กองปราบฯรวบแก๊งตุ๋นขาย “ไมโลคิวบ์” 4 ผู้ต้องหาจนมุมที่บ้านเช่าในจ.ราชบุรี เผยเปิดเฟซบุ๊กหลอกตุ๋นเหยื่อ อ้างนำเข้าจากมาเลย์ในราคาถูกกว่าท้องตลาด มีเหยื่อหลงชื่อโอนเงินสูญร่วม 2 แสนบาท สอบสวนรับสิ้น จะนำเงินไปใช้หนี้ที่กู้มาสู้คดีทำร้ายร่างกาย พอเปิดเฟซบุ๊กวันเดียวมีคนโอนมาร่วม 2 แสน จึงรีบปิด เฟซบุ๊กหนีจนมาถูกจับ ผบก.ป.เตือนซื้อของออนไลน์ต้องระวัง โดยเฉพาะของถูกมากๆ ให้คิดว่าหลอกลวงไว้ก่อน

จากกรณีโลกออนไลน์มีการแชร์เหตุการณ์ความเสียหาย โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก “หาญศึก ตั้ม โปรเจ็กเตอร์ แลพิทักษ์” โพสต์ข้อความเตือนภัยแก๊งหลอกขาย “ไมโลคิวบ์” อ้างว่านำเข้าไมโลคิวบ์จากมาเลเซียมาได้ในราคาถูกเพราะมีพ่อเป็น ตม.ที่ด่านสะเดา โดยใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “ความ ทรงจำ” ชื่อเล่นว่า “น้ำ” โดยเจ้าตัวสั่งสินค้าเป็นจำนวนเงิน 167,900 บาท แต่หลังจากโอนเงินไปก็โดนบล็อกเฟซ ปิดเครื่อง ปิดไลน์ ติดต่อไม่ได้ ต่อมาจึงรู้ว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท

ล่าสุด ตร.สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว โดยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 เม.ย. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.4 บก.ป. และเจ้าหน้าที่กก.4 บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายวุฒิพงษ์ เหมมาลา, นางสาวนริศรา ลิ้มฉาย, นายวัชรินทร์ จันทร์หอม และนายนวพล ลิ้มฉาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 991-994/2560 วันที่ 22 เม.ย.2560 ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” ภายหลังติดตามจับกุมได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ใน อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี

พล.ต.ต.สุทินเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. มอบหมายสั่งการกองปราบปรามติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันหลอกขาย “ไมโลคิวบ์” ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อหลายราย มีมูลค่าความเสียหายกว่า 2 แสนบาท โดยพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหา จะเปิดเฟซบุ๊กชื่อ “ความทรงจำ” โดยจะมีนายวุฒิพงษ์ และนางสาวนริศรา ทำหน้าที่เป็นคนที่จะคอยพูดคุยชักชวน โดยโฆษณาขายจำนวน 24 ถุง หรือ 1 ลัง ในราคา 6 พันกว่าบาท จากราคาปกติราคา 7,500-9,000 บาท จนมีลูกค้าที่หลงเชื่อในเฟซบุ๊ก และเมื่อลูกค้าตกลงซื้อจะให้โอนเงินเข้าบัญชีชื่อนายวัชรินทร์ ก่อนที่นายวัชรินทร์ และนายนวพล จะทำหน้าที่ไปกดเงินออกจากบัญชีทันทีที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามา

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพ โดยสาเหตุคือต้องการหาเงินมาใช้หนี้เงินกู้ จำนวน 6 หมื่นบาท ที่นำมาใช้สู้คดีทำร้ายร่างกาย โดยเมื่อได้เงินจากที่ลูกค้าโอนเข้ามารวมกว่า 2 แสนบาท ภายใน 1 วัน ก็ตัดสินใจปิดเฟซเนื่องจากได้เงินตามที่ต้องการ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ อย่างไรก็ตาม ฝากถึงประชาชนที่ซื้อสินค้าออนไลน์ให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ อย่าหลงซื้อเพียงเพราะเห็นว่าถูกกว่าท้องตลาด เนื่องจากสินค้าทั่วไปจะถูกกว่าท้องตลาดมากๆ เป็นไปไม่ได้ ขอให้คิดว่าเป็นการหลอกหลวงไว้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

ขอบคุณภาพประกอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน