แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป ชักพาไป ซึ่งเด็กอายุไม่ถึงสิบห้าปี” โดยจะนำตัวทั้งคู่ส่งฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญาในวันนี้

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสงกานต์ อัจฉริยะ ทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำ ลายชาติฯ นำครอบครัวของด.ญ.เอเข้าพบนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และนางนงภรณ์ รุ่งเพ็ชรวงศ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิ เพื่อขอให้พิจารณามาตรการคุ้มครองพยานและเยียวยาตามกฎหมาย

นายสงกานต์กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้ไม่น้อยกว่า 10 ราย และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคน อีกทั้งยังทราบว่านายธนพัตร แสนคำ หรือเจ๊บีม เป็นตัวการสำคัญใน อ.ด่านช้าง ตนเป็นห่วงครอบครัวของผู้เสียหายจะถูกข่มขู่พยาน จึงเดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ยธ.ในการดูแลพยานเกี่ยวกับความปลอดภัย และการช่วยเหลือเยียวยาให้กับผู้เสียหายด้วย

นายสงกานต์กล่าวต่อว่า สำหรับพฤติการณ์ ข่มขู่พยานในคดีนี้จากการสอบถามแม่เด็กทราบว่าจะมีคนมาคอยติดตาม แม้กระทั่งสื่อมวลชนหรือตนเองก็ถูกข่มขู่ผ่านเฟซบุ๊ก ด้วย โดยมีการนำรูปปืนมาโชว์ ซึ่งมารดายังมีความอ่อนไหวในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามขบวน การค้ามนุษย์ที่ อ.ด่านช้าง ตัวการ สำคัญๆ จะต้องเปิดโปงให้ได้ ซึ่งมีการกระทำกับเด็กหญิงแบบนี้แล้วหลายราย เชื่อว่านอกจาก เจ๊บีมแล้วยังมีอีกหลายราย ซึ่งในวันที่ 21 เม.ย.นี้จะเข้าพบพล.ต.อ.ศรีวราห์ เพื่อนำหลักฐานที่มีคนมีสีอยู่เบื้องหลังไปมอบให้ด้วย

“ผมจะไม่บอกว่าคนมีสีนี้เป็นใคร แต่เป็นสีกากี ซึ่งรู้เรื่องช่องทาง และรู้เรื่องของการวางแนวทางดิสเครดิตน้อง อ้างว่าน้องเป็นเด็กเที่ยวเตร่ ซึ่งที่จริงแล้วมันขัดกับเรื่องของผลการเรียน เพราะน้องเรียนได้เกรดเฉลี่ยเกือบ 4.0 แต่ละปี แต่เขาไปอ้างว่าเด็กสมยอม อีกทั้งตัวทอมนั้นสำคัญที่สุดในการฉุดกระชากน้องมาให้ผู้ต้องหาคนแรก อย่างนี้ต้องเอาทั้งขบวนการและต้องตามดำเนินคดีถึงที่สุด ซึ่งคนสีกากีมีอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังมีอดีตข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยเป็นหนึ่งในผู้ซื้อบริการ” นายสงกานต์กล่าว

ด้านนายธวัชชัยกล่าวว่า ตนจะรับเรื่อง ดังกล่าวไว้ โดยมีอยู่ 3 ประเด็น คือ 1.การขอ ให้คุ้มครองพยาน ซึ่งรายละเอียดของการ คุ้มครองพยานมีทั้งแบบมาตรการทั่วไปกับมาตรการพิเศษ ซึ่งเราจะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าจะต้องมีการคุ้มครองพยานอย่างไร แต่โดยหลักการเท่าที่ทราบว่าเรื่องนี้มีเรื่องของการค้ามนุษย์ด้วย ซึ่งก็เข้าองค์ประกอบของการคุ้มครองพยานได้ทันทีเลย และ 2.การเยียวยา ขณะนี้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้มีการรับเรื่องดังกล่าวไว้ตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมาแล้ว โดยอยู่ระหว่างที่จะเอาเข้ามาพิจารณาในที่ประชุมของคณะกรรมการต่อไป ส่วนเรื่องของกองทุนยุติธรรมนั้นจะมีประเด็นคือการที่เขาตกเป็นผู้เสียหายเขาต้องเข้าถึงความเป็นธรรมได้ โดยกระทรวงยุติธรรมก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ซึ่งมีทุนในการใช้จ่ายทางครอบครัวผู้เสียหายอาจมีไม่เพียงพอ ทางกองทุนฯ ก็จะรับเรื่องไปดำเนินการต่อไป

นายธวัชชัยกล่าวว่า เด็กหญิงผู้เสียหายแจ้งว่ายังอยากเรียนหนังสืออยู่ ทางกระทรวงยุติธรรมก็จะเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ แต่ในระยะนี้อยากให้ได้เข้าสู่กระบวนการของการรักษา โดยเฉพาะด้านจิตแพทย์ ส่วนเรื่องการศึกษายังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ในพื้นที่ได้หรือไม่ แต่ ยธ.จะเป็นเจ้าภาพหลักในการประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

ขณะที่นางนงภรณ์กล่าวว่า ทางกรมคุ้ม ครองสิทธิฯ จัดเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยานมารับเรื่องแล้ว ส่วนเรื่องการเยียวยาจะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาในวันที่ 26 เม.ย.นี้ต่อไป

ต่อมาเวลา 16.15 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดา ภิเษก ร.ต.อ.ตรีเพชร สมน้อย พนักงานสอบ สวน กก.5 บก.ปคม. ควบคุมตัวน.ส.ปวีณ์สุดาและนายธนพัตร ไปขออำนาจศาลฝากขังผลักแรกเป็นเวลา 12 วัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะที่ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถาม ผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ซึ่งภายหลังสิ้นสุดเวลาทำการ ไม่มีญาติยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุม น.ส.ปวีณ์สุดา ไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนนายธนพัตร ส่งไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน