มท.รุดสอบพยาน ผู้กล่าวหา “ผวจ.แม่ฮ่อง สอน” คดีค้ากามด.ญ. คาด 2 วันรู้ผล หากพบใคร เกี่ยวข้องจะถูกดำเนินคดีไม่ละเว้น ขณะที่แม่ผู้เสียหายเข้าพบ “ดีเอสไอ” ขอให้รับเป็นคดีพิเศษ แฉมีกลุ่มบุคคลโทร.ติดต่อให้เข้าพบข้าราชการระดับสูง หวั่นข่มขู่คุกคาม พร้อมเข้าให้การเพิ่มเติมที่ “ปคม.” ด้าน ด.ต.ยุทธ กับ 2 แม่เล้าโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เพิ่มอีก แม้ยังปฏิเสธ แต่ตร.มั่นใจพยานหลักฐาน สั่งตั้งกก.สอบแล้ว 3 ตร. ระดับรองผกก. รองสว. ชั้นประทวน เร่งหาหลักฐานออกหมายจับ

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แม่ของเด็กหญิงเหยื่อค้ากามในพื้นที่ สภ.น้ำเพียงดิน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ที่มี ด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ ผบ.หมู่ สภ.น้ำเพียงดิน ตกเป็นผู้ต้องหา พร้อมด้วยนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความเข้าพบ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้รับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.คมวิชช์ พัฒนรัฐ รักษาการ ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ดีเอสไอ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง

นายเกิดผลกล่าวว่านำข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นมาให้ดีเอสไอ เพื่อพิจารณารับไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากที่ผ่านมาการทำงานของตำรวจ บช.ภาค 5 ไม่มีความคืบหน้า แต่หลังจากเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ก็นำไปสู่การออกหมายเรียกและหมายจับ ทางครอบครัวผู้เสียหายก็พึงพอใจ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่ เพราะเชื่อมโยงไปถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ ล่าสุดพยายามโทรศัพท์ติดต่อแม่ผู้เสียหายให้ไปพบผู้ใหญ่ จึงกังวลใจว่าเป็นการข่มขู่คุกคามหรือไม่

ทนายความกล่าวว่าบุคคลที่พยายามโทรศัพท์ติดต่อให้แม่ผู้เสียหายเข้าพบนั้น เป็นผู้ที่เกี่ยวกับหน่วยงานความมั่นคง ทางแม่เด็กหญิงจึงบอกว่าหากมีอะไรให้ติดต่อผ่านทนายความก่อน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา ทำให้ยังไม่ทราบว่าจะคุยเรื่องอะไร เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากออกหมายจับผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา และแม่เด็กหญิงต้องการติดต่อขอให้ดีเอสไอคุ้มครองพยานด้วย

ส่วน พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่าจะมอบหมายให้พ.ต.ท.คมวิชช์ไปดูเรื่องการคุ้มครองพยาน กรณีหวั่นเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย ดีเอสไอจะรีบพิจารณาให้เบื้องต้น หลังจากนี้จะตรวจสอบรายละเอียดว่าหน่วยงานใด หรือบุคคลใดโทรศัพท์ติดต่อผู้เสียหาย เพื่อขอทราบว่ามีวัตถุประสงค์อะไร ส่วนจะเข้าข่ายข่มขู่พยานหรือไม่นั้น ต้องพูดคุยรายละเอียดทั้งหมดกับผู้เสียหายก่อน

รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่าส่วนการรับเป็นคดีพิเศษนั้น จะต้องเข้าตามมาตรา 21 กฎหมายคดีพิเศษ คือมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน หรือมีผู้มีอิทธิพล โดยในเบื้องต้นตามที่ปรากฏในสื่อระบุถ้ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะเข้าสู่การเป็นคดีพิเศษ แต่ขณะนี้ให้ตำรวจดำเนินการไปก่อน และคาดว่าใช้เวลาพิจารณาไม่นาน หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ก็จะรับข้อมูลทั้งหมดจากตำรวจมาเลย

ต่อมาแม่ผู้เสียหาย และนายเกิดผล ทนายความเดินทางต่อไปยังกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยพล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. เปิดเผยว่าจะสอบปากคำ ด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ น.ส.เมย์ และ น.ส.ฟ้า 3 ผู้ต้องหา และผู้เสียหาย 2 คน เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี และ 19 ปี ส่วนข้อมูลที่แม่ผู้เสียหายระบุมีข้าราชการระดับสูง รวมทั้งตำรวจตำแหน่ง รองผกก. รองสว. และชั้นประทวนร่วมซื้อบริการด้วยนั้น ถือเป็นข้อมูลใหม่ ที่ตำรวจไม่เคยมีมาก่อน จะตรวจสอบข้อมูลต่อไป และเตรียมออกหมายจับอีกมากกว่า 1 คน ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ยังให้การปฏิเสธ ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานเช่นกัน

ผบก.ปคม.กล่าวว่าขณะนี้มีประเด็นใหม่เกิดขึ้นหลายประเด็น ไม่เคยปรากฏจากการสอบปากคำก่อนหน้านี้ จะต้องประสานข้อมูลกับตำรวจภาค 5 และเชิญสหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายที่เป็นเยาวชน โดยล่าสุดแจ้งข้อหาไปแล้วกว่า 6-7 ข้อหา ข้อหาหลักคือร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยกระทำกับเด็กอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี โดยใช้การขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย และจะแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์อายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน

ขณะที่ พ.ต.อ.มนตรี เบ้าทอง ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ปคม. กล่าวถึงกรณีปมขัดแย้งระหว่างแม่ผู้เสียหายกับตำรวจ เกี่ยวกับคดียาเสพติด อาจเป็นชนวนเหตุกลั่นแกล้งตำรวจหรือไม่นั้นว่า ยังไม่มีข้อมูลถึงเรื่องนี้ ขอตรวจสอบก่อน และจากการตรวจสอบยังไม่พบความขัดแย้งระหว่างการทำงานของตำรวจในพื้นที่

ด้านแม่ผู้เสียหายกล่าวว่า เมื่อเช้ามีข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการระดับสูง และดูงานด้านความมั่นคง โทรศัพท์มาหา คงเป็นการโทร.ผิด คาดว่าจะโทร.หากลุ่มแม่เล้าผู้ต้องหา โดยข้าราชการคนดังกล่าวพูดว่าจะช่วยเหลือ พร้อมแนะนำให้ไปหาบุคคลหนึ่งเพื่อวิ่งเต้นทางคดี ได้อัดคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐานแล้ว เตรียมมอบให้เจ้าหน้าที่ โดยข้าราชการคนดังกล่าวเคยเสนอตัวว่าจะช่วยเหลือตน ตั้งแต่ก่อนที่จะมาแจ้งความที่ปคม. และยืนยันว่าลูกสาวบอกว่ามีข้าราชการระดับสูงซื้อบริการทางเพศ

“ที่ผ่านมาฉันทำงานเป็นสายลับให้ตำรวจแม่ฮ่องสอน ไม่เคยอยู่บ้านเลย ต้องอยู่เซฟ เฮาส์ตลอด ไม่สามารถบอกได้มากกว่านี้ ส่วนข้อมูลแม่เล้า 11 ซุ้ม ในแม่ฮ่องสอน คือแม่เล้า 11 คน รู้จักกันหมด บางคนก็เป็นกะเทย ส่วนลูกสาวที่ยังไม่ได้มาให้ปากคำนั้น เพราะอยู่ในความดูแลคุ้มครองของเจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานเป็นสายล่อซื้อยาเสพติดให้ หากอยากสอบปากคำลูกสาว ต้องประสานไปทางชุดคุ้มครองอีกที” แม่ผู้เสียหายกล่าว

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงคดีค้า กามด.ญ.ว่า มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. และบช.ภาค 5 ไปตรวจสอบ อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล ส่วนกรณีผู้เสียหายพาดพิง ผวจ.แม่ฮ่องสอน นั้น ต้องดูพยานหลักฐานว่าเป็นไปตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างหรือไม่ เพราะการกล่าวอ้างใครก็ทำได้ และถ้าพบตำรวจที่ไม่ดีก็ต้องดำเนินการ ไม่ปกป้องอยู่แล้ว

ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่าสั่งการให้ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภาค 5 ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และสอบสวนทางวินัยตำรวจทั้ง 3 นายแล้ว ระดับรองผกก. รองสว. และชั้นประทวนที่ถูกพาดพิง โดยเบื้องต้นมีพยานหลักฐานระดับหนึ่ง ทั้งพยานบุคคล คือแม่ของเด็ก และคนนอกที่รู้เห็น สั่งการให้สืบสวนสอบสวนว่าทั้ง 3 นายเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร จากหลักฐานที่มีล่าสุดเพียงพอแค่ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเท่านั้น ยังไม่เพียงพอต่อการขออนุมัติหมายจับ แต่ตำรวจภาค 5 กำลังหาหลักฐานอยู่

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีข้าราชการระดับสูงพัวพันคดีค้ากามด.ญ.ว่า นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยมีนายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และนายประยูรลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว แล้วให้รายงานผลให้ตนทราบเบื้องต้นภายในสัปดาห์หน้า หากผลการสอบสวนพบว่ามีข้าราชการกระทรวงมหาด ไทยรายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทุกราย ไม่ละเว้น ลงโทษสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด

ส่วนนายกฤษฎากล่าวว่ากรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงมีนายประยูร เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่เป็นนิติกรระดับชำนาญการอีก 4 ราย ประเด็นหลักในการสอบสวนจะเน้นที่การพาดพิงมายัง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ว่ามีพยานหลักฐานยืนยันหรือไม่ จากนั้นจะสรุปเสนอ รมว.มหาดไทย ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสอบอดีต ผวจ.แม่ฮ่อง สอน ด้วยหรือไม่ เพราะ ผวจ.แม่ฮ่องสอน คนปัจจุบันยืนยันในความบริสุทธิ์ นายกฤษฎากล่าวว่าตามขั้นตอนต้องสอบสวนคนที่มีชื่อถูกพาดพิงจากผู้เสียหายก่อน ยังไม่ข้ามไปสอบสวนคนอื่นๆ ยกเว้นถ้าได้ข้อเท็จจริงเรื่องแรก แล้วมีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับใครเพิ่มเติม ก็ต้องพิจารณาผลสอบสวนที่กำลังสอบอยู่นี้ก่อน จึงจะตอบได้ว่าจะสอบสวนใครเพิ่มหรือไม่ หรือยุติ หรือต้องดำเนินคดี ดำเนินการทางวินัย

ขณะที่นายประยูรกล่าวว่าจะลงพื้นที่ไปสอบพยานแวดล้อม รวมถึงผู้กล่าวหา และ ผู้ถูกกล่าวหาคือ ผวจ.แม่ฮ่องสอน ใช้เวลาสอบสวนประมาณ 2 วัน

เพิ่มข้อหา – พนักงานสอบสวนบก.ปคม. สอบปากคำด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ ตำรวจสภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมคดีค้ากามด.ญ. ก่อนตั้งข้อหาพราก ผู้เยาว์เพิ่มเติม เมื่อวันที่ 26 เม.ย.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน