เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ทพ.ดร.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล อุปนายกทันตแพทยสภา คนที่ 2 ได้กล่าวถึงกรณี “จ๊ะ อาร์สยาม” นักร้องลูกทุ่งชื่อดังที่ลงข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า “รีเทนเนอร์ออนไลน์ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ต้องเป็นร้านนี้เท่านั้น จ๊ะมั่นใจร้านนี้ เพราะส่งแลปจริง ผลิตโดยช่างทันตกรรมที่มีใบรับรอง…” และร้านรีเทนเนอร์ดังกล่าวได้ท้าทายว่า รีเทนเนอร์ของตนเองถูกกฎหมายทุกอย่างนั้น ทางทันตแพทยสภาได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า แลปทันตกรรมที่กล่าวถึงนั้นแม้จะมีใบจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์ แต่ก็เป็นเอกสารที่รับขึ้นทะเบียนเพื่อทำอุปกรณ์ฟันเทียมและรีเทนเนอร์เท่านั้น ไม่ได้เป็นการอนุญาตให้ช่างทันตกรรมพิมพ์ฟันในช่องปากแต่อย่างใด จากในข่าวที่ระบุว่า มีการไปพิมพ์ฟันให้จ๊ะ อาร์สยามด้วย ดังนั้น ช่างทันตกรรมที่พิมพ์ฟันให้จึงเข้าข่ายมีความผิดตาม พรบ.วิชาชีพทันตกรรม พ.ศ.​2537 มาตรา 28 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมประกอบวิชาชีพทันตกรรม นอกจากนี้ยังมีความผิดในเรื่องการเป็นคลินิกเถื่อนอีกด้วย ซึ่งทันตแพทยสภาได้แจ้งให้ทาง สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปให้ดำเนินการตามกฎหมาย

 

ทพ.ดร.ธงชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเพจที่จัดฟันแฟชั่นนี้ยังได้อ้างว่ามีทันตแพทย์คุมแลปทันตกรรมอยู่ ซึ่งหากเป็นจริง ทันตแทพย์ที่ยินยอมหรือช่วยเหลือให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมให้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ก็จะมีความผิดตามจรรยบรรณวิชาชีพ ขณะนี้ทันตแพทยสภากำลังตรวจสอบข้อมูล และจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หากมีมูลความผิดจริง จะดำเนินการส่งเรื่องเข้าอนุกรรมการจรรยาบรรณของทันตแพทยสภาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีกฎระเบียบใดๆที่บังคับให้ต้องมีทันตแพทย์มาคุมแลปทันตกรรม ซึ่งน่าจะเป็นการกล่าวอ้างของเจ้าของเพจเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ

 

“ทันตแพทยสภาขอเรียนให้ประชาชนทราบว่า “การจัดฟันไม่ใช่แฟชั่น” การจัดฟันเป็นการรักษาฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ ฟันซ้อนเก สบฟันผิดปกติให้กลับมาเป็นปกติ การคำนึงถึงเรื่องความสวยงามเพียงอย่างเดียว โดยไปทำกับร้านเถื่อนต่างๆนั้นมีความเสี่ยงหลายประการ วัสดุอุปกรณ์ที่มาพิมพ์ฟันให้อาจไม่สะอาด มีเชื้อโรคจากคนก่อนปะปนมา รวมทั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมาทางมูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคและวารสารฉลาดซื้อ โดยได้ทำการทดสอบสินค้าจัดฟันแฟชั่น ได้ตรวจพบปริมาณ แคดเมียมเกินมาตรฐาน ซึ่งแคดเมียมเป็นโลหะที่มีพิษ การได้รับสะสมในร่างกายมีโอกาสที่จะเกิดอันตรายได้แม้ว่าจะไม่เกิดอันตรายทันทีทันใด แต่การสะสมแคดเมียมไว้ในร่างกายจะไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาว การสะสมแคดเมียมในร่างกายทีละเล็กทีละน้อยในระยะยาว แคดเมียมจะไปสะสมในกระดูก ทำให้กระดูกเปราะ หักง่าย มีอาการเจ็บปวดกระดูกทั่วทั้งร่างกาย และเกิดโรคไตเสื่อม นอกจากนี้ยังทำให้มีโอกาสเสี่ยงเพิ่มที่จะเกิดมะเร็งหลายชนิดด้วยกัน อาทิ มะเร็งปอดจากการหายใจ มะเร็งที่ไต มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น” ทพ.ดร.ธงชัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน