โลกโซเชียลมีการแชร์เรื่องราว ของเหยื่อรถหรู ซึ่งพบว่า ก่อคดีชนคนแล้วหลายครั้งโดยที่รับผิดชอบด้วยการจ่ายเงินเพียง 1 หมื่นบาท ทั้งนี้ พบว่า หนุ่มรายดังกล่าว เพิ่งก่อเหตุขับรถปอร์เช่ หมุนและพุ่งเข้าชนผู้ที่จอดรถ จยย.ริมทาง สองสามีภรรยา และชายอีก 1 ราย บริเวณคลองลำเจียก ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2560


โดย รายการต่างคนต่างคิด ช่องอัมรินทร์ทีวี ได้พาผู้เสียหายมาออกรายการ โดยพบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายชลวิทย์ หิรัญ หรือ “เอ็ม” เจ้าของธุรกิจรถยนต์มือสอง ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายชลวิทย์ เป็นบุคคลเดียวกับที่เคยก่อเหตุ ขับรถยนต์ มินิคูเปอร์ซิ่งจนมีคนบาดเจ็บ 4 ราย ซึ่งเวลาผ่านไปกว่า 5 ปีแล้ว ผู้เสียหายจากเหตุมินิคูเปอร์ ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา ตามคำสั่งศาล ที่สั่งให้ชดใช้ 14ล. โดยเมื่อผู้เสียหายสอบถามไปทาง”อาม่า”ของนายชลวิทย์ ก็กลับได้รับคำตอบว่า ไม่มีเงิน แต่กลับมีรถหรู ราคาแพง และไม่เคยเหลียวแลเยียวยาผู้เสียหายที่กิดจากการกระทำของนายชลวิทย์ และพบว่า ผู้เสียหายได้เงินเพียง 1 หมื่นบาทเท่านั้น ทั้งนี้ หนึ่งในผู้เสียหาย ต้องนอนโรงพยาบาล 6 เดือน และมีความผิดปกติทางสมองจนถึงทุกวันนี้

ผู้ก่อเหตุ

โดยนางสุนิตา แซ่โกว หรือ “นุ่น” เล่าว่า เหตุการณ์เกิดในปี 2555 ซึ่งรถของตนเองนั้นประสบอุบัติเหตุที่บริเวณสะพานพระราม 9 โดยมีพลเมืองดีคือ น.ส.โชติกา ประสาทโสพันธุ์ หรือ “ปลั๊ก” พร้อมเพื่อนๆ ลงมาช่วยเหลือ แต่จู่ๆก็มี “รถมินิคูเปอร์สีแดง” ขับมาชนคนบริเวณนั้นทั้งหมด 4 คนด้วยกัน จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นตนเองก็ได้เข้ารับการรักษา โดยฟันหัก 11 ซี่และกรามหัก และไม่ได้รับการติดต่อจากทางชลวิทย์แต่อย่างใด แม้ก่อนหน้านี้ทางแม่ของตนจะติดต่อไปหาทางพ่อชลวิทย์ แต่กลับถูกพูดจานักเลง และหยาบคายพร้อมบอกว่า “ถ้าลูกผมขับรถเร็วปานนี้ตายกันหมดแล้ว” และทราบเรื่องที่ชลวิทย์ขับรถชนผู้อื่นจากทางเพื่อน และคิดเพียงว่าขับรถชนคนอื่นอีกแล้วเหรอ ตนจึงได้นำเรื่องไปส่งยังเพจเพื่อขอความเป็นธรรม เพราะ“เป็นผู้ใหญ่และมาสร้างความเดือดร้อนและไม่รับผิดชอบ พลเมืองดีควรได้รับผลแบบนี้เหรอ” ซึ่งสงสัยว่ามีประสบการณ์ที่แย่มาแล้วทำไมยังจะทำอีกและ“อยากให้ออกมาชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้น”


ด้านนายพิจักษณ์ ตั้งเจริญโสภณ พ่อของน้องปลั๊ก เหยื่อในปี 55 เปิดเผยว่า ชีวิตพลิกผันไปอย่างมาก เนื่องจากลูกสาวที่กำลังมีอนาคตที่สวยงาม กลับมาเจอสิ่งที่ไม่สมควรเกิดกับเขา เพราะหลังลูกฟื้นขึ้นมาสมองกลับจดจำเรื่องราวไม่ได้ และสมองได้รับการสูญเสียไป 30 % กลายเป็นคนความจำสั้น ลูกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อต้องคอยช่วยเหลือทุกอย่าง แม้ก่อนหน้านี้ทางชลวิทย์เคยออกมาพูดต่อหน้าสื่อมวลชนว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ทางเหยื่อคนละ 10,000 บาท กับสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งตอนแรกจะให้ 300,000 บาทและภายหลังบอกว่าไม่มีแล้ว ซึ่งทางทนายของตนเองออกมาคำนวณนั้นต้องชดใช้หลายล้านบาท ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบว่าตนเองนั้นจะติดต่อทางชลวิทย์อย่างไร แต่เคยไปแอบดูบ้านที่เป็นอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง อยู่ภายในตลาดวัดไทร และไม่เห็นรถยนต์ เนื่องจากบริเวณนั้นไม่สามารถจอดรถได้ ซึ่งบอกเลยว่า หนทางในการเรียกร้องนั้นมืดมน แต่ตอนนี้เริ่มมีวี่แวว และไม่เคยเห็นเขาลำบากอะไรเลย และอยากจะขอให้ออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำแค่นั้นเอง


ทางด้านนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง ที่เคยเป็นทนายความให้ฝ่ายนายชลวิทย์ เมื่อ ปี 2555 บอกว่า ตนเองยอมรับว่าเป็นทนายความฝั่งชลวิทย์จริง และได้ให้นายชลวิทย์ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายทั้ง 3 ราย จำนวน 14 ล้านบาท แต่ทางครอบครัวนายชลวิทย์ยังไม่ยอมมีการชำระเงินตามคำสั่งศาล ซึ่งตนเองในฐานะทนายความ ก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้ลูกความยอมชดใช้ค่าเสียหาย แต่ไม่เป็นผล เพราะอาม่าของนายชลวิทย์บอกแค่ว่าเงินทั้งหมดนั้นได้เอาเงินไปซื้อรถหมดแล้ว พร้อมยอมรับว่านายชลวิทย์เป็นคนชอบใช้อารมณ์ ไม่ยอมฟังใคร หลังจบคดีก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้เสียหายจะต้องใช้สิทธิบังคับคดีตามคำสั่งศาล เพื่อติดตามอายัดและยึดทรัพย์สินชดใช้แทนหนี้ต่อไป โดยขณะนี้มีอายุความเหลือเพียง 5 ปีเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน