กองปราบฯจับแล้ว สาวเจ้าของบริษัทเครื่องสำอาง ตุ๋นลงทุนครีมบำรุงผิว กับ ลูกน้องอีก3 ราย สารภาพ กู้แบงก์ไม่ผ่าน เลยต้องหาเงินลงทุน อ้างทำมา 2 ปี เพิ่งมีปัญหา เพราะตัวแทนจำหน่ายเน้นแต่ลงทุนเงินหวังเงิน ปันผล ไม่สนใจขายสินค้า จนสุดท้ายก็ขาดทุน ที่ต้องหนี เพราะถูกเจ้าหนี้นอกระบบตามขู่ ตร.เผยเหลือผู้ต้องหาอีก 1 ราย ขณะที่คดีดร.จุฬาฯ ตุ๋นลงทุนลอตเตอรี่ ล่าสุดจับเพิ่มอีก 2 ราย หลังมีหลักฐาน ดร.โอนเงินให้รวม 42 ล้าน ก่อนคุมตัวส่งฝากขัง รอง ผบช.ก. เชื่อยังกบดานอยู่เมืองไทย เพราะป่วยหลายโรค ขณะที่ปปง.ตามเส้นทางการเงิน พบโอนให้บุคคลหลายคน

จากกรณีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางนนท์นรัตน์ มุลิจันทร์ เจ้าของ “บริษัท ปาลิตต้าเพียว อินเตอร์คอสเมติก จำกัด” ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังถูกหลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจผลิตครีมบำรุงผิว โดยมีการให้เงินปันผลต่อเดือนถึง 30% ของเงินลงทุน ก่อนขอให้ลงทุนเพิ่ม อ้างสินค้ากำลังขายดี เพราะต้อง ส่งออกไปต่างประเทศด้วย ภายหลังทางน.ส.นนท์นรัตน์ กลับหอบเงินลงทุนหลบหนีไป จนทราบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกเหมือนกัน โดยพบมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 เม.ย. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก. 2 บก.ป. พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.อนุชา ธนะอุดม .พ.ต.ท.ธีรพัฒน์ ธารีไทย รอง ผกก.3 บก.ป. ร่วมกันแถลงจับกุมนางนนท์นรัตน์ มุลิจันทร์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 702/104 ถ.พิชัยรณรงค์สงคราม ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี, น.ส.ปุญญ์ธนันท์ มุลิจันทร์ อายุ 30 ปี และ น.ส.ฐิติยรัชต์ บุญมีประเสริฐ อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

พล.ต.ต.สุทินกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับทางเจ้าของบริษัท ปาลิตต้า เพียว อินเตอร์ คอสเมติก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายด้านเวชสำอาง แต่หลอกลวงให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท ซึ่งจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 22 ใน 65 วัน ซึ่งก็ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกันเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อครบกำหนดกลับไม่ได้รับเงินดังกล่าว เหตุเกิดขึ้นใน หลายท้องที่ในจังหวัดชลบุรี, สุพรรณบุรี และนนทบุรี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 82,337,108 ล้านบาท

ต่อมาพนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ โดยคดีนี้มีผู้ต้องหา 5 ราย คือ นางนนท์นรัตน์, น.ส.ปุญญ์ธนันท์, น.ส.ฐิติยรัชต์, นายสราวุธ ชัยฤทธินาถ อายุ 38 ปี และนายสุริโย มุลิจันทร์ อายุ 30 ปี ต่อมาเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมาสามารถจับกุมนายสราวุธได้ ก่อนตามไปจับ ผู้ต้องหาทั้งสามรายได้ที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนนายสุริโยอยู่ระหว่างติดตามจับกุม

ขญะที่นางนนท์นรัตน์ ให้การว่า ตนและพวกเปิดบริษัทขายเครื่องสำอางมาได้ 2 ปีแล้ว เพิ่งจะเกิดปัญหาในช่วง 7-8 เดือนหลัง เนื่องจากต้องลงทุนใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพราะต้องทำโฆษณาและทำการตลาด ช่วงแรกได้ไปขอกู้สินเชื่อธนาคาร ปรากฏว่าติดปัญหาไม่สามารถกู้ยืมได้ ตนในฐานะผู้บริหารจึงต้องเร่งหาเงินมาลงทุน จึงระดมเงินจากสมาชิกและตัวแทนจำหน่าย ระยะแรกก็สามารถแบ่งกำไรให้กับสมาชิกได้ มาในระยะหลังเริ่มเกิดปัญหา เนื่องจากตัวแทนจำหน่ายเน้นแต่เรื่องการลงทุนเงินเพื่อหวังเงินปันผล โดยไม่ได้เน้นการขายสินค้าจนยอดขายตกสุดท้ายจึงขาดทุน จำนวนเงินทั้งหมดที่ระดมมาส่วนใหญ่ก็นำไปใช้จ่ายเป็นเงินปันผลให้สมาชิกเท่านั้น ก็ต้องขอโทษตัวแทนและลูกค้าด้วยที่เกิดปัญหาขึ้นเนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ส่วนสาเหตุที่ต้องหลบหนีออกจากบ้าน ก็เพราะถูกข่มข่มจากผู้ลงทุนและเจ้าหนี้นอกระบบที่ไปกู้ยืมมา ภายหลังการสอบสวนจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาพล.ต.ต.ชวลิต ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีรศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลอกร่วมลงทุนในสหกรณ์ลอตเตอรี่ ที่อ้างว่าตนเองตั้งขึ้นมา แต่ไม่มีการลงทุนจริงๆ ก่อนหอบเงินหนี

พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ได้จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 1 ราย คือ น.ส.เมธวัชร์ หรือพชกร คนมั่น อายุ 32 ปี ในคดีโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิดมูลฐานความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และกระทำผิดฐานฟอกเงินโดยมีการสมคบกัน คาดว่ายังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกและอาจจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะการติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 1 ถึง 2 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีหลักฐานไปพาดพิงถึง อย่างไรก็ตามในการติดตามตัวอาจารย์สวัสดิ์ ก็มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งเชื่อว่ายังหลบหนีกบดานอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ป่วยหลายโรค สำหรับเส้นทางการเงินได้ประสานกับทาง ปปง.ในการตรวจสอบ ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีการโอนให้กับหลายคน แต่ก็ยังไม่ชัดเจน อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม

ด้าน พล.ต.ต.สุทิน ระบุว่าผู้ใดที่รับโอนเงินขอให้เข้ามาให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมถึงตัวอาจารย์สวัสดิ์ ก็ขอให้เข้ามาชี้แจง ธุรกรรม และเส้นทางการเงิน ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้ที่เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 408 ล้านบาทแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน พนักงานสอบสวนได้ไปเชิญตัว น.ส.ภวิษย์พร ใบเกตุ อายุ 28 ปี และ น.ส.จิรัชญา คุณยศยิ่ง อายุ 32 ปี มาสอบปากคำ หลังพบความเชื่อมโยงในเส้นทางการเงินที่รศ.ดร.สวัสดิ์ ได้โอนเงินให้กับน.ส.ภวิษย์พร เป็นจำนวนกว่า 42 ล้านบาท ในเวลา 2 ปี ภายหลังสอบปากคำอยู่นานกว่า 1ชั่วโมง จึงแจ้งข้อหาทั้งคู่ ในความผิดตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน ก่อนนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญาต่อไป

ต่อมาในช่วงบ่ายที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.อ.ธงชัย โตเจริญ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ควบคุมตัว น.ส.จิรัชญา หรือไข่เจียว คุณยศยิ่ง อายุ 24 ปีเศษ ชาวจังหวัดชลบุรี และ น.ส.ภวิษย์พร ใบเกตุ อายุ 29 ปี กทม. สาวหล่อ ซึ่งทั้งสองเป็นคู่รักกัน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.- 9 พ.ค. โดยพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการให้ประกันตัว

โดยคำร้อง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า น.ส. จิรัชญา ได้รับโอนเงินจากบัญชีของนายสวัสดิ์ แสงบางปลา ซึ่งนายสวัสดิ์ ได้หลอกลวงกลุ่มอาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเงินมาลงทุนโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยอ้างว่าจะให้ได้รับค่าตอบแทนร้อยละ 10 – 12 ต่อปี โดยพบมูลค่าความเสียหายรวม 339,382,750 บาท ซึ่งการสืบสวนพบว่า มีการโอนเงินบัญชีธนาคารกสิกรไทยของนายสวัสดิ์ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 58-13 มี.ค.60 ไปยังบัญชีกสิกรไทยของ น.ส.จิรัชญา จำนวน 40 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบยอดเงินพบว่าไม่มีเงินดังกล่าวเหลืออยู่แล้ว โดยน.ส.จิรัชญาและน.ส.ภวิษย์พร ซึ่งเป็นคนรักกัน อ้างว่าใช้เงินดังกล่าวร่วมกันด้วยการเล่นพนันออนไลน์และใช้จ่ายส่วนตัว โดยไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดในการโอนถ่ายเงินได้อย่างชัดเจนและไม่มีหลักฐานประกอบ

จากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้งสองและนายสวัสดิ์ เชื่อว่าเป็นการปกปิดอำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มาซึ่งทรัพย์สิน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลพิจารณาคำร้องอนุญาตให้ฝากขัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังไม่มีญาติยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวทั้งคู่ไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน